จิกินินกิ (Jikininki) ภูตผีญี่ปุ่นจอมเขมือบซากศพ ผู้หิวโหยชั่วนิรันดร์
จิกินินกิ (Jikininki) เป็นผีปอบที่กินซากศพของมนุษย์เป็นอาหาร มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับภูตผีที่อยู่กึ่งกลางระหว่างคนเป็นกับคนตาย ลักษณะภายนอกของจิกินินกิจะดูเหมือนกับมนุษย์ธรรมดาทั่วไป ยกเว้นในปากที่เต็มไปด้วยฟันที่แหลมคมสำหรับใช้ในการกัดลอกกินเนื้อศพอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่ได้มีความสุขในการกินเนื้อคนตาย แต่.. พวกมันจำเป็นต้องทำ เพราะเนื้อเหล่านั้นช่วยบรรเทาความหิวโหยแบบชั่วนิรันดร์ของพวกมันได้เป็นการชั่วคราว
การปรากฏตัวของจิกินินกิ
จิกินินกิ มักอาศัยอยู่ใกล้กับหมู่บ้านของมนุษย์ บริเวณวัดร้างหรือซากปรักหักพังที่ถูกทอดทิ้งให้รกร้าง ส่วนใหญ่แล้วมักจะพยายามการเผชิญหน้ากับมนุษย์ พวกมันไม่สามารถมองเห็นได้ในตอนกลางวัน และออกหากินในเวลากลางคืนเท่านั้น เมื่อสบโอกาสเหมาะมันก็จะขโมยกินเนื้อและกระดูกของคนที่พึ่งเสียเสียชีวิตไปไม่นานนัก โดยการแอบเลื้อยเข้าไปในวัดที่มีการตั้งศพของผู้เสียชีวิตเอาไว้เพื่อสวดศพ
ต้นกำเนิดของจิกินินกิ
จิกินินกิ มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ “กากิ” ผีหิวโหยตลอดเวลาในความเชื่อทางพุทธศาสนา แต่กลับไม่สามารถที่จะกินอะไรได้ จิกินินกิจะเกิดขึ้นมาเมื่อมีคนกระทำความชั่วร้ายจนกระทั่งทำให้จิตวิญญาณตกลงสู่ความเสื่อม จิกินินกิบางตนเคยเป็นนักบวชทุจริต ผิดศีล ทำให้เมื่อเสียชีวิตลงก็ไม่สามารถที่จะเดินทางไปยังโลกหลังความตายได้อย่างเหมาะสม หรือจิกินินกิบางตน เป็นคนที่เคยกินเนื้อของมนุษย์ด้วยกันเองด้วยเหตุผลบางประการ เมื่อเวลาผ่านไปคนเหล่านี้ก็จะกลายร่างมาเป็นจิกินินกิไปในที่สุด
ตำนานที่น่าสนใจของจิกินินกิ
เมื่อนานมาแล้ว มีนักบวชรูปหนึ่งนามว่า “มุโซโซเซกิ” ได้ออกเดินทางเพื่อแสวงบุญ จนกระทั่งเดินหลงทางลึกเข้าไปในหุบเขา เมื่อยามเย็นได้ใกล้เข้ามาเขาก็ได้พบกับอาศรมเก่าแก่ที่ทรุดโทรม ที่นั่นเขาได้พบกับนักบวชชราที่ช่วยบอกเส้นทางไปยังหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุด เขาจึงเดินทางต่อไปตามคำบอกและถึงหมู่บ้านช่วงพลบค่ำพอดี
ลูกชายของหมู่บ้านได้ให้การต้อนรับเขาเป็นอย่างดี แต่.. มีเขามีข้อแม้ว่า วันนี้พ่อของเขาหรือผู้ใหญ่บ้านพึ่งเสียชีวิตในวันนี้และเป็นธรรมเนียมของหมู่บ้านที่ทุกคนจะต้องออกไปจากหมู่บ้านตลอดทั้งคืนไม่เช่นนั้นจะถูกสาปแช่ง อย่างไรก็ตามเนื่องจากโซเซกิ ไม่ใช่คนในหมู่บ้าน อีกทั้งยังเป็นนักบวชที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางน่าจะสามารถนอนพักผ่อนที่หมู่บ้านได้ในขณะที่พวกเขาออกไปจากหมู่บ้าน
หลังจากที่ชาวบ้านทั้งหมดออกไปจากหมู่บ้าน เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีใครบางคนอยู่ใกล้ๆ ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเป็นอัมพาต ก่อนที่เงาร่างมืดปริศนาจะผ่านไปที่ศพของหัวหน้าหมู่บ้าน พร้อมกับทำการกัดกินเนื้ออย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อรุ่งเช้ามาเยือน เขาได้เล่าสิ่งที่เห็นให้ชาวบ้านฟัง พร้อมกับถามว่าทำไมพระชราในอาศรมที่อยู่ใกล้กับหมู่บ้านจึงไม่มาทำการสวดศพให้กับหัวหน้าหมู่บ้านในตอนกลางคืน คำถามนี้ก่อให้เกิดความสับสนในชาวบ้านเป็นอย่างมาก เพราะในพื้นที่นี้ไม่มีนักบวชจำวัดอยู่มาเป็นเวลานานหลายชั่วอายุคนแล้ว
ด้วยความสงสัย โซเซกิจึงได้เดินตามรอยเท้าของตัวเองกลับไปที่หุบเขาเพื่อตามหาอาศรมแห่งนั้น และได้พบกับนักบวชชราที่ให้การต้อนรับเขา พร้อมกับสารภาพความจริงว่าสัตว์ประหลาดที่เห็นเมื่อคืนนี้ที่จริงแล้วก็คือนักบวชรานั่นเอง
นักบวชชราเล่าให้เขาฟังว่า เมื่อนานมาแล้วตนเองเคยเป็นนักบวชที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนั้น คอยทำพิธีศพให้กับผู้เสียชีวิต ตอนนั้นเองที่เขาละโมบโลภมาก มองว่าการทำพิธีศพเป็นธุรกิจไม่ได้เป็นการทำเพื่อคนที่ตาย ดังนั้น หลังจากที่เขาเสียชีวิตจึงได้กลายมาเป็นจิกินินกิ ที่ถูกบังคับให้กินศพของคนตาย
จิกินินกิ ขอร้องให้โซเซกิช่วยปลดปล่อยจากความทุกข์ทรมาน ในทันใดนั้นเองทั้งนักบวชชราและอาศรมเก่าแก่ก็ได้หายไป เหลือเพียงโซเซกิที่นั่งอยู่บนพื้นดิน ที่มีพงหญ้าสูงล้อมรอบ และที่ใกล้กันนั้น มีหลุมศพเก่าแก่ที่ปกคลุมด้วยตะไคร้น้ำตั้งอยู่..