มาฟังเรื่องราวของ Plague Doctors แพทย์ผู้ต่อสู้กับโรคระบาด ณ ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของโลก
หน้ากาก “Plague Doctors” ที่มีรูปร่างประหลาดที่คล้ายกับนกที่มีจะงอยปากยื่นยาวออกมา กลายมาเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายแฟนซีในปัจจุบันเป็นอย่างมาก แต่หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่าหน้ากาก Plague Doctors ใบนี้ เต็มไปด้วยเรื่องราว ความเชื่อและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียว...
ทำไมแพทย์ในยุคกลางถึงต้องสวมหน้ากาก Plague Doctors!?
ในช่วงศตวรรษที่ 17 แพทย์จะทำการสวมหน้ากาก Plague Doctors ขณะทำการรักษาหรือเข้าไปในพื้นที่ที่เกิดโรคระบาดขึ้น เพราะเชื่อว่าหน้ากากที่มีจะงอยปากขนาดใหญ่นี้ สามารถช่วย “ป้องกันการติดเชื้อ” แต่สำหรับชาวบ้านในสหราชอาณาจักรที่ได้เห็นหน้ากากสุดประหลาดเหล่านี้ แทนที่จะช่วยให้โล่งใจว่ามีแพทย์มาเยือนกลับกลายเป็นความตื่นตระหนกและขนลุกราวกับได้เห็นทูตแห่งความตาย
หน้ากาก Plague Doctors กับการป้องกันกลิ่นแห่งความตายอันไม่พึงประสงค์
สถานที่รักษาผู้ป่วยติดเชื้อและสถานที่เก็บรวบรวมศพ เป็นสถานที่รวมกลิ่นเหม็นอันแสนรุนแรงในช่วงที่มีโรคระบาดเป็นสิ่งที่ไม่พึงปราถนาเป็นอย่างมาก การแพทย์ในสมัยนั้นเชื่อว่าเชื้อโรคติดต่อที่คร่าชีวิตคนเป็นจำนวนมากมักติดต่อกันผ่านลมหายใจ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันกลิ่นอันไม่พึ่งประสงค์และอากาศที่เต็มไปด้วยพิษ สามารถป้องกันได้ด้วยการสวมหน้ากาก Plague Doctors ที่บริเวณจะงอยที่ยื่นมาด้านหน้านั้น เต็มไปด้วยดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมที่ช่วยขับไล่อากาศที่เน่าเหม็น
เครื่องแต่งกายของ Plague Doctors ได้รับการออกแบบโดย Charles de L'Orme
ชาร์ลส์ เดอ ลอร์เม หรือ Charles de L'Orme แพทย์ประจำราชวงศ์ของประเทศฝรั่งเศส เป็นผู้ทำการบุกเบิกชุดสูทสำหรับแพทย์ แม้ว่าเดิมทีชุดป้องกันจะมีอยู่ก่อนแล้วในประเทศอิตาลี แต่ชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ที่คิดค้นโครงสร้างของจะงอยปาก และยังมีแนวคิดที่น่าสนใจในการปิดผนึกชุดทั้งตัว ชั้นนอกของเครื่องแต่งกายทำจากหนังของแพะ มักทำการเคลือบด้วยขี้ผึ้งเพื่อให้สามารถทำการล้างทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย และมีเสื้อที่ผูกติดกับร้องเท้าบูธ
ไม้เท้าประจำกายของ Plague Doctors
Plague Doctors มักจะถือไม้เท้าเอาไว้เสมอ แต่พวกเขาไม่ได้ใช้มันในการช่วยเดินอย่างที่หลายคนเข้าใจ บางครั้งไม้เท้าเหล่านี้ก็จะถูกนำมาใช้ในการช่วยเคลื่อนย้ายศพ หรือใช้ทดสอบว่าผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า แต่ในบางครั้งมันก็ถูกนำมาใช้เป็นอาวุธที่ช่วยให้ Plague Doctors สามารถเอาตัวรอดจากผู้ป่วยที่กำลังบ้าคลั่งจากความสิ้นหวัง สมาชิกครอบครัวที่กำลังโกรธแค้นและฝูงชนบ้าคลั่ง
Plague Doctors แพทย์ต้นแบบของโครงการ “ประกันสุขภาพถ้วนหน้า”
ในยุคที่กาฬโรคแพร่ระบาดไปทั่วทวีปยุโรป ความตายกลายเป็นเรื่องแสนธรรมดา เฉพาะขุนนางที่มั่งคั่งเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงทางการแพทย์ได้ ในขณะที่คนจนต้องอยู่อย่างสิ้นหวังในชุมชนแออัด ที่เต็มไปด้วยความสกปรกไม่ถูกสุขอนามัย ณ ช่วงเวลานี้เองที่ Plague Doctors ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการช่วยเหลือผู้คนให้เข้าถึงทางการแพทย์มากขึ้น สภาท้องถิ่นได้ทำการจ่ายเงินเดือนให้กับเหล่า Plague Doctors เพื่อช่วยรักษาเหยื่อของโรคระบาด กำจัดศพคนตายอย่างถูกสุขลักษณะและจำกัดวงการแพร่กระจายของเชื้อโรค ทำให้ Plague Doctors ถือว่าเป็นต้นแบบประกันดูแลสุขภาพเริ่มต้นที่สร้างความเท่าเทียมกันด้านการแพทย์เป็นครั้งแรกของโลก
ผลลัพธ์ในการรักษาโรคระบาดของ Plague Doctors “เลวร้ายมาก”
ในช่วงเวลาที่โรคภัยเกิดการแพร่ระบาดไปทั่วทวีปยุโรป นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายเป็นอย่างมาก เพราะในเวลานั้นยังไม่มีความรู้ความเข้าใจที่ทันสมัย อีกทั้งยังไม่มีวิธีการรักษาเชิงวิทยาศาสตร์ที่ได้ผล ทำให้แพทย์ส่วนใหญ่มีการตั้งสมมุติฐานว่าการแพร่กระจายของโรคเกิดจากความไม่สมดุลของสารพิษ ดังนั้น วิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงเวลานั้นคือ “การให้เลือด” และ “ปลิง” ผู้ป่วยบางรายที่ใกล้เสียชีวิตจะถูกเคลือบร่างกายด้วยสารปรอท โดยเชื่อว่าการทำเช่นนั้นจะลดการแพร่กระจายของโลกให้น้อยลง นอกจากนี้เหล่าผู้นำทางศาสนายังกระตุ้นให้ประชาชนเชื่อว่าถ้าหากทำให้พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย ก็จะช่วยขจัดโรคภัยให้หมดไปได้ ทำให้มีประชาชนจำนวนมากที่หลงเชื่อทำการเฆี่ยนตี ลงแส้ตัวเอง แต่แทนที่จะช่วยให้โรคภัยลดน้อยลง ผู้คนเหล่านี้กลับล้มตายมากขึ้นจากบาดแผลติดเชื้อ…