Pukwudgie ตำนานแห่งอมนุษย์ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดของทวีปอเมริกาเหนือ
Pukwudgie คืออะไร!?
เชื่อกันว่า Pukwudgie (พัควัดจี้) เป็นสัตว์วิเศษประเภทหนึ่งที่อาศัยอยู่บริเวณป่าและหนองน้ำ พวกมันถูกนับว่าเป็นหนึ่งใน “วิญญาณแห่งผืนป่า” โดยทั่วไปแล้วพวกมันมักที่จะมีขนาดตัวที่เล็ก ทำให้หลายคนอาจคิดว่าพวกมันไม่น่าจะมีพิษสงนัก แต่ให้ขนาดหลอกตา เพราะที่จริงแล้วพวกมันนั้น “จิ๋วแต่แจ๋ว!” ถึงขนาดที่สามารถเล่นงานคนที่ยุ่มย่ามถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
Pukwudgie
มีความหมายว่า “ผู้ที่อาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดาร” นอกจากนี้ พวกมันยังเป็นหนึ่งของอมนุษย์ที่ถูกบันทึกเอาไว้ในตำนานที่เก่าแก่ที่สุดของทวีปอเมริกาเหนือเหนือที่มีต้นดำเนิดมาจากอินเดียนแดงหลายเผ่า
เช่น เผ่า Wampanoag, Mohican, Great Lake และ Algonquin เป็นต้น โดยอินเดียนแดงแต่ละเผ่า
และแต่ภูมิภาคจะมีความเชื่อเกี่ยวกับ Pukwudgie ที่แตกต่างกันออกไป
เช่น เผ่า Great Lake เชื่อว่า Pukwudgie
มีความซุกซน แต่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ในขณะที่เผ่า Algonquin
เชื่อว่า Pukwudgie จะก้าวร้าวหากไม่ได้ความเคารพ แต่จะเป็นการดีที่สุดถ้าหากไม่เข้าไปยุ่มย่ามกับพวกมันด้วยความอยากรู้อยากเห็น...
ลักษณะทางกายภาพที่น่าสนใจของ Pukwudgie
โดยพื้นฐานแล้ว
Pukwudgie มักมีลักษณะภายนอกคล้ายกับมนุษย์
สิ่งที่แตกต่างกันที่สุดคือขนาดตัวที่เล็กกว่ามาก เชื่อว่าพวกมันมีความสูงประมาณ
90 ซม. จมูกคล้ายกับสุนัข ขณะที่ใบหู ริมฝีปาก และนิ้วมีขนาดที่ใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป
ผิวมันเรียบสีเทา และดูเหมือนว่าบางครั้งผิวหนังของพวกมัน สามารถเปล่งแสงได้!! ด้วยลักษณะภายนอกเหล่านี้ ทำให้พวกมันมักถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับเหล่าอมนุษย์ประเภทโทรล
และก๊อบลิน แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของ Pukwudgie คือ
แม้ว่าภายนอกของพวกมันจะดูไม่ค่อยน่าพิสมัยนัก แต่กลิ่นกายกลับหอมหวานเหมือนกับดอกไม้ป่า!?
ถิ่นอาศัยของ Pukwudgie
ชาวอินเดียนแดงเชื่อว่า Pukwudgie มักอาศัยอยู่ในป่าและบึง
โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกของสหรัฐอเมริกา แต่คนทั่วไปเชื่อว่าสามารถพบพวกมันได้ทั่วไปในสถานที่เต็มไปด้วยความ
“อาถรรพ์” พวกมันเคยถูกพบใกล้กับแม่น้ำฟอลล์ ที่เป็นที่ตั้งบ้านของ “Lizzie
Borden” ฆาตกรฆ่าต่อเนื่องจอมโหดที่สังหารผู้คนมากมายด้วยขวาน พวกมันยังถูกพบเห็นในเรือนจำในรัฐอินเดียนา
และภูเขา Round Rock ที่มีข่าวลือว่ามี Big Foot อาศัยอยู่ รวมไปถึงรายงานการพบเห็นอีกเป็นจำนวนมากในป่าของแมสซาชูเซตส์ นอกจากนี้
ตำรวจยังได้รับรายงานจำนวนมากถึงสัญลักษณ์การปรากฏตัวของ Pukwudgie
ในป่าใกล้กับเมือง Freetown State
Pukwudgie กับตำนานแห่งความเกลียดชังมนุษย์!
ชาวอเมริกันพื้นเมือง
หรือเหล่าอินเดียนแดงเชื่อว่าครั้งหนึ่ง Pukwudgie เคยอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ แต่แล้ววันหนึ่งมนุษย์ก็เริ่มรำคาญพวกมันขึ้นมา
จึงไปขอให้ยักษ์เนรเทศพวกมันออกไป Pukwudgie จำนวนมากถูกยักษ์จับโยนออกไปจากดินแดนของมนุษย์
ในขณะที่บางส่วนถูกสังหารทิ้งราวกับผักปลา ความแค้นจากการถูกมนุษย์ทรยศในครั้งนั้น
ทำให้พวกมันพากันไปหลบซ่อนอยู่ในป่า และทำการต่อต้านมนุษย์มาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน!
การปรากฏตัวของ Pukwudgie
Pukwudgie มีหลายความสามารถที่น่าสนใจมาก
อาทิเช่น ปรากฏตัวขึ้นและหายไปอย่างไร้ร่องรอยตามใจชอบ ทำให้ความทรงจำสับสน หลงลืม
นอกจากนี้พวกมันยังสามารถจุดไฟ ใช้ลูกศรพิษ และเวทมนต์ที่ใชในการล่อลวงมนุษย์ฆ่าตัวตายได้อีกด้วย
แต่จุดเด่นที่ทำให้คนส่วนใหญ่จดจำ Pukwudgie ได้คือ การแปลงกายเป็นสัตว์อันตรายอย่างเช่น
คูการ์ หรือ ครึ่งมนุษย์ครึ่งเม่น
การป้องกันตัวเองจากเหล่า Pukwudgie
หากบังเอิญไปพบกับ
Pukwudgie
เข้ากลางป่า หากไม่อยากมีปัญหา ขอแนะนำว่าควรปล่อยพวกมันเอาไว้ “ตามลำพัง”
อย่าไปยุ่งกับพวกมันด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะหากมันเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมาเมื่อไหร่
Pukwudgie จะทำการสะกดรอยตามไปกลั่นแกล้ง เช่น สาดทรายใส่ตาให้มองไม่เห็น
จู่โจมด้วยมีด หรือหอกอันเล็กๆให้บาดเจ็บ หากหนักข้อขึ้นก็อาจแอบมาผลักให้ตกหน้าผา
ลักพาตัวเด็กๆ หรือใช้เวทมนต์ล่อลวงให้รู้สึกอยากฆ่าตัวตาย
คำบอกเล่าของพยานที่อ้างว่าเคยพบเห็น Pukwudgie
มีพยานหลายคนที่อ้างว่าเคยเห็น
Pukwudgie ตัวอย่างเช่น
ชายคนหนึ่งเล่าว่า เขาเคยพบกับ Pukwudgie มันสวมชุดขนสัตว์ มีนัยน์ตาสีแดง
มีจมูกเหมือนกับหมาป่า เมื่อมันเห็นเขาเข้ามันก็วิ่งหนีไปพร้อมกับส่งเสียงร้องครวญครางที่น่ารำคาญ
ในขณะที่ผู้หญิงอีกรายหนึ่งเล่าว่า เธอได้พบกับ Pukwudgie
ในขณะที่กำลังพาสุนัขเดินเล่นผ่านป่า แม้จะตกใจแต่เธอก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งกับมัน
อย่างไรก็ตาม กลางดึกคืนนั้นเธอสะดุ้งตื่นเพราะเสียงแปลกประหลาด ก่อนที่จะพบสิ่งมีชีวิตปริศนาที่นอกหน้าต่างห้อง
เหตุการณ์พิศวงเหล่านั้นยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกคืน จนกระทั่งเธอย้ายออกไปอยู่ที่เมืองอื่นอย่างถาวร
โดยไม่กลับมาเหยียบสถานที่แห่งนั้นอีก ทุกอย่างถึงได้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง...
บทสรุปส่งท้าย : Pukwudgie กับการปรากฏตัวในงานวรรณกรรม
Pukwudgie ปรากฏตัวขึ้นในงานวรรณกรรมหลายครั้ง
เช่น ในบทกวีของ Henry Wadsworth Longfellow ที่ถูกตีพิมพ์ในปี
1855 และ บทเพลงแห่ง Hiawatha ก็ได้มีการกล่าวถึง Pukwudgie อย่างรก็ตาม งานวรรณกรรมที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักกับมันคือ การได้เป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์ชื่อก้องโลกอย่าง
Harry Potter ในฐานะหนึ่งของสัญลักษณ์ของบ้านในโรงเรียนเวทมนตร์แห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่ถูกเรียกว่า “Illvermorny” โดยสัญลักษณ์ Pukwudgie มีความหมายของ “ผู้รักษา และผู้ช่วยเหลือ” นั่นเอง...

