ผีทะเล กับตำนานความสยองในท้องทะเลดินแดนที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก
ท้องทะเล... เป็นดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลครอบครองพื้นที่ของโลกใบนี้เอาไว้ถึง 2 ใน 3 ส่วน และยังมีพื้นที่อีกจำนวนมากที่ตกสำรวจ ยากต่อการเดินทางเข้าถึงทำให้น่านน้ำท้องทะเลเต็มไปด้วยความลึกลับมากมายที่น่าค้นหา โดยเฉพาะเรื่องราวของ “ผีทะเล” ที่หลายเรื่องราวได้กลายมาเป็นตำนานเล่าขานที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งในประเทศไทยเองก็มีความเชื่อเกี่ยวกับผีทะเลอยู่เช่นกัน โดยรู้จักกันในชื่อของ “ผีพรายทะเล” ที่เชื่อกันว่าจะคอยดึงเหยื่อที่หมายตาเอาไว้ให้จมดิ่งลงสู่ความมืดมิด พร้อมๆกับอากาศที่ไหลออกจากปอดจนกระทั่งสำลักน้ำขาดใจตายไปอย่างแสนทรมาน นอกจากนี้ยังมีผีทะเลอีกหลายรูปแบบที่ปรากฏตัวขึ้นมาสร้างความสยองให้กับคนทั่วโลก ส่วนทะเลที่น่าสนใจจะมีที่ไหนกันบ้างนั้น มาติดตามอ่านได้จากบทความของอมรณา สารานุกรมแห่งความตายในตอนนี้กันเลย
จุดกำเนิดของเหล่าภูตผีแห่งท้องทะเล
เชื่อกันว่า “ผีทะเล” หรือผีพรายทะเล เป็นวิญญาณของคนที่เสียชีวิตในทะเล และปรากฏกายให้เห็นในท้องทะเลที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก หากกล่าวกันตามเหตุผลในการเดินทางผ่านท้องทะเลซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรหลักเพียงอย่างเดียวในการพาคนจากทวีปหนึ่งไปยังอีกทวีปหนึ่ง เรือหนึ่งลำต้องบรรทุกลูกเรือและผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก และเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดอุบัติเหตุอันน่าเศร้าจนอับปางลง ลูกเรือเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็มักที่จะไม่รอดชีวิตกลับมาจากท้องทะเลอันโหดร้ายจนกระทั่งกลายเป็นผีทะเล จากการเสียชีวิตแบบตายโหงอย่างกะทันหันและร่างกายเองก็ไม่ได้รับการฝังหรือเผาอย่างถูกต้องตามหลักศาสนา สิ่งเหล่านี้เองที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้วิญญาณไม่สงบสุข ไม่ยอมไปผุดไปเกิด กระทั่งกลายเป็นผีร้ายแห่งท้องทะเลที่น่าหวาดกลัว
การปรากฏตัวของผีในท้องทะเล
ผีทะเล สามารถปรากฏตัวให้เห็นในหลายลักษณะ แต่โดยสรุปแล้วผีทะเล มักมาให้เห็นในลักษณะดังต่อไปนี้
1.มนุษย์เดินลากปลาขึ้นจากน้ำ
ในบางครั้งอาจมาในรูปกายของมนุษย์ที่เดินลากปลาตัวใหญ่ขึ้นมาจากท้องทะเล เชื่อว่าผีทะเลประเภทนี้เกิดขึ้นมาจากคนที่เสียชีวิตจากการถูกปลากิน ด้วยความแค้นทำให้กลายมาเป็นวิญญาณเร่ร่อนคอยลากปลาตัวใหญ่ขึ้นมาจากท้องทะเลตลอดกาล
2.ดวงไฟ
ในบางครั้ง ผีทะเลอาจขึ้นมาบนเรือของชาวประมงที่กำลังออกหาปลาในท้องทะเลในรูปร่างของดวงไฟ โดยจะเกาะอยู่ที่เสากระโดงเรือ ชาวประมงเชื่อว่าหากดวงไฟของผีทะเลเกาะบนเสากระโดงเรือถือเป็นลางร้ายจนถึงขนาดทำให้เรืออับปางลงเลยทีเดียว
ในต่างประเทศ ชาวประมงเรียกผีทะเลประเภทนี้ว่า “เปลวเพลิงแห่งเซนต์เอลโม” (St. Elmo's Fire) ที่ได้รับการตั้งชื่อตามเซนต์เอราสมุส แห่งฟอร์เมีย หรือเซนต์เอลโม เทพารักษ์อุปถัมภ์ลูกเรือที่เดินทางในทะเล แม้เปลวไฟของผีทะเลนักเดินเรือส่วนใหญ่จะมองว่าเป็นโชคร้าย แต่ในสมัยก่อนลูกเรือจำนวนมากเชื่อว่าการปรากฏตัวของลูกไฟถือว่าเป็นดวงดี เพราะเป็นสัญญาณว่าเซนต์เอลโมไดมาเยือนเรือของตนเอง
3.ผีพรายทะเล ที่แอบอยู่ใต้ผิวน้ำ
ผีพรายทะเล เป็นผีที่มีนิสัยค่อนข้างดุร้าย เมื่อไม่พอใจออกอาละวาดก็จะทำให้ท้องทะเลเกิดความปั่นป่วน เกิดลมฝนพายุที่รุนแรง ชาวเรือของไทยในสมัยก่อนได้ทำการแก้ไขปราบอาถรรพ์ของผีพรายประเภทนี้ด้วยการสร้างรูปแม่ย่านางเอาไว้ที่บริเวณหัวเรือ เพื่อเป็นการช่วยคุ้มครองปกป้องไม่ให้ผีพรายออกอาละวาด
4.เรือผีสิง ที่ยังคงแล่นไปทั่วโลกตลอดกาล
เรือผีสิง เป็นปรากฏการณ์ของเรือที่อบปางไปนานแล้วหรือหายสาบสูญ ปรากฏตัวออกมาแล่นให้คนที่โดยสารเรืออยู่ในท้องทะเลได้เห็น เชื่อกันว่าเรือเหล่านี้ยังคงแล่นต่อไปได้ด้วยพลังสุดอาถรรพ์เหมือนกับเป็นรวมตัวกันของผีทะเลล่องลอยไปตามกระแสคลื่นในยามราตรีอย่างน่าสยดสยอง
หนึ่งในเรื่อผีสิงที่รู้จักกันดีมากที่สุดในโลกคือ Flying Dutchman ที่มีข่าวลือเกี่ยวกับมันมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 17 โดยมีเรื่องราวของเรือที่จนถึงวาระสุดท้ายก็ไม่ยอมเข้าเทียบท่าและยังคงเดินทางไปในท้องทะเลทั่วโลกตลอดกาล ผู้ที่อ้างว่าเคยพบเห็นเรือผีสิง Flying Dutchman เล่าว่า มันเป็นเรือที่มีเสากระโดงเรือส่องแสง และผู้ที่ได้พบเห็นมันจะต้องคำสาปที่ทำให้ไม่สามารถขึ้นไปบนฝั่งได้อีก
5.ใบหน้าของคนตายในเกลียวคลื่น
ภาพถ่ายติอวิญญาณ S.S. Watertown
ในบางครั้งผีทะเลได้ปรากฏตัวให้เห็นเป็นรูปร่างหรือใบหน้าของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วในในเกลียวคลื่นของทะเลอย่างชัดเจน เช่น กรณีของเรือ S.S. Watertown ที่กะลาสีของเรือได้ทำการถ่ายรูปภาพของเกลียวคลื่นด้านหลังของเรือก่อนที่จะพบความจริงสุดหลอนว่าบนเกลียวคลื่นถ่ายติดภาพใบหน้าของกะลาสีสองนาย James Courtney” และ “Michael Meehan” ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแก๊สรั่วในห้องบรรทุกสินค้าใต้ท้องเรือ ลูกเรือได้ทำพิธีศพ “ฝังในห้องน้ำ” ตามธรรมเนียม ณ สมัยนั้น หลังจากนั้นลูกเรือหลายคนก็ได้เห็นใบหน้าของลูกเรือทั้งสองอีกหลายครั้งที่ด้านหลังของเรือเหมือนกับกำลังพยายามว่ายตามเรือมา มีผู้เห็นการณ์นานกว่า 10 วัน กว่าที่ทุกอย่างจะกลับเป็นปกติและยังสามารถถ่ายติดภาพสุดสยองนี้ไว้เป็นหลักฐานจนกลายมาเป็นหนึ่งรูปถ่ายติดวิญญาณที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก
*อ่านเรื่องราวของเรือ S.S. Watertown ฉบับเต็ม คลิก!
ผีทะเลที่ปรากฏตัวในวรรณกรรมของไทย
ในวรรณคดีไทยที่รู้จักกันดีอย่าง “พระอภัยมณี” ก็ได้มีการกล่าวถึงผีทะเลเอาไวเช่นกัน โดยเป็นการเรียก “นางผีเสื้อสมุทร” นางยักษ์ที่มีอิทธิฤทธิ์มากและเป็นผู้ยิ่งใหญ่อยู่เหนือบรรดาเหล่าภูตผีปีศาจทั้งมวลที่อาศัยอยู่ภายในท้องทะเล
ผีทะเล กับคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์
นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการอธิบายเกี่ยวกับผีทะเล ที่มีลักษณะเป็นดวงไฟปริศนาที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวที่เสากระโดงเรือเอาไว้ว่า ที่จริงแล้วมันเป็นปรากฏการณ์ไฟฟ้าสถิตในอากาศ ที่เกิดการไหลจากที่สูงสู่ที่ต่ำผ่านทางเสากระโดงเรือ ส่วนใหญ่ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นในวันที่มีฝนตกฟ้าคะนองและมีพายุหรือเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ส่วนการพบเห็นเรือผีสิงและใบหน้าในเกลียวคลื่นในท้องทะเลนั้น นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตาที่เกิดขึ้นจากการหักเหของแสง จนทำให้เกิดตำนานของเรือผีสิงที่สร้างความหวาดกลัวให้กับคนทั่วโลก อย่างไรก็ตามในปัจจุบันการใช้คำว่าผีทะเลมาเปรียบเปรยแทนคำเรียกของคนที่มีนิสัยเจ้าชู้ชอบทำรุ่มร่ามกับผู้หญิงก็มักที่จะถูกเรียกว่า “ผีทะเล” แต่เป็นไปในเชิงความหมายที่ตำหนิไม่ได้รุนแรงนัก