อมรณา สารานุกรมแห่งความตาย อมรณา สารานุกรมแห่งความตาย
close ad block
  • เรื่องผีสั้นๆ
  • หนังสยองขวัญ การ์ตูนผี และเพลงต้องสาป
  • เกมผี เกมสยองขวัญ
  • E-Book

เจาะลึกตำนาน ตับไต! ไส้พุง! ผีกระสือ

  • 03-10-2023
  • มือปริศนา
  • 2,780
Line borderless Line borderless
เจาะลึกตำนาน ตับไต! ไส้พุง! ผีกระสือ

 

เจาะลึกตำนาน ตับไต! ไส้พุง! ผีกระสือ

 

            “กระสือ” เป็นหนึ่งในผีไทยที่คนไทยพูดถึงกันบ่อย และมักถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์หลายเรื่อง บวกกับภาพลักษณ์ที่ดูโดดเด่น สะดุดตา เนื่องจากปรากฏตัวโดยมีเพียงหัวกับไส้ ชวนทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียนระคนปนกับความสยดสยองทำให้ผีกระสือกลายมาเป็นที่จดจำฝังลึกลงไปในความเชื่อของคนไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตนับมาจนถึงปัจจุบัน

 

 

ผีกระสือ เรื่องขนลุกสุดคล้ายคลึงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“ฮันตูปินังกาลัน”

 

 

            หลายคนเชื่อว่าผีกระสือไม่ใช่ผีไทยแท้ แต่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเขมร โดยถูกเรียกว่า “เอิบ” จากผู้ที่ทำการเล่นไสยศาสตร์แล้วทำผิดข้อห้าม นอกจากนี้ ผีกระสือยังปรากฏตัวอยู่ในความเชื่อของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รอบประเทศไทย อย่างเช่นชาวลาว เรียกผีกระสือว่า “กระสือ” ชาวเวียดนามเรียกว่า “มาลาย” ในแถบของประเทศมาเลเซีย ยังมีปีศาจที่มีลักษณะคล้ายกับผีกระสืออย่างมากที่เรียกว่า “ฮันตูปินังกาลัน” และประเทศญี่ปุ่นเอง ก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปีศาจที่สามารถถอดหัวหากินในเวลากลางคืนที่มีชื่อเรียกว่า “นุเกะ-คุบิ” ที่หากไม่กลับเข้าร่างก็เสียชีวิตในตอนรุ่งเช้า  

 

"นุเกะ-คุบิ"

ลักษณะของผีกระสือ

"กระสือแบบดั้งเดิมของท่านเสถียรโกเศศ" ภาพจาก : http://gg.gg/f2ixr

            ในสมัยโบราณ ผีกระสือถูกเรียกว่า “ผีลากไส้” แล้วถูกเปลี่ยนเป็น “ผีกระสือ” ในภายหลัง เชื่อกันว่ากระสือเป็นผีชนิดหนึ่งที่เข้าสิงผู้หญิง (ถ้าหากเข้าสิงผู้ชายจะถูกเรียกว่า “กระหัง”) โดยมักเป็นหญิงชรา ยามเมื่อความกระหายอยากเกินควบคุม ตกดึกผีกระสือก็จะออกหากินด้วยการถอดหัวพ่วงเครื่องใน ตับไต ไส้พุง ลอยตามลมออกหากิน โดยทิ้งร่างกายที่เหลือเอาไว้ที่บ้าน แต่ในนิยามของท่านเสถียรโกเศศ เชื่อว่าผีกระสือ เป็นเพียงผู้หญิงแก่ที่มีหัวกับไส้สองแสงเรืองๆ โดยที่ไม่มีอวัยวะอื่นใด ซึ่งผีกระสือที่มีหัวไส้ และอวัยวะอื่นๆ ถูกแต่งเติมขึ้นมาในภายหลังจากจินตนาการของนักวาดภาพ ทวี วิษณุกร ในใบปิดภาพยนตร์เรื่อง “กระสือสาว” ในปี พ.ศ.2516

             "ภาพยนตร์เกี่ยวกับผีกระสือ"

                    เมื่อกระสือลอยผ่านไปที่ไหนก็จะมองเห็นเป็นดวงไฟขนาดใหญ่สีแดง หรือสีเขียวเรืองวาว เชื่อว่าดวงไฟนั่นล่ะคือวิญญาณของผีกระสือที่สิงอยู่ในตัวของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย โดยมักออกหากินตั้งแต่ช่วงเวลาหัวค่ำ พบบ่อยในช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม) ไปจนถึงใกล้รุ่งสาง เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้ว ผีกระสือก็จะกลับมาเข้าร่างต้นแล้วใช้ชีวิตในตอนกลางวันเหมือนกับมนุษย์ธรรมดาทุกประการ แต่มักแสดงอาการผิดปกติให้เห็น เช่น ไม่ชอบการสบตาคนอื่น สันโดษ ชอบเก็บตัว บางครั้งอาจไม่ชอบแสงสว่างอย่างเห็นได้ชัด เป็นต้น

 

ผีกระสือ กับกฎหมายตราสามดวง

 

           "กฏหมายตราสามดวง"

 

            คนในสมัยก่อนเชื่อว่าผีกระสือมีอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก จนทำให้มันถูกจารึกเอาไว้ใน “กฎหมายตราสามดวง” ของกรุงศรีอยุธยา โดยมีการระบุโทษของการใช้อำนาจคุณไสยในทางมิชอบเกี่ยวกับโดยการเป็นผีกระสือ หรือใช้ผีกระสือไปทำร้ายผู้อื่น ให้ทำการประหาร และยึดทรัพย์เข้าหลวงตามมาตราที่ 137 เพราะเป็นผีที่ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ และสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ก่อให้เกิดความเกลียดชัง ใส่ความกัน เป็นต้น

            ในมหาราชวงษ์พงศาวดารพม่าเอง ก็ได้มีการกล่าวถึงพระมเหสีชาวเงี้ยวของพระเจ้าอนรธามังช่อ ที่มีพระธาตุเสด็จมาอยู่ที่ต่างหูจนเกิดเป็นแสงสว่างไสว จนคนเชื่อว่าพระนางเป็นกระสือจนทำให้ถูกเนรเทศออกจากกรุง ก็เป็นหนึ่งในตำนานที่มีการบันทึกเอาไว้ ถึงความหวาดกลัวผีกระสือเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

 

อาหารจานโปรดของผีกระสือ

           ภาพจาก http://gg.gg/f2iz2

             ผีกระสือ ชอบของสด ของคาว โดยเฉพาะผู้หญิงที่คลอดลูกใหม่ในสมัยก่อนต้องระมัดระวังการมาเยือนของผีกระสือในตอนกลางคืนเป็นอย่างมาก เพราะกลิ่นคาวเลือดสดจะเป็นสื่อชักนำให้ผีกระสือมารอกินเลือก หรือรกเด็กที่ถูกตัดทิ้ง ถ้าหากสบโอกาสผีกระสืออาจถึงขั้นเข้าไปควักกินตับไต ไส้พุงของผู้เป็นแม่ หรือเด็กทารก ทำให้คนในสมัยก่อนมักนำไม้หนามแหลม หรือไม้ไผ่ที่มีหนามมาปิดช่องว่างระหว่างร่องกระดานเรือน เพื่อเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้ผีกระสือแอบเข้าไปทำร้ายคนในบ้าน เพราะเชื่อกันว่าผีกระสือกลัวไม้หนาจะเกี่ยวพันไส้จนไม่สามารถลอยหนีไปได้นั่นเอง

            อีกหนึ่งเมนูโปรดของผีกระสือ คือบรรดาของโสโครก โดยเฉพาะ “อุจจาระ” ของมนุษย์ที่หากินได้อย่างง่ายดาย เพราะในสมัยก่อนนิยมถ่ายท้องหนักกันกลางทุ่งเนื่องจากห้องน้ำเป็นสิ่งที่ค่อนข้างหายาก และต้องเป็นคนที่มีฐานะเท่านั้นถึงจะมีใช้ บางครั้งเมื่อผีกระสือกินอุจจาระจนกระทั่งอิ่มหนำดีแล้ว ก็จะเช็ดปากด้วยเสื้อผ้าที่ถูกตากทิ้งเอาไว้ตอนกลางคืนปรากฏเป็นรอยเปื้อนเป็นวงดวงให้เห็นอย่างชัดเจน นอกจากนี้คนที่มีบาดแผลต้องระมัดระวังตัวเช่นกัน เพราะผีกระสืออาจตามกลิ่นมาลอบดูดเลือดในตอนกลางคืน จนทำรู้สึกอ่อนเพลียจากการเสียเลือดไป 2-3 วัน

           

การถือกำเนิดของผีกระสือ

            สาเหตุสำคัญที่ทำให้คนธรรมดากลายเป็นผีกระสือ สามารถเกิดขึ้นได้จาก 2 สาเหตุ ดังต่อไปนี้

ทำผิดข้อห้ามของเดรัจฉานวิชา :

            ทำให้ไสยศาสตร์มนต์ดำย้อนกลับคืนเข้าตัวจนกลายเป็นผีกระสือไปในที่สุด

 

น้ำลายผีกระสือ :

            ผีกระสือเมื่อรู้ตัวว่าตนเองต้องตายจะไม่ยอมตายอย่างสงบ แต่จะพยายามหาทางสร้างทายาทกระสือต่อด้วยการคาย “น้ำลาย” ให้ลูกหลานคนใดคนหนึ่งทานเพื่อให้กลายเป็นผีกระสือต่อไป บางเชื่อว่าเมื่อได้รับน้ำลายก็จะกลายเป็นทายาทผีกระสือทันที บ้างเชื่อว่าต้องได้รับน้ำลายไปเรื่อยๆจนกระทั่งสะสมในร่างกายถึงในปริมาณที่เหมาะสมจึงจะกลายสภาพเป็นผีกระสือ อย่างไรก็ตามพฤติกรรมในการแสวงหาทายาทดังกล่าวมีคนตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นกลไกตามธรรมชาติของผีกระสือ ถ้าหากพยายามฝืนไม่ทำตามก็จะทำให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส แต่หากทำตามก็จะได้ตายอย่างสงบ หรือผีกระสือบางตนก็จะนอนตายในสภาพที่ชวนอนาถเพราะหัวกับตัวหลุดออกจากกัน เหมือนกับหัวกับคอเชื่อมต่อกันไม่ติดนั่นเอง       

 

"เปรต"

  

ถูกภูตเข้าสิง :

          มีความเชื่อว่าผีกระสือ คือ “ภูต” ประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นมาจากวิญญาณของมนุษย์ เมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ชอบหลอกลวงต้มตุ๋นคนอื่น เมื่อตายก็ได้กลายเป็นเปรต ต้องทุกข์ทรมานจากความหิวโหย ชอบกินของบูดเน่าเสีย จากวิบากกรรมที่ชอบทำเรื่องสกปรก เต็มไปด้วยความโลภอยากได้ทรัพย์สินของผู้อื่น เมื่อพ้นสภาพจากการเป็นเปรตหากยังไม่หมดกรรมก็จะกลายมาเป็นภูติที่กินได้เฉพาะของสกปรก ของคาว ของเน่าเหม็น ซึ่งภูตเหล่านี้จะเข้าสิงคนที่มีวิบากกรรมเหมือนกับตนเองในสมัยเป็นมนุษย์ จนกระทั่งกลายเป็น “ผีกระสือ” ทำให้ภูตมีลักษณะเหมือนกับ “กาฝาก” หรือ “ปรสิต” เมื่อสิงสู่นานเข้าก็จะยึดครองร่างกาย นำพาถอดหัวออกไปหากิน โดยดวงไฟที่เห็นสว่างเรืองๆ คือ “ดวงจิตของมนุษย์ที่มีวิบากกรรม” ในขณะออกหากิน ภูตจะทำการบังดวงจิตอำพรางกาย ทำให้คนเห็นเพียงแสงไป แต่มองไม่เห็นตัวภูต เมื่อพบเจอของสด ของคาว ก็จำแลงร่างกลับมาเป็นภูตก่อนกิน โดยภูตจะมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ผอม ดำ น่าเกลียด ไม่สวมเสื้อผ้า ทำให้มีความแตกต่างจากผีกระสือทั่วไปพอสมควร

 

 

ผีกระสือทำร้ายมนุษย์หรือเปล่า!?

 

            โดยทั่วไปแล้วผีกระสือจะไม่เข้าไปทำร้ายมนุษย์ก่อน ยามเมื่อออกหากินแล้วบังเอิญไปพบกับมนุษย์ก็จะพยายามหลบเลี่ยงหนีไป แต่ถ้าหากมนุษย์คนนั้นเป็นศัตรู คู่อริที่สร้างความขุ่นข้องหมองใจให้กับผีกระสือ มันก็จะมีความอาฆาตพยาบาทที่ล้ำลึกอย่างมากจนกว่าความแค้นจะได้รับการชำระ ในบางครั้งผีกระสือก็อาจทำร้ายคนที่ตนเกลียดชังจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยทีเดียว

 

การระบุตัวว่าใครคือผีกระสือ

            การระบุว่าใครเป็นร่างสิงสู่ของผีกระสือสามารถทำได้หลายวิธี ดังต่อไปนี้

o   นำผ้าเช็ดปากผีกระสือไปต้ม : ทำให้ผีกระสือเกิดความรู้สึกปวดแสบ ปวดร้อน แล้วแสดงตัวออกมาเพื่อขอร้องไม่ให้ทำการต้มผ้าเหล่านั้นต่อ

o   นำผ้าเช็ดปากไปฟาดบันไดบ้าน : ทำให้ผีกระสือปากบวม เหมือนกับถูกตีด้วยไม้ที่ปาก

o   สันโดษ เก็บตัว ไม่ชอบสุงสิงกับผู้คน และเกลียดกลัวแสงแดด

o   ชอบทานข้าวคนเดียว และชอบอาหารสด คาว

 

 

การปราบและขับไล่ผีกระสือ

 

            แม้ว่าผีกระสือจะเป็นหนึ่งในรูปแบบของการสิงสู่ร่างคนเป็น แต่ตามหลักการแล้วเชื่อว่าผีกระสือ เป็นปีศาจชนิด “พิเศษ” ที่ไม่สามารถทำการขับไล่ออกจากร่างของมนุษย์ที่ถูกสิงได้ เพราะผีกระสือได้บังคับให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงจนทำการ “ถอดหัว ถอดไส้” ที่ทำให้ร่างกายเสียหายหรืออาจกล่าวได้ว่า “ร่างกายได้ตายไปแล้ว” การที่ร่างสิงสู่ของผีกระสือยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ เกิดจากอำนาจลึกลับของผีกระสือเท่านั้น ดังนั้น การพยายามไล่ผีกระสือออกจากร่าง ก็คือการพยายาม “ฆ่า” เจ้าของร่างนั่นเอง เพราะหากผีกระสือออกจากร่าง ร่างกายเหล่านั้นก็จะมีสภาพเป็นเหมือนกับ “เปลือก” หรือ “ร่างไร้วิญญาณ” เท่านั้น..

 

ความพยายามในการจับกุมผีกระสือ

            มีหลายคนที่พยายามจับผีกระสือ เท่าที่เคยได้ยินมาการจับกุมมักใช้ “สุ่มไก่” โดยมีเรื่องเล่าดังต่อไปนี้

            ชายคนหนึ่งกำลังจับปลาอยู่ที่คลองแถวบ้านในตอนกลางคืน โดยมีภรรยาที่ใกล้จะคลอดลูกอยู่ที่บ้าน แล้วสังเกตเห็นที่หน้าบ้านของตัวเองแล้วเห็นดวงไฟ ดวงหนึ่งลอยขึ้นลงวนอยู่รอบบ้าน เขานึกว่าไฟกำลังไหม้บ้านเลยกลับมาดู ปรากฏว่าเป็นดวงไฟลอยไปลอยมารอบบ้านจึงรู้ว่าเป็นผีกระสือ จึงได้ไปเรียกเพื่อนให้มาช่วยกันเอาไม้ไผ่ล้อมจับได้สำเร็จ แล้วทำการขังเอาไว้ในสุ่มไก่ พอรุ่งเช้าดวงไฟในสุ่มก็หายไป เหลือเพียงแค่ความว่างเปล่า เมื่อตกกลางคืนแสงไฟก็กลับมาอีก หลังจากที่สำรวจพบว่ามีหญิงชราอยู่บ้านคนเดียวที่เหมือนจะสิ้นลม คล้ายกับไร้วิญญาณ ชายคนนั้นสำทับกับหญิงชราว่าอย่ามายุ่งกับครอบครัวเขาอีกแล้วจะปล่อยไป หลังจากที่ทำการปล่อย ผีกระสือก็ไม่กลับมาให้เห็นอีกเลย

            การพยายามจับกุมผีกระสืออีกครั้งหนึ่งเป็นเรื่องเล่าจากคุณตาของผู้เขียนเอง คุณตาท่านเล่าว่าเคยพบผีดวงไฟผีกระสือลงมากินซากวัว และเครื่องในที่ถูกทิ้งเอาไว้หลังบ้านงานบุญในตอนกลางคืน คุณตากับพวกจึงได้ไปทำการซุ่มรอในคืนต่อมา ปรากฏว่าผีกระสือก็ปรากฏตัวลงมากินซากวัวอีก ในขณะที่มันกำลังกินของบูด ของเน่าอย่างเอร็ดอร่อย คุณตาได้ย่องเอาสุ่มไก่ไปครอบ ด้วยความตกใจผีกระสือก็พยายามดิ้นรนจนคุณตาสู้แรงไม่ไหว จวนเจียนจะลอยขึ้นฟ้าไปทั้งคนทั้งผี ทั้งสุ่ม เพื่อนของคุณตาเห็นท่าไม่ดีเลยใช้ปืนลูกซองยิงใส่ดวงไฟก่อนที่มันจะลอยหนีขึ้นฟ้าได้สำเร็จ ในวันถัดมาปรากฏว่ามีหญิงชราที่อยู่อีกหมู่บ้านนอนตาย มีเลือดไหลออกมาจากปาก แต่ไม่มีบาดแผลตามร่างกาย แต่เมื่อตำรวจทำการชันสูตศพก็ต้องฉงน เพราะเครื่องในภายในมีร่องรอยของกระสุนปืนลูกซอง ทั้งที่ร่างกายภายนอกไม่มีบาดแผลจากลูกกระสุนแต่อย่างใด สร้างความประหลาดใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก

 

นักวิทยาศาสตร์ให้ความเห็นเกี่ยวกับผีกระสืออย่างไร

 

ก๊าซมีเทน

            นักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายการปรากฏตัวของผีกระสือเอาไว้ว่า เกิดจากก๊าซมีเทน จากการสะสมซากเน่าเปื่อยของอินทรีสารในนาข้าว หรือในท้องทุ่งเกิดการลุกติดไฟ จนกระทั่งกลายเป็นดวงไฟกลมจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในความมืด ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนได้โต้แย้งว่า การลุกไหม้ของก๊าซมีเทนเป็นการลุกไหม้เพียงบนผิวหน้าของวัตถุ ไม่สามารถลอยเคลื่อนที่ไปมาในอากาศได้ ทำให้ประเด็นเรื่องผีกระสือดังกล่าว กลายมาเป็นข้อถกเถียงกันอย่างมากเลยทีเดียว

"ผีกระสือปลอม" ภาพจาก : BBC

 

ภาพหลอกตา

            นอกจากนี้ ยังเชื่ออีกว่าการปรากฏตัวของผีกระสืออาจเกิดขึ้นจาก “ภาพหลอกตา” ที่เกิดจากการตกกระทบของแสงจากที่อื่น หรือเป็นแสงจากเครื่องบิน

 

ของปลอม

            หลายครั้งที่การปรากฏตัวของผีกระสือเกิดขึ้นจากการกลั่นแกล้งของมนุษย์ที่ทำขึ้นเพื่อหลอกแกล้งผู้อื่น

 

 

พืชสมุนไพร ที่มีความเกี่ยวข้องกับผีกระสือ

"ว่านผีกระสือ" ภาพจาก : http://gg.gg/f2j4s

            เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับผีกระสือปรากฏว่านและพืชสองชนิดที่เชื่อว่ามีความเกี่ยวพันกับผีกระสือ ได้แก่

“ว่านกระสือ” เป็นไฟลสายพันธุ์หนึ่งที่สามารถเรืองแสงได้ในที่มืด

 

            “เห็ดกระสือ” เป็นเห็ดสายพันธุ์หนึ่งที่สามารถเรืองแสงได้ในที่มืด

 

การปรากฏตัวของผีกระสือ ณ ปัจจุบัน

            การปรากฏตัวของผีกระสือที่สร้างความฮือฮาให้กับโลกโซเชียลฯ ครั้งหนึ่งเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2561 เมื่อครอบครัวหนึ่งได้เห็นผีกระสือทั้งครอบครัวอยู่บนต้นมะม่วง ก่อนที่จะค่อยๆลอยหนีหายไปกับตา โดยครอบครัวนี้ยืนยันว่าน่าจะตามกลิ่นคาวเลือดจากการเชือดวัวในตอนกลางวัน พร้อมกับทำการถ่ายคลิปวีดิโอ และภาพนิ่งการเผชิญหน้ากับผีกระสือเอาไว้เป็นหลักฐาน ยาวกว่า 28 วินาที เห็นเป็นดวงไฟประหลาดสีแดงอมเข้ม คล้ายกับคำบอกเล่าของคนสมัยก่อนเกี่ยวกับผีกระสือ

           "กระสือปลอม" ทำจากโดรนและหลอดไฟ ภาพจาก amarintv.com

แม้ว่าผีกระสือจะยังคงเป็นหนึ่งในผียอดฮิต! ที่ถูกหยิบนำมาเป็นวัตถุดิบในการสร้างภาพยนตร์ลี้ลับ สุดสยองให้เห็นมากมายหลายเวอร์ชั่น ให้เห็นกันแบบปีเว้นปี ทำให้คนรุ่นใหม่ก็ยังคงสามารถจดจำเอกลักษณ์ของผีกระสือได้เป็นอย่างดี...

 

 

 

 

 

 

ผีผู้หญิง ผีไทย
แบ่งปัน:
Line borderless Line borderless

ประวัติศาสตรผี ปีศาจ และอมนุษย์ทั่วโลก

  • สัตว์ประหลาดในตำนาน นิทานพื้นบ้านและภูตจากทั่วโลก (171)
  • ตำนานเมืองสยองขวัญทั่วโลก (99)
  • ผีในทวีปออสเตรเลีย (6)
  • เรื่องราวแปลกประหลาดและน่าสนใจทั่วโลก (44)
  • พ่อมดและแม่มด เวทมนตร์ อัญมณีและของขลัง (51)
  • เกมผี เกมสยองขวัญ (55)
  • ผีในประเทศญี่ปุ่น (467)
  • หนังสยองขวัญ การ์ตูนผี และเพลงต้องสาป (671)
  • ฆาตกรและปีศาจในคราบมนุษย์ (44)
  • เทพ ยมฑูต และเทวตำนาน (61)
  • ผีในทวีปแอฟริกา (20)
  • ผีในทวีปเอเชีย (104)
  • อมนุษย์ ปีศาจและเดรัจฉาน (172)
  • สถานที่สิงสู่ของผีเฮี้ยนทั่วโลก (335)
  • ความเชื่อ พิธีกรรมและสิ่งของต้องสาป (112)
  • เรื่องผีสั้นๆ (488)
  • ผีในทวีปยุโรปและอเมริกา (264)
  • ผีในประเทศไทย (44)

ค้นหาจาก Tag ... คลิก!

อุโมงค์กระดูก แห่งกรุงปารีส (Paris Catacombs) ประเทศฝรั่งเศส
[[รีวิวหนังผี แต่ไม่สปอย]] Metamorphosis ปีศาจเปลี่ยนหน้า
5 ผีญี่ปุ่น ตายโหง สุดเฮี้ยน ที่คนไทยไม่รู้จัก
ยูเระ แกรนด์โดะ (Jure Grando) แวมไพร์ตนแรกของประเทศโครเอเชีย
โฮน ออนนะ (Hone onna) สาวโครงกระดูก ผู้โอบกอดคนรักด้วยความตาย แห่งประเทศญี่ปุ่น
เรื่องสยองขวัญสั้น ๆ “หมอกลวงตา”
Copyrights © 2023 All Rights Reserved by amorerana.com.
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา