ฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama) ผีลักเด็ก ผู้มีความอดทนและพยายามเป็นเลิศจนน่ากลัว แห่งประเทศญี่ปุ่น
Hachishakusama เป็นหนึ่งในตำนานเมืองของประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "Japanese Slender Man" ที่มาพร้อมกับเรื่องเล่าขานถึงผู้หญิงผมยาวร่างสูงโปร่งผิดสัดส่วนอย่างน่าประหลาดชวนขนหัวลุก ที่อาจทำให้หลายคนที่ได้ฟังเรื่องราวอาจถึงกับต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะฝันร้ายกันเลยทีเดียว...
ลักษณะของฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama)
ลองจินตนาการว่าตัวเป็นเด็กตัวเล็กๆที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างของห้องนอนแล้วเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีผมยาวสีดำสนิท แขน ขา ผอมลีบเหมือนมีเพียงหนังหุ้มกระดูก กำลังมองตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มอันบิดเบี้ยวผ่านหน้าต่างชั้นสอง ด้วยส่วนสูงกว่า 244 ซ.ม. คิดดูสิว่าจะทำให้ขนลุกขนาดไหน!?
เชื่อกันว่าฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama) มักปรากฏตัวโดยสวมชุดเดรสยาวสีขาวและหมวกฟางที่เชื่อกันว่าเป็นชุดที่เธอสวมก่อนที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเสมอ เมื่อเข้ามาใกล้เหยื่อฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama) จะเปล่งเสียงทุ้มลึกว่า “ปอ..ปอ..ปอ” สามครั้ง โดยมักดังอยู่บริเวณด้านนอกหน้าต่างห้องนอน สนามเด็ก เป็นต้น เชื่อกันว่าเสียงดังกล่าวจะทำให้คนที่ได้ยินเกิดอาการสับสนและรู้สึกคลื่นไส้
ฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama) ผี “ลัก” เด็ก
ฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama) เป็นผีที่ชอบเด็กมาก โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริง แต่เชื่อกันว่าเธอลักพาตัวเด็กๆ เพราะมีความต้องการที่จะเลี้ยงดูด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นกับการปรากฏกายในรูปลักษณ์ที่ดูเหมือนกับหญิงสาว ในขณะที่บางคนเชื่อว่าการที่ฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama) ลักพาตัวเฉพาะเด็กนั้น เป็นเพราะต้องการ “ความเยาว์” ที่ช่วงคงความงดงามเยาว์วัยของเธอเอาไว้ตลอดกาล นอกจากนี้ฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama) ยังมีพลังในการโน้มน้าวจิตใจ และเสน่ห์ดึงดูดที่ดูเป็นมิตรสำหรับเด็กเป็นอย่างมาก พลังลี้ลับเหล่านี้เองเป็นสิ่งที่ทำให้สามารถล่อลวงให้เด็กๆ ยอมตามไปยังดินแดนอันมืดมิดแต่โดยดี
การคุกคามเหยื่อของฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama)
ฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama) เลือกเหยื่อด้วยการ “สุ่ม” ทำให้เด็กทุกคนมีโอกาสที่จะตกเป็นเหยื่อได้เหมือนกัน เมื่อเลือกเหยื่อได้แล้วเธอก็จะเริ่มทำการติดตามอย่างไม่ลดละเป็นเวลานานหลายเดือน เพื่อหลอกหลอนหลอกล่อให้เหยื่อเหนื่อยล้าและหลงเชื่อ จนกระทั่งนำไปสู่การลักพาตัวไปสู่ความมืดมิดได้สำเร็จ จากความพยายามในการหลอกหลอนแบบไม่มีทางวางมือดังกล่าว ทำให้คนที่ตกเป็นเป้าหมายแทบไม่มีโอกาสหนีพ้นจากชะตากรรมอันน่าหวาดกลัวได้เลย
เรื่องเล่าและตำนานของผีญี่ปุ่นฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama)
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ได้พบกับฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama) เขาเล่าสิ่งแปลกประหลาดที่ได้เห็นกับญาติผู้ใหญ่ พวกเขาตื่นตระหนกกับสิ่งที่ได้ฟังเป็นอย่างมากและพยายามทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องเด็กหนุ่มให้หลุดพ้นจากการคุกคาม ในระหว่างการทำพิธีกรรมเพื่อขับไล่ฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama) ผีตนนี้ได้พยายามหลอกล่อให้เด็กหนุ่มเปิดประตูห้อง ด้วยการเลียนเสียงญาติของเขาในตอนกลางคืน รุ่งเช้าเขาได้เล่าสิ่งแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นให้เหล่าญาติฟัง แต่ญาติทุกคนก็ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าไม่มีใครมาเรียกเขาอย่างแน่นอน ถือว่าเป็นโชคดีของเด็กหนุ่มที่ไม่ได้เปิดประตูออกไป เพราะถ้าหากทำแบบนั้น เชื่อว่าจะถูกพรากตัวไปสู่โลกแห่งความมืดมิดตลอดกาล
เรื่องเล่าฉบับเต็มของผู้เผชิญหน้ากับฮาจิชาคุซามะ
มีเรื่องเล่าของผู้ชายคนหนึ่งในอินเทอร์เน็ต ที่เผชิญหน้ากับฮาจิชาคุซามะ โดยมีเรื่องเล่าดังต่อไปนี้
ปู่ย่าตายายของผมอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ทุกฤดูร้อน พ่อกับแม่จะพาผมไปเยี่ยมในช่วงวันหยุด หมู่บ้านที่พวกท่านอาศัยอยู่นั้นเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีสวนหลังบ้านขนาดใหญ่ที่ผมชอบไปนั่งเล่นเป็นอย่างมาก เมื่อไปถึงพวกท่านก็จะให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเสมอ เพราะผมเป็นหลานคนเดียว พวกท่านเลยรักและตามใจผมเป็นอย่างมาก
ครั้งสุดท้ายที่ผมไปเยี่ยมพวกท่าน คือตอนอายุ 8 ขวบ...
ตามปกติ พ่อแม่ของผมจะจองเที่ยวบินไปญี่ปุ่น แล้วขับรถจากสนามบินไปที่บ้านของพวกท่าน เมื่อเห็นพวกเราพวกท่านดีใจมากและมีของขวัญมากมายมามอบให้ หลังจากนั้น 2-3 วัน พ่อกับแม่อยากไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เลยปล่อยให้ผมอยู่กับคุณปู่กับย่า
วันหนึ่ง.. ผมเล่นอยู่ในสวนหลังบ้าน ส่วนปู่กับย่าอยู่ในบ้าน มันเป็นฤดูร้อนที่อากาศร้อนมาก ผมนอนพักผ่อนอยู่บนพื้นหญ้า และแหงนมองดูก้อนเมฆเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกของแสงแดดอ่อน ๆ ในตอนที่ผมกำลังจะลุกขึ้น ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกเหมือนกับได้ยินเสียงแปลกประหลาด
“ปอ... ปอ... ปอ.... ปอ.... ปอ... ปอ...”
เสียงนั้นผมไม่รู้ว่าเสียงประหลาดนั้นคืออะไร!? มันดังมาจากไหน!? แต่มีใครบางคนกำลังส่งเสียงดัง ราวกับกำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงมันดูหนักแน่นราวกับผู้ชาย
ผมหันมองไปรอบ ๆ เพื่อค้นหาแหล่งกำเนิดของเสียง ทันใดนั้นเองก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างอยู่บนพุ่มไม้สูงที่ล้อมราวกับรั้วของสวนหลังบ้าน มันเป็นหมวกฟาง มันไม่ได้อยู่บนพุ่มไม่ แต่มันอยู่หลังต้นไม่และนั่นคือที่มาของเสียงที่แปลกประหลาด!?
หลังจากนั้น หมวกฟางก็เริ่มขยับราวกับมีคนสวมมันอยู่ มันเลื่อนที่มาจนอยู่ระหว่างช่องว่างเล็ก ๆ ในรั้ว และตอนนั้นเองที่ผมสามารถเห็นใบหน้าที่มองผ่านเข้ามา ร่างนั้นเป็นผู้หญิงที่สูงเกือบสามเมตร มันทำให้ผมประหลาดใจมากที่เห็นผู้หญิง ตอนแรกคิดว่าเธออาจจะยืนอยู่บนไม้ค้ำถ่อหรือรองเท้าเสริมส้นสูงพิเศษ แต่เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเธอก็เดินจากไป พร้อมกับเสียงประหลาดก็ค่อย ๆ จากห่างไกลไปด้วยเช่นกัน
ด้วยความงุนงง ผมจึงลุกขึ้นเดินกลับไปในบ้าน พบปู่กับย่ากำลังนั่งจิบชาอยู่ ผมเลยเล่าให้ฟังสิ่งที่เห็นพร้อมกับพูดเสียงประหลาดให้ฟัง ทั้งสองท่านชะงักทันที และท่าทางของพวกท่านดูจริงจังมากพร้อมกับถามว่าผู้หญิงคนนั้นสูงแค่ไหน!? เห็นที่ไหน เกิดขึ้นเมื่อไหร่!? และเธอเห็นผมหรือเปล่า!?
ผมพยายามตอบทุกคำถามจนหมด หลังจากนั้นคุณยายของผมก็ตัวสั่นและคุณตารีบวิ่งออกไปโทรศัพท์ ที่ผมไม่ได้ยินการสนทนาว่าเป็นเรื่องอะไร!? และกลับมาบอกว่าจะออกไปข้างนอกให้คุณย่าเฝ้าดูผมเอาไว้ให้ดี
ระหว่างนั้น คุณย่าก็อธิบายให้ผมฟังว่าฮาจิชาคุซามะ คือ สิ่งอันตรายเหนือธรรมชาติที่สิงสถิตอยู่ ณ บริเวณนั้น ชื่อนี้มีความหมายถึงความสูงเกือบสามเมตรในภาษาญี่ปุ่น มันดูคล้ายกับผู้หญิงที่สูงมากและมักทำเสียงประหลาดดังว่า “ปอ... ปอ... ปอ... ปอ...” ที่ฟังดูเหมือนกับของผู้ชายที่ทุ้มลึก แต่อาจจะแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยขึ้นอยู่กับว่าใครเห็น
บางคนบอกว่ามันเหมือนกับหญิงชราผิวหนังเหี่ยวแห้งที่สวมกิโมโน บางคนบอกว่ามันเหมือนกับเด็กผู้หญิงในชุดคลุมศพสีขาว แต่สิ่งที่เหมือนกันคือความสูงและเสียงที่แสนประหลาดของมัน
เมื่อนานมาแล้ว นักบวชสามารถจับมันมาขังเอาไว้ในอาคารเก่าในย่านชานเมืองได้สำเร็จ ด้วยการช้ำพระพุทธรูปที่เรียกว่า “จิโซ” 4 อัน วางเอาไว้รอบอาคารทั้งสี่ทิศ ที่จริงมันไม่ควรจะหลุดออกมาได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะทำได้สำเร็จ
ครั้งสุดท้ายมันปรากฏตัวขึ้นให้เห็นเมื่อ 15 ปี ก่อน ถ้าหากใครได้เห็นฮาจิชาคุซามะ จะต้องเสียชีวิตในเวลา 2-3 วัน!?
ปู่ขับรถกลับมาพร้อมกับหญิงชราคนหนึ่ง เธอแนะนำตัวว่าชื่อ “เค” และยื่นแผ่นหนังยับยูยี่อันหนึ่งให้ แล้วพูดว่าให้เก็บมันเอาไว้ และเดินขึ้นไปทำอะไรบางอย่างที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนผมยังอยู่กับคุณย่าที่เฝ้ามองดูไม่ห่าง แม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำท่านก็ไม่ยอมให้ผมปิดประตูด้วยซ้ำ
เวลาผ่านไปสักพัก คุณปู่กับคุณเค ก็พาผมขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบน หน้าต่างห้องถูกปิดเอาไว้ด้วยหนังสือพิมพ์และมีอักขระโบราณจำนวนมากเขียนเอาไว้ มีชามเกลือเล็ก ๆ วางเอาไว้ทั้งสี่มุมของห้อง และมีพระพุทธรูปขนาดเล็กวางอยู่บนกล่องไม้กลางห้อง และมีถึงสีฟ้าวางอยู่ด้วย คุณปู่บอกว่าถังนี้ สำหรับใส่ปัสสาวะกับอุจจาระของผม
เคนซังกำชับผมว่า อีกไม่นานพระอาทิตย์จะตกดิน ผมจะต้องอยู่ในห้องนี้จนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า ห้ามออกมานอกห้องไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พร้อมกับมอบกระดาษที่มีรายการต้องทำตามอย่างเคร่งครัด ให้ล็อกประตูและสวดอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า เมื่อพวกเขาจากไป ผมก็ปิดประตูห้องนอนและพยายามเปิดโทรทัศน์ดูฆ่าเวลาแต่มันก็รู้สึกไม่สบายท้องอย่างมาก
ถึงแม้คุณย่าจะทิ้งข้าวปั้นกับขนมเอาไว้ให้ ผมก็กินไม่ลง มันให้ความรู้สึกไม่สบายใจเหมือนกับอยู่ในคุก มันน่าหดหู่และน่ากลัวมาก ผมนอนลงบนเตียงและในที่สุดก็เผลอหลับไป
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนราว 01.00 น. ทันใดนั้นเอง ก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเคาะที่หน้าต่าง ผมพยายามสงบอารมณ์ ปลอบตัวเองว่าเสียงนั้นเกิดขึ้นจากกิ่งไม้ที่ถูกลมพัดจนมาขีดข่วนหน้าต่างห้อง และเปิดโทรทัศน์ใช้เสียงกลบเสียงเคาะ ในที่สุดมันก็เงียบหายไป
ตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงปู่อยู่ข้างนอกห้อง พร้อมกับบอกว่าผมไม่ต้องอยู่บนห้องคนเดียว ท่านจะเข้ามาอยู่เป็นเพื่อน มันทำให้ผมดีใจมากจนเกือบจะเปิดประตูให้อยู่แล้ว แต่แล้วผมก็ต้องขนลุก เพราะเสียงนั้นมันฟังเหมือนของคุณปู่ก็จริง แต่มันมีบางสิ่งที่แตกต่างออกไป
เสียงนั้นย้ำให้ผมเปิดประตูอีกครั้ง...!
ผมเหลือบไปมองที่ชามใส่เกลือที่อยู่มุมห้องแล้วก็ต้องรู้สึกขนลุกทันที เพราะเกลือในชามกำลังค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ ผมถอยห่างออกจากประตู แล้วนั่งคุกเข่าลงที่หน้าพระพุทธรูปพร้อมกับกำแผ่นหนังเอาไว้ในมือแน่น หลังจากนั้นก็เริ่มสวดอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ตอนนั้นเองที่เสียงนอกประตูดังขึ้นว่า
“ปอ... ปอ... ปอ... ปอ... ปอ....”
หน้าต่างถูกเคาะอีกครั้ง คราวนี้ทั้งหัวใจของผมถูกเกาะกุมด้วยความหวาดกลัว ผมหมอบอยู่หน้าพระพุทธรูป ร้องไห้และสวดมนต์ตลอดทั้งคืนที่ยาวนานราวกับไม่มีวันจบสิ้น เมื่อรุ่งเช้ามาถึง ปรากฏว่าเกลือในชามทั้ง 4 มุมห้อง กลายเป็นสีดำ
เมื่อเข็มนาฬิกาชี้ที่ 07.30 น. ผมเปิดประตูห้องอย่างระมัดระวัง ที่หน้าห้องมีคุณปู่ คุณย่าและคุณเค กำลังยืนรอผมอยู่ที่นั่น เมื่อคุณย่าเห็นผม ท่านก็ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
เมื่อลงไปชั้นล่าง พ่อกับแม่นั่งอยู่ในห้องครัว แล้วคุณปู่ก็พาทุกคนออกไปหน้าบ้านที่มีรถตู้สีดำคันใหญ่จอดอยู่ มีผู้ชายหลายคนจากหมู่บ้านจับกลุ่มกันมองมาที่ผมแล้วกระซิบบางอย่างแก่กัน พวกเขาให้ผมนั่งตรงกลางของรถตู้ มีผู้ชายนั่งขนาบทุกทิศทาง พร้อมกับบอกให้ผมหลับตาเสียจนกว่าพวกเขาจะพาไปยังสถานที่ปลอดภัย
พ่อกับแม่ขับรถตามหลังคนที่ฉันนั่ง พวกเราขับด้วยความเร็วค่อนข้างช้าประมาณ 20 กม. / ชม. หรืออาจน้อยกว่านั้น สักครู่หนึ่งคุณเคที่เป็นคนขับรถตู้ก็พูดขึ้นมาว่าตรงจุดนี้ค่อนข้างยาก พร้อมกับพึมพำคำอธิษฐานอย่างแผ่วเบา
ตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงดัง “ปอ... ปอ... ปอ.... ปอ... ปอ...”
ผมกำกระดาษที่คุณเคให้มาเอาไว้แน่น ก้มหน้าลงแต่แอบชำเลืองมองออกไปข้างนอก ตอนนั้นเองที่ผมเห็นชุดขาวพลิ้วตามสายลม มันเคลื่อนที่ไปพร้อมกับรถตู้ ฮาจิชาคุซามะอยู่ข้างนอกหน้าต่าง และเธอกำลังก้มมองลงมาที่รถตู้
ผมกรีดร้องออกมา และผู้ชายคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ตะโกนให้ฉันหลับตาลง ผมหลับตาลงทันที และได้ยินเสียงเหมือนมันกำลังเกาหน้าต่างรถอยู่ สลับกับเสียงร้องประหลาด ตอนนี้เสียงเคาะหน้าต่างเกิดขึ้นรอบนถ ทำให้ทุกคนตกใจมาก ถึงพวกเขาจะไม่เห็นเธอแต่ก็ได้ยินเสียงเคาะเหล่านั้น คุณเคพึมพำบทสวดดังขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะเหมือนกับตะโกนออกมา ความเครียดในรถทวีมากขึ้นเรื่อย ๆ
สักพัก.. เสียงเหล่านั้นก็หายไป และคุณเคบอกว่าพวกเราน่าจะปลอดภัยแล้ว!
ทุกคนในรถถอนหายใจด้วยความโล่งอก รถตู้จอดที่ริมถนน พวกเขาย้ายฉันกลับไปนั่งรถของพ่อกับแม่แทน แม่กอดผมเอาไว้พร้อมกับน้ำตาไหลอาบแก้ม
พ่อกับปู่คำนับขอบคุณชายกลุ่มนั้น และพวกเขาก็จากไป คุณเคมาที่หน้าต่างรถและขอให้เปิดแผ่นหนังที่ฉันเก็บเอาไว้ ปรากฏว่ามันกลายเป็นสีดำสนิท และเธอยื่นแผ่นหนังใหม่ให้พร้อมกับบอกว่าผมน่าจะโอเคแล้ว แต่เพื่อความแน่ใจให้อดทนสักพัก พร้อมกับยื่นแผ่นหนังอันใหม่ให้
หลังจากนั้นพวกเราก็ตรงไปที่สนามบิน เมื่อออกเดินทางพ่อกับแม่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พร้อมกับพ่อได้เล่าให้ฟังว่าเคยได้ยินเรื่องราวของฮาจิชาคุซามะมาก่อนเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ เพื่อนของพ่อเคยพบเธอ หลังจากนั้นเพื่อนคนนั้นก็หายตัวไปโดยไม่มีใครได้พบเห็นอีกเลย
พ่อยังเล่าอีกว่ามีอีกหลายคนที่เคยพบเห็นฮาจิชาคุซามะ และทั้งหมดต้องหนีออกจากประเทศญี่ปุ่น ไม่สามารถกลับมาได้ ฮาจิชาคุซามะจะเลือกเหยื่อที่เป็นเด็ก เพราะยังต้องการพึ่งพาผู้ปกครองและญาติทำให้หลอกลวงได้ง่ายจากการแกล้งปลอมเป็นคนใกล้ชิดได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ ผู้ชายทั้งหมดในรถตู้เมื่อสักครู่ทั้งหมดเป็นญาติทางสายเลือด พวกเขามานั่งรอบตัวผมและปู่ขับรถนำหน้า ส่วนพ่อขับรถปิดท้าย ทั้งหมดเป็นการทำเพื่อพยายามทำให้ฮาจิชาคุซามะเกิดความสับสน และจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาสักครู่เพื่อรวบรวมขอความช่วยเหลือกับทุกคน ทำให้ต้องใช้เวลาทั้งคืนเพื่อทำแบบนั้น
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปี ก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้พบปู่กับย่าอีกเลยและเปลี่ยนวิธีมาโทรศัพท์คุยกันแทน แม้แต่ตอนที่ปู่ป่วยจนเสียชีวิตท่านก็ไม่ยอมให้ไปเยี่ยมและยังสั่งเสียเอาไว้อย่างเคร่งครัดว่าไม่ให้ผมมางานศพอย่างเด็ดขาด
หลังจากนั้น คุณย่าก็โทรศัพท์มาหาและบอกว่าเป่วยเป็นมะเร็ง ท่านคิดถึงฉันมากและอยากพบเธออีกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเสียชีวิต เมื่อผมถามว่ามันปลอดภัยแล้วหรือเปล่า!? ย่าก็บอกว่าเรื่องมันเกิดขึ้นกว่า 10 ปี มาแล้ว ฮาจิชาคุซามะน่าจะลืมไปแล้ว ตอนนี้ไม่น่ามีปัญหาอะไร!?
เมื่อผมถามถึงฮาจิชาคุซามะ ปลายสายก็เงียบหายไป จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงของผู้ชายที่ทุ้มลึกพูดขึ้นมาว่า
“ปอ... ปอ.. ปอ... ปอ... ปอ... ปอ... ปอ... ปอ... ปอ... ปอ.....”
การปกป้องตัวเองจากผีญี่ปุ่นฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama)
เมื่อฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama) ปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ เธอมักจะส่งเสียงร้องประหลาดว่า “ปอ.. ปอ.. ปอ...” เป็นจำนวน 3 ครั้ง เป็นสัญญาณเตือนให้คนที่ได้ยินว่ากำลังตกเป็นเป้าหมายของผีตนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามเหยื่อสามารถหลุดพ้นจากการติดตามของผีร้ายได้ ด้วยการประกอบพิธีกรรมอย่างเหมาะสม โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
พาเหยื่ออยู่ในห้องที่เงียบสงบ ใช้หนังสือพิมพ์ที่มีสัญลักษณ์ลงอาคมปิดกั้นหน้าต่างเอาไว้ไม่ให้มีช่องว่างให้มองลอดเข้ามาเห็นภายในห้องอย่างเด็ดขาด จากนั้นนำเกลือสี่ชามมาวางเอาไว้แต่ละมุมของห้อง บริเวณกึ่งกลางห้องตั้งพระพุทธรูปเอาไว้ เหยื่อจะต้องนั่งสวดมนต์อยู่ในห้องนี้ตลอดทั้งคืน หากมีคนมาเรียกไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามห้ามเปิดประตูห้องออกไปอย่างเด็ดขาด เมื่อรุ่งเช้ามาเยือนหากเกลือทั้งสี่ชามกลายเป็นสีดำ นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama) ได้มาวนเวียนอยู่ด้านนอกของห้อง เมื่อทำพิธีกรรมเสร็จแล้ว คนที่ตกเป็นเหยื่อจะต้องเดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่นและไม่กลับมาอีกเลย ยกเว้นอยากที่จะตกเป็นเหยื่อของผีจอมอาฆาตตนนี้อีกครั้งและแบบ “ถาวร”
บทสรุปส่งท้าย : ฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama) กับผีญี่ปุ่น Onryo
ผีอาฆาต Onryo
นักศึกษาเรื่องผีหลายคนได้ตั้งข้อสันนิษฐานที่น่าสนใจว่าที่จริงแล้วฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama) คือ Onryo หรือจิตวิญญาณพยาบาทที่กลับมาหลอกหลอนโลกของคนเป็น เพราะแรงอาฆาตคนรัก เมื่อมันหวนกลับคืนมาก็จะมีพลังอำนาจและความน่ากลัวที่มากกว่าตอนที่มีชีวิตอยู่เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังพร้อมที่จะทำอันตรายหรือฆ่าคนอีกด้วย ในตำนานของประเทศญี่ปุ่นมีการบันทึกเรื่องราวของเหล่า Onryo เอาไว้มากมาย โดยวิญญาณอาฆาตประเภทนี้ มักที่จะเป็นเพศหญิงมากกว่า และสิ่งที่ทำให้ Onryo และ ฮาจิชาคุซามะ (Hachishakusama) เหมือนกันเป็นอย่างมากคือการที่ผีญี่ปุ่นทั้งสองตนนี้มีเส้นผมยาวสีดำ สวมชุดสีขาวทั้งตัวและความสามารถในการควบคุมจิตใจของเหยื่อ...