เปิดตำนานสยองลาโยโรน่า (La Llorona) หญิงคร่ำครวญ ตามหาลูก ลักพาเด็ก ชั่วนิรันดร์


“หญิงคร่ำครวญ” หรือ “La Llorona” เป็นหนึ่งในตำนานสยองขวัญพื้นเมืองที่เกิดมานานหลายร้อยปีที่สร้างความหวาดกลัวให้กับคนในทวีปอเมริกา โดยเฉพาะชาวลาตินอเมริกา กับเรื่องราวของผู้หญิงผมยาวสีดำ สวมชุดสีขาว ปิดปิดใบหน้าด้วยผ้าคลุม เนื้อตัวเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลาที่คอยเดินวนเวียนอยู่ตามชายฝั่ง พร้อมกับลักพาตัวเด็ก หรือใครก็ตามที่เข้ามาใกล้ลากลงไปในแม่น้ำเพื่อให้ขาดใจตายอย่างแสนทรมาน...
ต้นกำเนิดเรื่องราวสยองของลาโยโรน่า หญิงคร่ำครวญ
เรื่องราวของลาโยโรน่า มีจุดกำเนิดที่แตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปแล้วเรื่องราวส่วนใหญ่จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบ ดังต่อไปนี้
1.มาเรีย แม่ม่ายลูกสองผู้เปี่ยมด้วยเสน่ห์

แม่ม่ายผู้งดงามนามว่า “มาเรีย” อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชนบท มักใช้เวลาในช่วงเย็นสวมชุดสีขาว และออกไปสนทนากับสุภาพบุรุษที่แวะเวียนเข้ามาเกี้ยวพาราสีอย่างไม่ขาด แต่เพราะการมีลูกชายติดสองคน ทำให้เธอไม่สามารถออกไปทำกิจกรรมที่ชื่นชอบในตอนเย็นได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ชายหนุ่มที่เธอมีใจให้เริ่มตีตัวออกห่าง ด้วยความชิงชัง มาเรียได้ทำโยนลูกชายทั้งสองลงไปในแม่น้ำทีละคนโดยหวังกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจ แต่กลับยังคงถูกคนรักปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ในวินาทีนั้นเองที่เธอรู้สึกตัวขึ้นมาว่าตัวเองได้ทำเรื่องที่แสนเลวร้ายลงไป ทำให้เธอกลับไปปลิดชีวิตของตัวเองด้วยการกระโดดลงในแม่น้ำ ณ จุดเดียวกับที่โยนลูกชายทั้งสองลงไป
2.มาเรีย ผู้ถูกทิ้งขว้างและเต็มไปด้วยความชิงชัง

ต้นกำเนิดของหญิงคร่ำครวญอีกเรื่องราวได้ถูกเล่าว่า มาเรีย เป็นหญิงสาวชาวนาที่มีหน้าตาสวยงาม จนกระทั่งกลายมาเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มมากมาย เธอได้ปลงใจกับพ่อค้าที่เดินทางผ่านมา ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และมีลูกชายด้วยกันสองคน แต่แล้วความสุขเหล่านั้นก็ได้ผ่านพ้นไปพร้อมกับเวลาที่ล่วงผ่าน พัดพาความงามกาลเวลา สามีของเธอเริ่มปันใจให้กับผู้หญิงคนอื่นและไม่ค่อยกลับบ้านนัก และเมื่อไหร่ก็ตามที่กลับมาสามีก็จะให้ความใส่ใจกับลูกชายทั้งสองมากกว่า ด้วยความริษยา ชิงชัง มาเรียจับสามี ชู้รัก รวมทั้งลูกชายทั้งสองโยนลงในแม่น้ำจนกระทั่งขาดใจตาย เมื่อไฟแค้นมอดลง เธอถูกความเศร้าโศกเข้าจู่โจมจนทนไม่ไหวต้องโดดน้ำฆ่าตัวตายตาม
3.มาเรีย ผู้ถูกสามีชิงชัง

ตำนานอีกบทหนึ่งเกี่ยวกับการกำเนิดของหญิงคร่ำครวญ มีเรื่องราวที่คล้ายกับเรื่องที่สอง แต่มีจุดที่แตกต่างกันเล็กน้อย คือ เมื่อมาเรียโยนลูกชายทั้งสองลงไปในแม่น้ำ เธอพลันได้สติกลับคืนมา เธอกรีดร้องพร้อมกับกระโดดลงไปในแม่น้ำแล้วพยายามตามหาลูกชาย แต่กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากก็ได้พัดเอาร่างทั้งสองหายไปอย่างไร้ร่องรอย ในวันต่อมาสามีได้กลับมาบ้านพร้อมกับถามหาลูกชายทั้งสอง มาเรียร้องและสารภาพ ทำให้สามีโกรธจัด พร้อมกับยื่นคำขาดว่าถ้าหากเธอตามหาลูกชายทั้งสองไม่พบ พวกเขาจะไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อีกต่อไป ด้วยความโศกเศร้า มาเรียไม่กิน ไม่นอน เดินร้องไห้ตามหาลูกชายไปตามริมฝั่งแม่น้ำ พร้อมกับสวมชุดสีขาวตัวโปรด เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า เธอก็ยิ่งซูบผอมเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเองสีขาวที่เคยสวยงามสกปรกเปื้อนโคลน ขาดวิ่น และเสียชีวิตที่ริมแม่น้ำในที่สุด...
หญิงคร่ำครวญผู้ถูกสวรรค์สาป
เชื่อกันว่าหลังจากโดดน้ำฆ่าตัวตาย มาเรียได้เดินทางไปจนถึงประตูเฝ้าสวรรค์ แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้ผ่านเข้าไป เพราะเธอมีบาปมหัตในการฆ่าลูกของตัวเอง และตั๋วใบเดียวที่จะช่วยให้เธอผ่านเข้าไปได้คือการตามหาวิญญาณของลูกชายทั้งสองจนกว่าจะพบ บางเรื่องเล่าบอกว่า หลังจากที่มาเรียเสียชีวิตในระหว่างที่กำลังโศกเศร้าอยู่ที่ริมแม่น้ำ ปีศาจได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับบอกว่าสิ่งเดียวที่จะทำให้เธอหลุดพ้นจากบาปคือการตามหาลูกชาย ทำให้เธอออกเร่ร่อนตามหาลูกชาย แต่หลังจากการเดินทางอันยาวนานด้วยความสิ้นหวัง มาเรียเริ่มลักพาตัวเด็กๆที่พบในระหว่างทาง เพราะคิดว่าอาจจะเป็นลูกชายของเธอ แต่เมื่อว่าพบว่าไม่ใช่ก็จะสังหารด้วยการทำให้จมน้ำตาย ซึ่งเป็นการถือกำเนิดเรื่องราวความสยองของ “ลาโยโรน่า” อย่างไรก็ตามความจริงเพียงหนึ่งเดียวที่เธอไม่เคยได้ยินจากปากของปีศาจ หรือผู้เฝ้าประตูสวรรค์ ก็คือ วิญญาณของลูกชายทั้งสองที่เธอเฝ้าตามหานั้น พวกเขาได้ไปสู่สวรรค์นานแล้ว ทำให้เธอยังคงวนเวียนฝ้าตามหาพร้อมส่งเสียงร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าอันน่าสยดสยองไปตลอดกาล...
ภาพยนตร์เรื่อง The Curse of La Llorona : คำสาปมรณะจากหญิงร่ำไห้
เสียงคร่ำครวญปลิดวิญญาณแห่งลาโยโรน่า
หากใครได้ยินเสียงของหญิงคร่ำครวญ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการ “วิ่งหนีไปในทิศตรงข้าม” ให้เร็วที่สุด เพราะเชื่อกันว่าเสียงของเธอจะนำพาความโชคร้าย และความตายมาให้กับคนที่ได้ยิน แต่สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดคือ หากได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอเหมือนไกล แสดงว่าที่จริงเธออยู่ใกล้ แต่ถ้าหากได้ยินเสียงร้องไห้อยู่ใกล้แสดงว่าเธออยู่ไกล การหล่อล่อด้วยระยะของเสียงทำให้มีหลายคนที่ถูกหลอก จนกระทั่งกลายเป็นเหยื่อของหญิงคร่ำครวญอย่างไม่ทันตั้งตัว...
การปรากฏตัวของหญิงคร่ำครวญ
ผู้ที่อ้างว่าเคยเห็นหญิงคร่ำครวญบอกเล่าว่า เธอมักจะปรากฏตัวให้เห็นในช่วงเย็นล่วงไปถึงตอนกลางคืนบริเวณริมแม่น้ำหรือทะเลสาบในสวมชุดสีขาว หรือชุดงานศพสีขาว สวมคลุมหน้า พลางร้องไห้คร่ำครวญว่า “โอ้!... ลูกๆของฉัน” หรือ “โอ้.. ลูกชายของฉัน” และ “ลูกชายของฉันอยู่ที่ไหน!?” พร้อมกับพยายามกวาดมือตามหาร่างของลูกชายที่ก้นของแม่น้ำ บางคนเล่าว่าเคยเห็นเธอลอยอยู่กลางอากาศระหว่างต้นไม้ริมชายฝั่ง หรือลอยอยู่เหนือน้ำในชุดคลุมสีขาวที่ฟุ้งกระจายราวกับเป็นหนึ่งเดียวกับสายน้ำ
Patricio Lugan และครอบครัว ได้อ้างว่าพวกเขาได้พบเห็นหญิงคร่ำครวญ บริเวณลำห้วยระหว่าง Mora และ Guadalupita ใน New Mexico ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งคุยกัน พวกเขาเห็นผู้หญิงร่างผอมสูงเดินไปตามลำห้วย จากนั้นหมือนจะลอยขึ้นเหนือน้ำก่อนที่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ปรากฏตัวขึ้นให้เห็นอีกครั้งและหายไป พวกเขาช่วยกันค้นหารอยเท้ารอบๆจุดที่เห็นแต่กลับไม่พบสิ่งใดเลย ทำให้เชื่อว่าผู้หญิงที่ได้เห็นคือหญิงคร่ำครวญอย่างแน่นอน
บทสรุปส่งท้าย : ลาโยโรน่า ผู้ตามหาลูกชายชั่วชั่วนิรันดร์
มีรายงานจากทั่วโลกว่า คนมากมายทั้งในอเมริกาเหนือ หรือแม้แต่อังกฤษอ้างว่าเคยเห็นลาโยโรน่า ที่ยังคงเฝ้าตามหาวิญญาณของลูกชาย โดยมีการพรรณนาลักษณะการแต่งกาย และรูปร่างที่คล้ายคลึงกันมานานนับร้อยปีจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของหญิงคร่ำครวญถูกผู้ใหญ่ในลาตินอเมริกานำมาใช้เป็นสิ่งเตือนเด็กๆไม่ให้เข้าไปเล่นใกล้กับแม่น้ำโดยเฉพาะในตอนกลางคืน ไม่เช่นนั้นอาจถูกหญิงคร่ำครวญลากลงไปในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวจนกระทั่งหายลับไปในความมืดมิดตลอดกาล...









