ภูเขาดำ (Black Mountain) หุบสูบคน สถานที่อาถรรพ์ที่ไม่ควรไปเยือนอย่างเด็ดขาด แห่งประเทศออสเตรเลีย
“ภูเขาดำ” (Black Mountain) ตั้งอยู่ในรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ชาวพื้นเมืองเรียกภูเขาแห่งนี้ว่า “Kalkajaka” โดยมีความหมายว่า “ดินแดนแห่งหอก” ณ ปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้ถูกจัดให้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ ที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าที่มีเอกลักษณ์หลายชนิด และมีหลายสายพันธุ์ที่หายากเป็นอย่างมาก...
ลักษณะพื้นที่ของภูเขาดำ
ภูเขาดำ ประกอบด้วยหินแกรนิตสีดำ ผสมกับก้อนหินแกรนิตทั่วไปขนาดใหญ่ บางก้อนกล่าวกันว่ามันมีขนาดใหญ่เท่ากับบ้านขนาดเล็กหนึ่งหลังเลยทีเดียว นักธรณีวิทยาที่ทำการศึกษาภูเขาแห่งนี้เชื่อว่า ภูเขาแห่งนี้เกิดจากการก่อตัวของหินหนืดที่แข็งตัวตั้งแต่ 250 ล้านปีก่อน ภายใต้ชั้นหินที่แข็งตัวไม่มีดินเข้าไปถม ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างหินมากมาย หรืออาจกล่าวได้ว่าใต้ภูเขาดำมีอุโมงค์และถ้ำจำนวนมาก แถมยังมืดมิดน่ากลัว เพราะสภาพตามธรรมชาติของหินแกรนิตที่มีสีดำ
ตำนานปีศาจกินคนอันน่าหวาดกลัวแห่งภูเขาดำ
ภูเขาดำ เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยตำนานและนิทานพื้นบ้านมากมาย ชาวอะบอริจินเรียกมันว่า “ภูเขาแห่งความตาย” เนื่องจากมีอุโมงค์มากมายใต้ภูเขาที่ทำให้หลงทางได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ยังมีรายงานการพบเห็นสิ่งมีชีวิตประหลาด รวมไปถึงการหายตัวไปอย่างลึกลับมากมาย จนถึงขนาดที่ชาวท้องถิ่นยังหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปใกล้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำไปได้
ตำนานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของภูเขาดำเกี่ยวกับพ่อมดยาสมุนไพร และ “มนุษย์กินคน” ที่เรียกกันว่า “Eater of Flesh” ผู้อาศัยอยู่ในอุโมงค์ ชนเผ่าท้องถิ่นหวาดกลัวอย่างมาก ถึงขนาดนำคนแก่และคนป่วยไปให้เขากิน โดยหวังว่าจะช่วยลดความอยากในการกินเนื้อมนุษย์ให้น้อยลง แต่ดูเหมือนว่าความต้องการอยากที่จะต่อสู้กับมนุษย์อันพลุ่งพล่านจะไม่สามารถสยบได้ด้วยเครื่องบูชายัญ วันหนึ่งเขาจึงทำการได้สังหารและกินหัวหน้าเผ่าที่จับตัวมาได้อย่างเอร็ดอร่อย
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชนเผ่าที่ไม่พอใจรวมตัวกันเดินทางไปหา Eater of Flesh อย่างไรก็ตาม ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ เขาจึงได้ทำการแปลงกายเป็นงูยักษ์เลื้อยเขาไปหลบซ่อนตัวอยู่ ณ ใจกลางของภูเขา พร้อมกับดักเล่นงานชนเผ่าที่ตามมาเล่นงงานด้วยความหิวโหย นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ที่เข้าใกล้ภูเขามากจนเกินไป ก็มักที่จะหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาตลอดกาล
ความลึกลับในการหายตัวไปของผู้คนรอบผู้เขาที่มีการบันทึกเอาไว้อย่างเป็นทางการ เริ่มต้นในปี 1877 เมื่อชาวยุโรปเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้ พนักงานส่งของนามว่า “เกรย์ เนอร์” ควบม้าออกตามหาลูกวัวที่หายตัวไปใกล้กับภูเขาดำ เขากลับหายตัวไปอย่างลึกลับ โดยไม่ใครพบเห็นเขา ลูกวัวหรือแม้แต่ม้าของเขาอีกเลย
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปีต่อมา แก๊งอาชญากรที่นำโดย “ชูการ์ฟุต แจ็ค” ได้หลบหนีเจ้าหน้าที่รัฐมาหลบซ่อนตัวอยู่ในภูเขาดำ แต่หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหากันอย่างหนัก กลับไม่มีใครพบเห็นพวกเขาอีกเลย
ปี 1890 นายตำรวจ “ไรอัน” และนักแกะรอยจาก Cooktown ได้ติดตามผู้ลี้ภัยไปยังหุบเขาดำ จนกระทั่งถึงถ้ำแห่งหนึ่ง เขาตัดสินใจที่จะเข้าไปในนั้น อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น เขาและผู้ลี้ภัย ก็ไม่เคยกลับมา
อีกเรื่องเล่าหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “แฮร์รี่ โอเวนส์” วันหนึ่งเข้าได้เดินทางไปที่หุบเขาดำเพื่อตามหาวัวที่หายไป จนไปพบกับ “กรอกี ฮอควิง” เพื่อนสนิท ที่ออกมาตามหาเขา หลังจากที่เห็นเพื่อนหายไปนานจนผิดสังเกตและไปทำการแจ้งความคนหายกับเจ้าหน้าที่ก่อนออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นว่าทั้งสองหายไปนาน จึงได้ระดมกำลังค้นหาจนกระทั่งพบแฮร์รี่ในถ้ำแห่งหนึ่ง พร้อมกับตกอยู่ในสภาวะจิตใจแตกกระเจิงกับบางสิ่งที่ได้เห็นจนถึงขนาดไม่ยอมปริปากบอกใครว่าเห็นอะไรมา!? ส่วนกรอกี ได้หายสาบสูญไป อย่างลึกลับ
ในปี 1920 นักข่าวสองคนที่เต็มไปด้วยมุ่งมั่นที่จะเปิดเผยปริศนาของภูเขาดำ ได้เดินทางเข้าไปในดินแดนแห่งอาถรรพ์ ก็ได้หายตัวไป เมื่อมีคนพยายามเข้าไปตามหา ก็หายตัวไปด้วยเช่นกัน!!!
บทสรุปส่งท้าย : ภูเขาดำ ดินแดนต้องห้ามแห่งประเทศออสเตรเลีย
ภูเขาดำ กลายมาเป็นสถานที่อาถรรพ์ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ชาวท้องถิ่นไม่ว่าจะผิวแทน ผิวขาว ก็ล้วนแล้วแต่ที่จะพยายามหลีกเลี่ยงมันให้มากที่สุด เพราะสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร เมื่อเข้าไปใกล้ก็จะทำให้รู้สึกไม่สบายใจและน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่า... ยังไม่มีคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น เพราะคนที่หลงทาง ไม่เคยมีใครได้กลับมาเล่าให้คนข้างนอกฟังเลยแม้แต่คนเดียว...