ปอบจ้าว (ปอบเก้า) ราชันย์แห่งผีปอบ ความเชื่อสุดหลอนพื้นบ้านในจังหวัดขอนแก่น
เรื่องราวที่กำลังจะเล่าต่อปี้ เป็นสิ่งที่ถูกบันทึกคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในจังหวัดขอนแก่น ที่ผู้เขียนเคยรับฟังมาเป็นเรื่องราวของผีปอบประเภทหนึ่งที่ถูกเรียกว่า “ปอบจ้าว” หรือ “ปอบเก้า” ที่มีอิทธิฤทธิ์มากจนได้รับการกล่าวขานถึงว่า “ราชันย์แห่งผีปอบ” อย่างไรก็ตาม ผีปอบประเภทนี้เป็นเพียงความเชื่อของชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวเท่านั้น ดังนั้น เรื่องราวอาจฟังดูแปลกไม่คุ้นหูและคนส่วนใหญ่อาจไม่เคยรู้จักกันมาก่อน โดยอมรณา สารานุกรมแห่งความตายได้นำมาเสนอให้รู้จักกันเป็นแห่งแรกครับ
ผีปอบจ้าวหรือปอบเก้า คืออะไร?
จากคำบอกเล่าผีปอบเก้าคือ “ราชันย์” ของผีปอบ แตกต่างจากปอบผีฟ้าที่มีทั้งการให้คุณดูแลช่วยเหลือบริวาร ผีปอบเก้านั้นเป็นผีปอบที่ชั่วร้าย แสวงหากลืนกินเลือดเนื้ออย่างไม้รู้จักอิ่ม มีความตะกละมากกว่าผีปอบธรรมดาทั่วไปเป็นอย่างมาก ทำให้เมื่อมีเหตุการณ์สัตว์ถูกฆ่ากินตับไตไส้พุงอย่างน่าสยดสยองคนสมัยก่อนเชื่อว่าล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของผีปอบ แต่ถ้าหากเหตุการณ์นั้นเกิดอย่างต่อเนื่องและมีจำนวนมาก เช่น เป็ดถูกฆ่าควักไส้กินจนหมดเล้าหลายแห่งติดต่อกันเชื่อว่าจะต้องเป็นฝีมือของผีปอบจ้าว และในบางครั้งผีปอบเก้าก็จะหันมาเล่นงานมนุษย์ด้วยเช่นกัน เป็นการสร้างความหวาดกลัวให้คนในสมัยก่อนเป็นอย่างมาก สำหรับเหตุผลที่ทำให้ผีตนนี้ได้รับชื่อว่าผีปอบจ้าว เชื่อว่าเพราะมันมีพลังที่กล้าแข็งจนกระทั่งหากอยากปราบต้องทำถึงเก้าครั้งชีวิตถึงจะสำเร็จ ฟังแล้วก็ดูคล้ายกับเรื่องราวของแมวเก้าชีวิตอยู่เหมือนกัน
ผีปอบเจ้า ปอบเก้าอันตรายแค่ไหน?
ผีปอบเก้า เป็นภูตผีที่เต็มไปด้วยความลึกลับและไม่เคยมีใครได้เห็นตัวของมันสักครั้งว่ามีลักษณะหน้าตาเช่นใด เพราะผีปอบเก้ามักที่จะหลบอยู่ในถ้ำอาศัยใต้ดินแล้วสั่งให้บรรดาผีปอบบริวารออกไปแสวงหาอาหารมาให้ ความสามารถในการควบคุมฝูงผีปอบหรือในบางครั้งอาจมีกำลังมากจนถึงเป็นกองทัพผีปอบจากที่เคยออกหากินเพียงลำพังตนเดียวล่าเหยื่อนานครั้ง กลายมาเป็นกลุ่มผีปอบที่มุ่งหมายทำลายชีวิตอย่างไร้ความปราณีทำให้ผีปอบเก้ากลายมาเป็นหนึ่งในความสยดสยองของผู้พบเจอ
การป้องกันผีปอบจ้าว ผีปอบเก้า ของคนในสมัยก่อน
สมัยที่ผู้เขียนยังเป็นเด็กวิ่งเล่นอยู่ในหมู่บ้านชนบทที่ถนนเต็มไปด้วยทรายแดง บริเวณทางเข้าของหมู่บ้านทั้งสี่ทิศจะมีซุ้มประตูให้รถทุกคนวิ่งลอดผ่าน ซุ้มประตูดังกล่าวถูกทำขึ้นมาจากลำต้นไผ่สูงฝังดินและทำการมันบริเวณปลายโค้งเข้าหากัน ด้านบนมีด้ายสายสินญจน์มีริ้วผ้าห้อยลงมาจากปลายของซุ้มประตู 3-4 อัน ชาวบ้านเรียกกันว่า “ซุ้มกันปอบ” ทำหน้าที่คอยป้องกันไม่ให้ผีปอบผ่านเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านและบรรดาปศุสัตว์
ผู้เฒ่าผู้แก่เคยเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ซุ้มกันปอบเคยทำหน้าที่ได้อย่างไร้ที่ติ จนกระทั่งผีปอบเก้าเริ่มทำการเรียนรู้และพบว่าการที่บริวารจะสามารถเข้าไปในหมู่บ้านได้นั้นจำเป็นที่ต้อง “แอบอาศัยพาหนะของมนุษย์” เพื่อหลอกให้ซุ้มกันปอบเข้าใจว่าเป็นผีดีที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางมาพร้อมกับมนุษย์ ทำให้หลายครั้งที่ผีปอบเหล่านี้แอบขึ้นมานั่งบนเกวียน หรือบางครั้งแอบมานั่งซ้อนท้ายรถจักรยานของชาวบ้านที่กำลังเดินทางกลับเข้าหมู่บ้านในช่วงค่ำ ทำให้ต้องคอยช่วยกันสอดส่องดูว่าสมาชิกที่กลับเข้าในหมู่บ้านว่ามีจำนวนมากกว่าขาออกไปหรือเปล่า เพราะหากว่ามีนั่นหมายความว่ามีผีปอบปลอมตัวมาด้วย เมื่อผีปอบรู้ว่าคนในหมู่บ้านรู้ตัวมันจะหนีหายไปเอง
คุณตาท่าหนึ่งเคยเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า สมัยยังเป็นหนุ่มท่านเคยขี่จักรยานไปจีบสาวหมู่บ้านใกล้ๆจนพลบค่ำ ท่านก็ได้ขี่กลับมาตามทางมืดๆลำพังคนเดียวมีเพียงแสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันที่ห้อยไว้หน้ารถเป็นเพื่อนและเครื่องนำทาง แต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ถึงรู้สึกว่าการปั่นรถจักรยานเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก แถมรถยังหนักพิกล แต่ด้วยความไม่คิดมากท่านเลยพยายามปั่นมาจนเกือบถึงทางเข้าหมู่บ้านที่มีซุ้มกันปอบตั้งอยู่ พอดีพบกับเพื่อนในหมู่บ้านที่กำลังต้อนฝูงความกลับเข้าหมู่บ้าน เมื่อเห็นหน้ากันเพื่อนก็ตะโกนแซวทันทีว่าไปจีบสาวด้วยวีไหนเขาถึงยอมนั่งซ้อนท้ายกลับมาด้วย?
คำแซวของเพื่อนทำให้ท่านเอะใจเล่นหันกลับไปมองด้านหลังแล้วปรากฏว่ามีผู้หญิงผมยาวปรกหน้าจนหมดคนหนึ่งนั่งอยู่บนเบาะหลัง ตอนนั้นท่านเข้าใจแล้วว่าทำไมรถถึงได้มีน้ำหนักมากกว่าปกติ พอรู้ว่าด้านหลังมีปอบเตรียมตีเนียนเข้าในหมู่บ้านท่านก็ทำการตะคอกใส่ผีปอบตนนั้นทันทีว่า
“มึงจะลงไปเองดีๆ หรือให้กูถีบ?”
หลังจากพูดจบ ผีปอบตนนั้นก็หายลับไปจากเบาะหลังทันที และท่านก็ปั้นรถจักรยานกลับบ้านได้เหมือนปกติ น้ำหนักของผีปอบที่เกินมาในตอนแรกหายไปราวกับปลิดทิ้ง
บทสรุปส่งท้าย : ผีปอบจ้าว ปอบเก้ากับความเชื่อในชุมชนเล็กในจังหวัดขอนแก่น
ดูเหมือนว่าผีปอบเก้าจะเป็นหนึ่งในภูตผีที่มีฤทธิ์มาก ทำให้ในปัจจุบันยังไม่มีการเล่าถึงการกำราบปราบมันอย่างอยู่หมัด มีเพียงแค่การพยายามปกป้องชุมชนของตัวเองให้ปลอดภัยจากผีปอบบริวารและการจับผีปอบบริวารผนึกเอาไว้ในวัตถุต่างๆตามความเชื่อในแต่ละยุคสมัย เพราะวิธีการเหล่านี้เป็นเพียงหนทางเดียวในการบั่นทอนพลังของผีปอบเก้าจนกระทั่งทนไม่ไหวต้องย้ายรังหนีไปยังสถานที่อื่นและสร้างความสยองขวัญให้กับผู้คนในหมู่บ้านอื่น อย่างรก็ตามดูเหมือนว่าผีปอบเก้าจะกลายมาเป็นหนึ่งของผีในตำนานที่กำลังจะถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา แต่ไม่แน่ว่าในมุมมืดหนึ่งของสังคมเมืองที่แสนวุ่นวายผีปอบเก้าอาจยังคงแฝงตัวอยู่โดยที่ไม่มีใครทันรู้สึกตัวเท่านั้นเอง…