Eastern State Penitentiary เรือนจำแยกขังเดียวสุดโหดที่มีผีสิงมากที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกา
Eastern State Penitentiary เป็นอาคารในสไตล์โกธิคที่ถูกออกแบบมาให้คล้ายกับปราสาทที่ตั้งตระหง่านอยู่ในฟิลาเดเฟีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ถ้าหากใครคิดว่ารูปลักษณ์ภายนอกของอาคารแห่งนี้น่ากลัวแล้วอยากให้คิดใหม่ เพราะเรื่องราวภายในนั้นน่ากลัวกว่าหลายเท่าเลยทีเดียว...
ประวัติศาสตร์ของเรือนจำ Eastern State Penitentiary
Eastern State Penitentiary เปิดประตูรับห้องขังครั้งแรกในปี 1829 และเปิดดำเนินการมาจนถึงปี 1971 ในช่วงแรกที่สร้างขึ้นมันได้รับการขนานนามว่าเป็นอาคารสาธารณะที่แพงที่สุดและใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกา การออกแบบขั้นสูงของเรือนจำแห่งนี้ยังเป็นการปฏิวัติวงการสถาปนิกอีกด้วย เช่น ห้องสุขาที่สามารถทำความสะอาดด้วยน้ำแทนกระดาษชำระและเครื่องทำความร้อนส่วนกลางที่เป็นเรื่องที่ใหม่มากในยุคนั้น ผู้คุมสามารถที่จะทำการดูแลห้องขังเจ็ดแห่งได้จากหอคอยกลาง ซึ่งระบบการคุมขังนักโทษแบบใหม่นี้ได้ถูกเรียกว่าระบบเพนซิลเวเนียหรือระบบแยกจำลองการขังเดี่ยว ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการนำมาออกแบบเรือนจำกว่า 300 แห่งทั่วโลก
นอกจากระบบการแยกขังเดี่ยวของนักโทษแล้ว หลักการทางศาสนายังถูกนำมาใช้ในการออกแบบเพื่อช่วยปลูกฝังความสำนึกผิดให้กับนักโทษต่อบาปของตัวเอง โดยการสร้างโบสถ์เอาไว้เหนือทางประตูเตี้ยๆของทางเดินที่บังคับให้นักโทษต้องทำการโค้งคำนับเมื่อเดินผ่าน แต่โดยรวมแล้วเรือนจำ Eastern State Penitentiary ราวกับถูกเจตนาสร้างขึ้นมาให้คล้ายกับปราสาทมือยุคกลางที่กระตุ้นให้นักโทษหวาดกลัวตลอดเวลาเมื่อถูกคุมขัง และเรือนจำแห่งนี้ ยังเป็นสถานที่กักขังสุดยอดวายร้ายแห่งยุคอย่างอัล คาโปน อีกด้วย
ห้องขังเดี่ยวของเรือนจำ Eastern State Penitentiary
ห้องขังเดี่ยว เป็นระบบที่ถูกนำมาใช้อย่างจริงจังในเรือนจำ Eastern State Penitentiary โดยเน้นการออกแบบห้องขังเป็นแบบแนวตรงและแคบ นอกจากนี้ยังป้องกันเสียงให้เข้ามาถึงห้องขังให้น้อยที่สุดพร้อมระบบห้องขังแบบสองชั้น ทุกครั้งเวลาเข้าออกห้องขังนักโทษจะถูกคลุมด้วยกระสอบทั้งศีรษะเพื่อลดการมองเห็นและโต้ตอบระหว่างกันให้น้อยลง สิ่งเดียวที่จะช่วยลดความตึงเครียดจากการอยู่ในห้องขังตลอดเวลาคือช่วงเวลาออกกำลังกายเพียง 1 ชั่วโมงต่อวัน ในลานออกกำลังกายส่วนตัวที่เชื่อมต่อกับด้านหลังของห้อง และผู้คุมยังจับตามองอย่างเข้มงวดว่าจะไม่มีนักโทษอยู่ใกล้กันในช่วงเวลาเดียวกันเพื่อลดโอกาสในการตะโกนพูดคุยกันข้ามกำแพงกั้น
ความสยองขวัญใน ‘The Hole’
‘The Hole’ หรือ ‘The Klondike’ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่เหล่าผู้คุมใช้ในการลงโทษและทรมานนักโทษที่กล้าหาญพอจะดื้อด้าน Block 14 ที่อยู่ในบริเวณใต้ดินที่คับแคบไร้แสงสว่างและไม่มีน้ำ อาหารให้เป็นเวลานาน เป็นหนึ่งในการกำราบเหล่านักโทษได้อย่างยอดเยี่ยม
นอกจากนี้หากนักโทษคนไหนถูกจับได้ว่ากำลังวางแผนหลบหนี นอกจากจะถูกจับโยนเข้าไปในห้องขังนี้ ยังต้องพบกับการลงโทษที่แสนน่ากลัว เช่น การถูกล่ามโซ่ติดอยู่กับกำแพงของสวนออกกำลังกายและถูกราดด้วยน้ำจนเปียกไปทั้งตัวในฤดูหนาวทำให้น้ำเย็นๆแข็งตัวจนเกาะติดอยู่บนผิวหนังของนักโทษผู้โคร้าย บางคนถูกจับนั่งบนเก้าอี้จองจำเหมือนกับที่ใช้กับคนบ้าพร้อมกับถูกมัดมือเท้าด้วยสายรัดหนังอย่างแน่นหนาทิ้งเอาไว้ให้อยู่บนเก้าอี้เป็นเป็นเวลาหลายวัน การถูกจำกัดการเคลื่อนไหวนานๆทำให้หลายคนสติแตก บางคนถึงกับต้องถูกตัดแขนขาทิ้งเพราะสายรัดหนังทำให้เลือดไหลเวียนไปยังอวัยวะต่างๆไม่สะดวก ปิดท้ายด้วยการลงโทษโดย Iron Gag เป็นวิธีการทรมานนักโทษ ด้วยการหนีบลิ้นเข้ากับเครื่องถ่างเปิดปาก หากนักโทษพยายามดิ้นรนลิ้นก็จะได้รับความเสียหาย ฉีกขาดจนเลือดไหลออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
การวางแผนหลบหนีนับ 100 รายของนักโทษจากเรือนจำ Eastern State Penitentiary
จากสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายทุกตารางนิ้วของเรือนจำ Eastern State Penitentiary ทำให้นักโทษกว่า 100 ราย พยายามวางแผนหลบหนีระหว่างถูกจองจำ แต่มีจำนวนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่กล้าพอ และมีเพียงไม่กี่คนที่หนีออกมาได้สำเร็จและเป็นอิสระในช่วงเวลาสั้นๆ
ปิดตำนานเรือนจำสยอง Eastern State Penitentiary
ประชาชนยังคงตั้งคำถามถึงการมีอยู่ของเรือนจำ Eastern State Penitentiary จนกระทั่งเวลาล่วงไปถึงปี 1913 หลังจากที่จำนวนนักโทษมากขึ้นจนกลายเป็นแออัด ทำให้เรือนจำ Eastern State Penitentiary ต้องยกเลิกการขังเดี่ยวมาเป็นหนึ่งห้องขังหลายนักโทษเพื่อให้รองรับจำนวนนักโทษที่มากขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งถึงปี 1972 มันก็ได้ถูกทิ้งร้าง และใช้เวลาหลังจากนั้นอีกหลายปีก่อนที่จะกลับมาโด่งดังอีกในฐานะสถานที่ทดสอบความกล้ายอดนิยมของเหล่านักล่าท้าผี
ประวัติศาสตร์แห่งผีสางที่น่าขนลุกของเรือนจำ Eastern State Penitentiary
จากอดีตที่เต็มไปด้วยความเลวร้ายและมืดมนของเรือนจำ Eastern State Penitentiary ทำให้มันกลายมาเป็นหนึ่งในสถานที่ผีสิงมากที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง มีรายงานจำนวนนับไม่ถ้วนเกี่ยวกับเสียงกรีดร้อง เสียงกระซิบ เสียงฝีเท้าที่ไม่สามารถอธิบายถึงที่มาของเสียงได้ นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงวิญญาณของอดีตผู้คุมในหอนาฬิกา
ใน Cellblock 4 เองก็มีการพบเห็นร่างเงาดำและใบหน้าในกำแพงห้องขัง ส่วน Cellblock 12 คนที่เขาไปมักได้ยินเสียงกระซิบและการปรากฏตัวของวิญญาณนักโทษ และ Cellblock 6 มักพบเห็นร่างในเงามืดปีนข้ามกำแพงไปอย่างรวดเร็ว
เรื่องราวของผีสางที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเรือนจำ Eastern State Penitentiary มาจาก Gary Johnson ช่างทำกุญแจที่ทำงานในเรือนจำในช่วงปี 1990 เขาทำหน้าที่ในการซ่อมแซมและบูรณะบางส่วนของอาคาร ในขณะที่ทำการซ่อมแซม Cellblock 4 เขาพบว่ากุญแจไม่สามารถทำการล็อกได้และพยายามที่ปิดมัน หลังจากทำได้สำเร็จเขาพบกับบางสิ่งที่คล้ายกับสายลม ก่อนที่จะพบกับสายลมที่รุนแรงเหมือนกับระเบิดอากาศที่หนาวเหน็บส่งผลให้เขาเป็นอัมพาตทั้งร่าง ในจังหวะนั้นเองที่เข้าได้เห็นใบหน้าของดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานปรากฏตัวขึ้นทั่วผนังในห้องขัง
เรื่องราวของผีเจ้าพ่อ Al Capone
Al Capone
Al Capone เป็นเจ้าพ่ออันธพาลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา ในระหว่างปี 1929-1930 เขาถูกจองจำอยู่ในเรือนจำ Eastern State Penitentiary เป็นเวลานาน 8 เดือน ในข้อหาพกพาอาวุธ ในระหว่างการถูกคุมขังเขาได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากนักโทษคนอื่น โดยมีห้องขังที่หรูหราประดับประดาไปด้วยงานศิลปะและยังมีเครื่องเล่นเพลง แต่แม้จะใช้ชีวิตอยู่อย่างเพียบพร้อมแต่เขาก็ยังบ่นอยู่ตลอดเวลา โดยเชื่อว่า James Clark หนึ่งในเหยื่อจากการสังหารหมู่คดีเซนต์วาเลนไทน์ ที่เชื่อกันว่า Al Capone เป็นผู้อยู่เบื้องหลังไฟเขียวสั่งสังหาร อยู่ในห้องขังเดียวกับเขาด้วย
การเยี่ยมชมเรือนจำผีสิง Eastern State Penitentiary
หากตัดเรื่องราวของผีสางออกไปเรือนจำ Eastern State Penitentiary ก็ยังคงเป็นหนึ่งในอาคารที่มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรม และยังสามารถเดินทางไปเยี่ยมชมได้อย่างง่ายดายเพราะตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองฟิลาเดฟีย ตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ในปัจจุบันมีจำหน่ายจากเว็บไซต์ของ Eastern State ขอแนะนำให้เผื่อเวลาเอาไว้อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง ในการเดินชมเรือนจำที่กว้างใหญ่และควรมาเยี่ยมชมในวันธรรมดาเพื่อหลีกเลี่ยงฝูงชนจำนวนมากที่มาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ในวันหยุด