บางครั้งเงาที่เดินตามมา มันอาจไม่ใช่เงาของตัวเราเอง...
ถึงแม้จะถูกสร้างขึ้นในแพลตฟอร์มเกมออนไลน์ที่ดูเหมือนจะเป็นมิตรอย่าง Roblox แต่ “The Mimic” กลับเป็นหนึ่งในเกมที่เปลี่ยนความคิดของผู้เล่นจำนวนมากว่า “เกมเด็ก” จะไม่มีทางทำให้น่าขนลุกได้ แถมความสยองของ The Mimic เองก็ไม่ได้อยู่แค่ในเสียงเอฟเฟกต์หรือกราฟิกเท่านั้น แต่มันอยู่ใน “บรรยากาศ” ที่เต็มไปด้วยความกดดันและการเดินทางเข้าไปในโลกแห่งความสยดสยองที่เราแทบไม่รู้ว่ามันจะกลืนผู้เล่นลงไปเมื่อไหร่
ต้นกำเนิดของเกม The Mimic
เกมนี้ถูกสร้างโดยผู้ใช้ชื่อ MUCDICH ในปี 2021 แบ่งออกเป็น “หนังสือ” (Books) ซึ่งแต่ละเล่มคือการสำรวจสถานที่ใหม่ที่มักจะมีแรงบันดาลใจจากตำนานญี่ปุ่น เช่น ยูกิโอนะ (หญิงหิมะ), คุชิซาเกะ โอนนะ (สาวปากฉีก), หรือแม้แต่ปีศาจลึกลับจากนิทานพื้นบ้าน
จุดเด่นของ The Mimic ดูเหมือนจะเป็นการใช้แสงเงา เสียงฝีเท้าและ “ความเงียบ” ในการสร้างความหวาดกลัว จนมีบางคนเปรียบเทียบว่าความน่ากลัวของมันเหมือนเกม Silent Hill เวอร์ชันมินิมอล
เรื่องเล่าจากผู้เล่น
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้เกมนี้กลายเป็นตำนานเล็ก ๆ ในโลกของ Roblox ก็คือ “ประสบการณ์ของผู้เล่น” ที่ดูจะมีความคล้ายกันจนน่าขนลุกจากทั่วมุมโลก
“ฉันเห็นอะไรบางอย่างอยู่ที่ประตู ทั้งที่เพื่อนทุกคนอยู่ข้างหลัง...”
หนึ่งในความเห็นจากผู้เล่นใน Book II กล่าว
“มีช่วงนึงที่เกมเหมือนค้างไปนิดนึง แต่เสียงกระซิบยังดังอยู่ที่หูฟัง”
ผู้เล่นที่สตรีม The Mimic และเกิดเหตุการณ์ประหลาด ๆ ขึ้นกลางไลฟ์ กล่าว
หลายคนบอกว่าเกมนี้สร้าง “อาการระแวง” แม้กระทั่งในห้องของตัวเองหลังจากเลิกเล่น โดยเฉพาะหลังจากผ่านบทที่มีการเผชิญหน้ากับ “ร่างเลียนแบบ” ที่ไม่แน่ใจว่ามันเป็น NPC หรือเพื่อนเราเองที่โดนปีศาจสิงสู่ไปเรียบร้อยแล้ว
ความลับในเกมที่ยังไม่มีคำตอบ
ใน Book IV มีฉากหนึ่งที่ผู้เล่นหลายคนพบกับ “ประตูสีดำสนิท” ที่ไม่สามารถเปิดได้ ไม่มีการตอบสนองใด ๆ แม้แต่จากตัวโค้ดของเกมเอง ทำให้หลายคนเชื่อว่าเบื้องหลังของประตูดังกล่าวอาจซ่อน “ฉากจบลับ” หรือเหตุการณ์ที่ยังไม่ถูกปลดล็อกจากเนื้อหาของเกมในปัจจุบัน
ผู้เล่นบางคนอ้างว่ามี "เสียงกระซิบ" เป็นภาษาญี่ปุ่นในฉากที่ควรไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อใช้โปรแกรมแกะเสียงกลับพบประโยคที่มีใจความว่า
"オマエ ワタシ ト イッショ"
(แกจะอยู่กับฉันตลอดไป)
แล้วทำไม The Mimic ถึงได้กลายมาเป็นตำนานเกมผีแห่ง Roblox?
แม้จะเป็นเพียงเกมจาก Roblox ซึ่งดูเผิน ๆ เหมือนแพลตฟอร์มเกมที่เล่นกันได้ง่าย “ แต่ The Mimic กลับสร้างบรรยากาศที่ “ปิดล้อมความรู้สึกของผู้เล่นด้วยความเงียบ” อีกทั้งยังมีการเผชิญหน้ากับสิ่งที่คาดไม่ถึงและการเล่นกับ “ความจริงที่อาจไม่ใช่ความจริง”
เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่เกมที่กล้าสร้าง “พื้นที่ว่าง” เพื่อให้ผู้เล่นจินตนาการความกลัวของตัวเองขึ้นมาแทนที่จะยัดสิ่งน่ากลัวใส่หน้าตรง ๆ และประเด็นนี้เองที่ทำให้ The Mimic มีความแตกต่างจากเกมสยองขวัญแบบตลาดที่มีให้เห็นกันอยู่ทั่วไป
แม้ว่าจะไม่มีฉากสยองขวัญที่โชกเลือดหรือบทพูดยืดยาว แต่ The Mimic ทำให้ผู้เล่นหลายคนเริ่มระแวงแม้แต่เสียงฝีเท้าของตัวเองในห้องมืด ๆ เพราะในโลกของเกมนี้ ไม่มีใครแน่ใจได้เลยว่าเงาเหล่านั้น คือเงาของตัวเองจริง ๆ หรือ “เป็นสิ่งอื่น” กันแน่?
ตำนาน “ผู้หญิงสีเทา” ที่ปรากฏตัวสร้างความหลอนให้กับห้องสมุดวิลลาร์ด (Willlard Library) ประเทศสหรัฐอเมริกา