สกินวอล์กเกอร์ (Skinwalkers) แม่มดแห่งตะวันตกเฉียงใต้ ผู้แปลงกายเป็นสัตว์ร้าย ของประเทศสหรัฐอเมริกา
เชื่อกันว่าเดิมทีแล้ว “สกินวอล์กเกอร์” (Skinwalkers) คือ แม่มดที่มีความสามารถพิเศษในการแปลงร่างให้กลายเป็นสัตว์ประเภทต่างๆได้ตามที่ใจต้องการ ส่วนใหญ่แล้วมักที่จะเป็น หมาป่า สุนัขจิ้งจอก นกอินทรี นกเค้าแมวหรืออีกา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม พยานส่วนใหญ่อ้างว่าสกินวอล์กเกอร์ที่ปรากฏตัวให้เห็นมักมีลักษณะคล้ายกับสุนัข บางครั้งก็โผล่มาให้เห็นในรูปกายแบบครึ่งคนครึ่งสัตว์ที่สวมเสื้อผ้าของมนุษย์ที่ขาดรุ่งริ่ง
นอกจากนี้สกินวอล์กเกอร์ ยังมีพลังอำนาจเหนือธรรมชาติมากมาย เช่น การอ่านใจผู้อื่น ขโมยใบหน้าของคนอื่นมาใช้ปลอมแปลงแฝงกาย หรือถ้าหากใครเผลอสบตากับมันเข้า สกินวอล์กเกอร์ก็จะสิงสู่ร่างกายของคนผู้นั้น พร้อมกับควบคุมการกระทำได้อย่างที่ใจต้องการ และสกินวอล์กเกอร์ที่มีอำนาจสูงบางตน ยังสามารถทำการเสกผงศพให้กลายเป็นฝุ่นพิษ สาปแช่งจัดการกับเหยื่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ ควบคุมสัตว์ที่ออกหินในตอนกลางคืน ปลุกศพไร้วิญญาณให้ลุกออกมาจากหลุมให้โจมตีศัตรู แถมพวกมันยังสามารถวิ่งอย่างรวดเร็วในระยะทางไกลได้ถึง 320 กม. ในเวลาเพียงวันเดียวและกระโดดขึ้นไปบนหน้าผาสูงได้อย่างง่ายดาย
ต้นกำเนิดของสกินวอล์กเกอร์
ตำนานของสกินวอล์กเกอร์ มีต้นกำเนิดมาจากชาวอินเดียนแดง เผ่านาวาโฮ ที่เป็นชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา ในภาษานาวาโฮคำว่า "skinwalker" คือ yee naagloshii มีความหมายว่า “ผู้ที่เดินด้วยขาทั้งสี่” อีกทั้งยังเป็นแม่มดประเภทที่อันตรายมากที่สุด
บางครั้งสกินวอล์กเกอร์ เดิมทีอาจเป็นหมอสมุนไพรพื้นบ้านหรือผู้นำทางจิตวิญญาณที่ลุ่มหลงในพลังอำนาจจนกระทั่งเลือกใช้พลังไปในทางที่ชั่วร้าย ในตอนกลางวันพวกเขาจะใช้ชีวิตเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป พอตกกลางคืนก็จะแปลงร่างเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานของตัวเอง ความเชื่อนี้เองที่นำไปสู่การเกิดกฎขึ้นในเผ่านาวาโฮไม่ให้สมาชิกสวมใส่หนังของสัตว์กินเนื้อ ยกเว้นหนังแกะและหนังบัคส์
เชื่อกันว่าการกลายเป็นสกินวอล์กเกอร์นั้นจะต้องเกิดขึ้นจากความสมัครใจของเจ้าตัว ส่วนเรื่องของวิธีการนั้นยังคงค่อนข้างคลุมเครือ แต่เชื่อกันว่าจะต้องผ่านพิธีกรรมบางอย่างและบทสวดลึกลับที่ไม่ได้รับการบันทึกเอาไว้
เหตุผลที่ทำให้สกินวอล์กเกอร์เป็นอันตรายอย่างมากกับมวลมนุษย์ มาจากความโลภ โกรธ อาฆาตแค้นหรือการล้างแค้น นอกจากนี้มันยังมักขุดหลุมฝังศพเพื่อตามหาสมบัติ ควบคู่ไปกับการรวบรวมส่วนผสมที่จำเป็นสำหรับนำมาใช้ประกอบมนต์ดำ เป็นต้น นอกจากนี้สกินวอล์กเกอร์นั้นยังมีชีวิตอยู่ไปเรื่อยๆราวกับไม่จบสิ้นตราบที่ยังดูดกลืนอายุขัยของเหยื่อได้สำเร็จ เหตุผลนี้เอง ที่ทำให้พวกเขาต้องคอยเข่นฆ่าทำลายล้างผู้อื่นไปเรื่อยๆ
การสังเกตว่าใครเป็นสกินวอล์กเกอร์
สกินวอล์กเกอร์ มีจุดสังเกตสำคัญคือ “ดวงตา” เมื่ออยู่ในร่างของสัตว์ร้าย ดวงตาของพวกมันจะยังคงเหมือนกับมนุษย์มาก เมื่อมีแสงไฟส่องมากระทบ ดวงตาก็จะเปลี่ยนไปกลายเป็นสีแดงสดและในขณะที่อยู่ในร่างของมนุษย์ ดวงตามจะดูคล้ายกับของสัตว์ป่ามากกว่า
การปรากฎตัวของสกินวอล์กเกอร์
สกินวอล์กเกอร์ ปรากฏตัวให้เห็นทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนใหญ่มักที่จะปรากฏตัวบริเวณสุสาน ในถ้ำหรือสถานที่อันเงียบสงบ เพื่อประกอบพิธีกรรมและทำร้ายผู้คนด้วยมนต์ดำ เช่น การเต้นรำ งานเลี้ยง วาดภาพด้วยทราย เป็นต้น อย่างไรก็ตามงานเลี้ยงของเหล่าสกินวอล์กเกอร์ มักเต็มไปด้วยกิจกรรมอันโสมม เช่น การข่มขืนศพ กินเนื้อคน ร่วมประเวณีระหว่างพี่น้องและการปล้นหลุมศพ แถมพวกมันยังขุดหลุมฝังศพด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ในระหว่างการประกอบพิธีกรรมเหล่าสกินวอล์กเกอร์มักแปลงร่างเป็นสัตว์ต่างๆ หรือเปลือยกายพร้อมกับสวมเครื่องประดับที่ทำจากลูกปัด ทาสีตามร่างกาย โดยมีผู้ดูแลพิธีเป็นชายชราที่มีอายุยืนยาวและมีพลังอำนาจที่ทรงพลัง
เชื่อกันว่าเมื่อสกินวอล์กเกอร์ปรากฎตัวอยู่ใกล้ๆ พวกมันจะส่งเสียงดังประหลาดรอบบ้าน เช่น เคาะหน้าต่าง ทุบกำแพง เสียงขูดบนหลังคา หรือในบางครั้งพวกมันก็จะลอบมองผู้คนในบ้านผ่านทางหน้าต่าง แต่ที่อันตรายที่สุดคือ พวกมันมักปรากฏตัวต่อหน้าหน้ายานพาหนะอย่างกะทันหันเพื่อจงใจทำให้เกิดอุบัติเหตุ
สกินวอล์กเกอร์ เริ่มปรากฏตัวให้เห็นมากขึ้นหลังจากที่เผ่านาวาโอทำสงครามกับกองทัพสหรัฐหลายครั้ง ในที่สุดพวกเขาก็ถูกขับไล่ออกจากดินแดนของตัวเองให้ไปอาศัยอยู่ในรัฐนิวเม็กซิโกที่เต็มไปด้วยความแห้งแล้งในปี 1864 ส่งผลให้ผู้คนมากมายเดือดร้อนจากความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้นกระทั่งเกิดการเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จนกระทั่ง 4 ปี ผ่านไป พวกเขาจึงได้รับการยอมรับให้กลับไปยังบ้านเกิดได้ แต่ในช่วงเวลาที่เลวร้ายดังกล่าวนี้เอง ที่พวกเขาเชื่อว่ามีสมาชิกเผ่าหลายคนที่ยอมเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นสกินวอล์กเกอร์เพื่อหนีจากความเป็นอยู่ที่ราวกับนรก เพราะพวกเขาเชื่อว่าพระเจ้าได้ “ทอดทิ้ง” ไปแล้ว
เมื่อกลับถึงบ้านเกิด เหล่าสกินวอล์กเกอร์เองก็ได้ตามกลับมาด้วย หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ล่าสังหารเหล่าสกินวอล์กเกอร์ขึ้น เมื่อมีการค้นพบสิ่งสักการะของแม่มดในปี 1863 จนเกิดเหตุการณ์ “ Navajo Witch Purge” ในปี ส่งผลให้มีผู้ต้องสงสัยว่าเป็นแม่มดกว่า 40 คน ถูกสังหาร เพื่อฟื้นฟูความสามัคคีให้กลับคืนมายังเผ่าอีกครั้ง
การสังหารสกินวอล์กเกอร์
เชื่อกันว่าวิธีเดียวที่จะจัดการสังหารสกินวอล์กเกอร์ได้คือ การเรียกชื่อมนุษย์ที่แท้จริงของพวกมัน หรือยิงมันที่คอหรือศีรษะด้วยกระสุนที่ถูกจุ่มลงในขี้เถ้าสีขาว อย่างไรก็ตามการจัดการกับสกินวอล์กเกอร์ส่วนใหญ่มักจะได้รับการช่วยเหลือจากหมอผีที่ทรงพลัง ที่สามารถป้องกันไม่ให้พลังแห่งความชั่วร้ายย้อนคืนกลับมาเล่นงานตัวเอง
บทสรุปส่งท้าย : สกินวอล์กเกอร์กับภาพลักษณ์แห่งความชั่วร้ายที่ถูกประณาม
สกินวอล์กเกอร์ และแม่มดประเภทอื่น มักกลายมาเป็นแพะรับบาปเมื่อเกิดสงคราม การต่อสู้โศกนาฏกรรมความแห้งแล้ง โรคระบาดและการเสียชีวิตอย่างกะทันหัน รวมไปถึงปัญหาระหว่างบุคคลเล็กน้อยก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของสกินวอล์กเกอร์ทั้งสิ้น
เรื่องราวของสกินวอล์กเกอร์ถือว่าเป็นหนึ่งในความลับของเผ่านาวาโฮ พวกเขาไม่ค่อยเต็มใจนักที่จะพูดเรื่องนี้กับคนแปลกหน้าเพราะกลัวว่าจะถูกเหล่าสกินวอล์กเกอร์ตามมาล้างแค้นในภายหลัง ทำให้เรื่องราวนี้กลายมาเป็นสิ่งที่สาธารณชนไม่เคยรับรู้ จนกระทั่งถูกเปิดเผยออกมาเมื่อไม่นานมานี้...