นางฟ้าของเอลลิโดรัส (Fairy of Elidorus) ตำนานดินแดนแห่งความสุขของเหล่าคนตัวเล็ก แห่งประเทศเวลส์
“เอลลิโดรัส” (Elidorus) เป็นชื่อของเด็กชายตัวละครในนิทานพื้นบ้านของชาวเวลส์ที่อาศัยอยู่บนคาบสมุทรโกเวอร์ เรื่องราวเล่าว่าในตอนเป็นเด็กเขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีความเข้มงวดทางด้านกฎเกณฑ์เป็นอย่างมาก เด็ก ๆ มักถูกลงโทษด้วยการทุบตีบ่อยครั้ง
มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาทนไม่ไหวจึงได้วิ่งหนีไปซ่อนตัวอยู่ในโพรงริมฝั่งแม่น้ำเป็นเวลานานหลายวัน เขายังคงอยู่เงียบ ๆ จนกระทั่งชายร่างเล็กสองคนมาพบเข้า ทั้งสองรูปร่างคล้ายกับมนุษย์มากยกเว้นรูปร่างที่เล็ก มีผิวสีขาว ผมยาวมาก ทั้งสองได้เชิญเขาไปยังประเทศที่น่าตื่นตาตื่นใจ ในเมืองเต็มไปด้วยความสนุกสนานรื่นเริงและการเล่นกีฬา
เขาตอบตกลงและติดตามทั้งสองผ่านเส้นทางอันแสนมืดมิดสู่ดินแดนอันแสนงดงามที่มีทุ่งหญ้า แม่น้ำและป่าไม้ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แต่ในดินแดนแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เหมือนกับคนที่เชิญมา
ต่อมาเขาได้ถูกพาไปพบกับพระราชา และได้พบกับพระโอรสที่มีอายุพอ ๆ กัน ทั้งสองจึงได้เล่นด้วยกัน ในขณะเดียวกันเขาก็ได้เรียนรู้ภาษาของเหล่านางฟ้าในระดับหนึ่ง ดูเหมือนว่าเกมกีฬาที่คนในดินแดนนี้โปรดปรานกันมากที่สุดคือการเล่นกีฬาโดยใช้ลูกบอลที่ทำจากทองคำแท้ นอกจากนี้ยังมีสรรพสัตว์ต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสุนัขและม้าตัวเล็ก ๆ เหล่าคนตัวเล็กทานอาหารที่ทำจากนมเป็นหลัก ไม่บริโภคปลาหรือเนื้อสัตว์เลย ไม่สถาบันทางศาสนาหรือสิ่งที่คล้ายกัน พวกเขาเกลียดชังการโกหกและต่างพากันอุทิศตัวเพื่อสังคม บางครั้งพวกเขาก็จะเข้าไปในโลกของมนุษย์
บางครั้งเอลลิโดรัสกลับไปยังดินแดนของมนุษย์เพื่อเยี่ยมบ้านเกิดและเล่าเรื่องราวที่ได้พบให้กับครอบครัวฟังผ่านเส้นทางเดิมที่เคยมาและเขายังได้พบเส้นทางอื่น ๆ ที่สามารถเดินทางมายังโลกมนุษย์ได้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแม่ของเขากลับเกิดความละโมบขึ้นมาและออกอุบายสั่งให้เขาขโมยลูกบอลทองคำมาให้เป็นของขวัญให้กับตัวเอง
ถึงแม้เขาจะเป็นคนดี แต่ก็ไม่สามารถขัดขืนคำสั่งของแม่ได้ เขาจึงได้ขโมยลูกบอลทองคำมาลูกหนึ่ง ถึงอย่างนั้นความก็แตกในที่สุด เขาวิ่งหนีไปในขณะที่ถูกคนตัวเล็กสองคนตามไล่ล่า เมื่อใกล้ถึงบ้านเขากลับสะดุดล้มลงจนทำให้คนตัวเล็กตามทันแล้วนำลูกบอลทองคำกลับไปเหลือเพียงแค่คำเยาะเย้ยเอาไว้เท่านั้น แม้เขาจะพยายามเดินทางกลับไปยังดินแดนแห่งความสุขเพื่ออธิบายในสิ่งที่ทำลงไป ดินแดนแห่งนี้ก็ได้ซ่อนตัวอยู่อย่างแนบเนียนเสียจนเขาไม่สามารถค้นพบมันได้อีกตลอดกาล
ต่อมาเขาได้กลายมาเป็นนักบวช ครั้นอายุมากขึ้นเขาก็ได้เล่าเรื่องราวของเหล่าคนตัวเล็กที่แสนแปลกประหลาดให้กับพระสังฆราชเดวิดที่ 2 และภาษาแปลกประหลาดที่เขาได้พูดออกมานั้นมีความคล้ายคลึงกับภาษากรีก แม้แต่คำศัพท์บางคำเองก็เหมือนกันอย่างมากอีกด้วย...
ฉันได้ยินเสียงหัวเราะประหลาดดังแว่วมาจากบ้านข้าง ๆ (เรื่องสยองขวัญสั้นๆ “เสียงหัวเราะของเพื่อนบ้าน)