ตำนานทางสามแพร่ง เส้นทางอาถรรพ์ที่บรรจบโลกคนเป็นกับคนตาย
เชื่อกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณแล้วว่า “ทางสามแพร่ง” เป็นสถานที่อาถรรพ์ เป็นที่สิงสถิตอยู่ของวิญญาณโดยเฉพาะวิญญาณตายโหงทั้งจากอุบัติเหตุและการฆ่าตัวตาย นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่อยู่ของเทพที่เป็นเจ้านายของเหล่าภูตผี แต่เรื่องราวที่น่าสนใจของทางสามแพร่งเท็จจริงจะเป็นอย่างไร น่าสนใจแค่ไหน ลองมาติดตามอ่านจากบทความชิ้นนี้กันเลย
ทำไมวิญญาณถึงชอบมาสิงสถิตอยู่ ณ ทางสามแพร่ง!?
เหตุผลทำให้วิญญาณและเหล่าภูตผีนิยมมาอยู่ใกล้กับบริเวณทางสามแพร่งมาจากสาเหตุใดกันบ้างนั้น ลองมาฟังทฤษฎีที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
1.ทางสามแพร่งเป็นสถานที่ที่สัมภเวสีรอคอยการได้เกิดใหม่เป็นมนุษย์
คนโบราณเชื่อว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้วิญญาณของเหล่าผีตายโหงชอบมาสิงสถิตอยู่ ณ ทางสามแพร่ง เพราะต้องการรอคอยให้มีผู้หญิงที่ตัวเองถูกใจเดินผ่านมา เพื่อที่จะได้เข้าสิงสู่ในท้องรอคอยให้ได้มาเกิดใหม่เป็นมนุษย์อีกครั้งในฐานะของลูกผู้หญิงคนนั้น
2.ทางสามแพร่งเต็มไปด้วยพลังงานด้านลบที่ดึงดูดความชั่วร้าย
อีกทฤษฎีหนึ่งที่น่าสนใจคือ เชื่อกันว่าทางสามแพร่งเป็นตำแหน่งที่ไม่ดี เต็มไปด้วยพลังงานด้านลบและความอัปมงคล ทำให้กลายมาเป็นสถานที่ดึงดูดวิญญาณเร่ร่อน วิญญาณเฮี้ยน ตายโหง ให้เข้ามารวมตัวกันอยู่ในบริเวณทางสามแพร่งกันเป็นจำนวนมาก
3.ทางสามแพร่งมักเป็นสถานที่นิยมนำสิ่งของทางไสยศาสตร์มาทิ้ง
ส่วนใหญ่แล้วตามความเชื่อด้านไสยศาสตร์ ทางสามแพร่งเป็นแหล่งรวมของที่ไม่ดี ทำให้กลายมาเป็นสถานที่ยอดนิยมของคนเล่นของที่ทำการปล่อยของ หรือใช้เป็นสถานที่ทิ้งสิ่งอัปมงคลต่างๆ หลังจากที่ทำพิธีกรรมต่างๆเช่น พิธีตุ๊กตาเสียกบาล หรือการสู่ขวัญของชาวอีสาน เป็นต้น เมื่อหมอธรรมทำพิธีกรรมเสร็จแล้ว ก็จะให้นำกระทงทำพิธีไปวางเอาไว้บริเวณทางสามแพร่ง พร้อมกับมีกฎว่าห้ามหันกลับไปมองที่ด้านหลังอย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ไม่ดีก็จะตามกลับมาด้วย
4.ทางสามแพร่งมีลักษณะเป็นทางเดินที่ยากต่อการตัดสินใจเดินทางของสัมภเวสี
บางความเชื่อกล่าว สาเหตุที่ทำให้บริเวณทางสามแพร่งกลายมาเป็นสถานที่สิงสถิตของเหล่าภูตผี เป็นเพราะลักษณะทางกายภาพของสามสามแพร่งที่เป็นตัว Y ทำให้สัมภเวสี ที่ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเดินเตร่ไปเรื่อยตัดสินใจไม่ได้ว่าควรที่จะเดินไปทางไหนดี ทำให้มีผีที่ตัดสินใจไม่ได้จำนวนมากที่ยังติดรวมกันอยู่ในบริเวณดังกล่าว ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ผีเหล่านี้ก็จะยิ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ตำนานทางแยกกับความเชื่อเรื่องผีสางของชาวตะวันตก
ทางทวีปตะวันตกเองก็มีความเชื่อเกี่ยวกับทางแยกกับเรื่องราวของเรื่องผีสางเช่นกัน เช่น เรื่องราวของหลุมฝังศพที่น่าขนลุกที่สุดในโลกของ Kitty Jay โดยเรื่องราวของหลุมฝังศพนี้ เริ่มต้นขึ้นในปี 1700 เมื่อหญิงสาวที่ยากจนแขวนคอตายในโรงนา ในเมืองฟอรเดอร์ ประเทศอังกฤษ ไม่มีใครทราบถึงเหตุผลว่าทำไมเธอถึงทำเช่นนั้น แต่มีตำนานเล่าว่าเป็นเพราะเธอถูกข่มขืน บางเรื่องก็เล่าว่าเป็นเพราะเธอตั้งท้องโดยที่ไม่ได้แต่งงานทำให้เกิดความละอายใจจนคิดสั้นจบชีวิตตนเอง อย่างไรก็ตามความเชื่อของคนในช่วงเวลานั้นมองว่าการฆ่าตัวตายคือ “บาปมหันต์” ดังนั้น ร่างไร้วิญญาณของเธอจึงถูกนำไปฝังที่ทางแยกเช่นเดียวกับศพของอาชญากรที่ถูกตัดสินโทษประหาร เพราะเชื่อว่าการฝังศพเอาไว้ในทางแยกจะทำให้วิญญาณเกิดความสับสนจนไม่สามารถกลับมาหลอกหลอนผู้อื่นได้
เมื่อเวลาล่วงผ่าน บริเวณโดยรอบได้รับการพัฒนามากขึ้นแต่หลุมศพของ Kitty Jay ก็ยังคงอยู่ที่เดิม ทุกวันนี้หลุมศพของเธอได้รับการทำเครื่องหมายให้คนทั่วไปรู้ว่าคือหลุมศพด้วยกองศิลาขนาดใหญ่และกองหญ้า นอกจากนี้ยังมักมีคนลึกลับนำดอกไม้มาวางเอาไว้เหนือกองศิลาให้เป็นประจำอีกด้วย มีคนอ้างว่าเคยเห็นเงาร่างที่มืดมิดคุกเข่าอยู่เหนือหลุมศพของเธอและยังเคยมีคนเห็นวิญญาณของ Kitty Jay ปรากฏตัวในกระจกมองหลังในขณะที่กำลังขับรถผ่านทางแยกอีกด้วย
ความเชื่อของชาวตะวันตกดังกล่าวสอดคล้องกับความทฤษฎีความเชื่อที่ว่า ทางสามแพร่งทำให้วิญญาณเกิดความสับสนจนไม่สามารถหาทางเดินต่อไป หรือกลับไปหลอกหลอนผุ้อื่นได้ ซึ่งอาจะเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ในบริเวณของทางสามแยกนั้น มีผีสิงอยู่เป็นจำนวนมากนั่นเอง...
ทางสามแพร่งอันตรายหรือเปล่า
หลายคนเปรียบเทียบให้เห็นว่า ทางสามแพร่งเป็นเหมือนกับสถานที่ที่สายน้ำสามสายไหลมาบรรจบกันทำให้เกิดการกระทับกระทั่งที่รุนแรงและไม่มั่นคงจนอาจทำให้เกิดความเสียหายให้กับบริเวณโดยรอบได้ ในส่วนของทางสามแพร่งนั้นสิ่งที่ไหลมาบรรจบกันคือ “พลังงาน” ที่มองไม่เห็นนั่นเอง เมื่อได้รับพลังงานเหล่านี้ในปริมาณที่มากจนเกินไปก็อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงอุบัติเหตุที่น่าเศร้าได้เช่นกัน
เคล็ดลับการแก้อาถรรพ์ทางสามแพร่ง
ทางสามแพร่ง สามารถทำการแก้อาถรรพ์ได้ค่อนข้างง่ายมากกว่าที่หลายคนคิด เช่น หากบริเวณใดเป็นทางสามแพร่ง ให้ทำถนนหลอกเพิ่มขึ้นมาอีกแห่งหนึ่งให้เหมือนกับบริเวณนี้กลายเป็นทางสี่แพร่ง โดยถนนดังกล่าวให้ดูคล้ายกับถนนจริงที่สามารถสัญจรเข้าไปได้เพียงเล็กน้อย
ทางสามแพร่งกับหลักฮวงจุ้ย
ศาสตร์ด้านฮวงจุ้ยเชื่อว่า บ้านที่ตั้งอยู่บริเวณทางสามแพร่งนั้นจะรับพลังงานที่มาพร้อมกับวิ่งผ่านของรถ แต่พลังงานเหล่านั้นก็ใช่ว่าจะต้องเป็นพลังงานด้านลบเพียงอย่างเดียว ในขณะเดียวกันบ้านเรือน อาคารที่ตั้งอยู่ในบริเวณทางสามแพร่งนั้นจะมีช่วงจังหวะเวลาราว 20 ปี สลับพลังงานที่ได้รับทั้งดีและร้าย ถ้าหากอยู่ในช่วงเวลาที่รับพลังงานดีจากทางสามแพร่งก็จะช่วยส่งเสริมให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองให้กับคนในบ้าน แต่ถ้าหกอยู่ในช่วงที่เป็นพลังงานทางลบ ก็สามารถที่จะทำการแก้เคล็ดเพื่อปกป้องบ้านจากอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยมีเคล็ดลับดังต่อไปนี้
เคล็ดลับฮวงจุ้ยในการแก้อาถรรพ์ทางสามแพร่ง
1.สร้างกำแพงบ้านเพื่อปิดกันพลังจากทางสามแพร่ง
สร้างกำแพงบ้านในทิศที่เป็นทางสามแพร่ง โดยต้องเป็นกำแพงที่สามารถปกปิดมิดชิดทึบบริเวณด้านล่าง
2.สร้างประตูรั้วบ้านให้เยื้องจากทางสามแพร่ง
ในการสร้างประตูรั้วบ้าน ควรสร้างให้เยื้องไม่ตรงกับทางสามแพร่งง เพื่อเป็นการป้องกันการเปิดรับพลังด้านลบที่มาจากทางสามแพร่ง และควรปิดประตูให้สนิททุกครั้งหลังจากการเข้าออก
3.เสริมต้นไม้ที่กำแพงบ้านเพื่อลดพลังจากทางสามแพร่ง
ต้นไม้สามารถช่วยลดพลังลบที่มาจากทางสามแพร่งได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยกรองฝุ่นและเพิ่มความร่มรื่นให้กับบ้านได้เป็นอย่างดี สำหรับต้นไม้ที่เหมาะในการปลูกบริเวณรั้วเพื่อลดพลังจากทางสามแพร่งได้แก่ ต้นโมก ต้นแก้ว ต้นชา หรือไม้ยืนต้น เป็นต้น
4.ไม่ควรติดตั้งกระจกให้อยู่ตรงกับประตูบ้าน
เชื่อกันว่าการติดตั้งกระจกตรงกับประตูบ้านจะทำให้โชคที่กำลังเข้ามายังบ้านเกิดการสะท้อนกลับออกไปจนหมด
5.สวนหน้าบ้านช่วยเสริมหลักฮวงจุ้ย
การเว้นพื้นที่เอาไว้บริเวณหน้าบ้านเพื่อจัดสวนหย่อมขนาดเล็ก ก่อนเข้าถึงตัวบ้าน นอกจากจะช่วยลดอาถรรพ์ที่มาจากทางสามแพร่ง ช่วยเสริมฮวงจุ้ยให้ดีมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามการจัดสวนดังกล่าวไม่ควรให้อยู่ชิดกับตัวบ้านหรือรั้วมากจนเกินไปนัก
6.สร้างวงเวียนเอาไว้ก่อนถึงตัวบ้าน
เพื่อเป็นการแก้อาถรรพ์ทางสามแพร่งตามหลักฮวงจุ้ย หลายบ้านจะมีสร้างวงเวียนเอาไว้ก่อนถึงตัวบ้าน เพื่อเป็นการช่วยชะลอพลังงานจากทางสามแพร่งไม่ให้มีผลกระทบกับตัวบ้านโดยตรง
บทสรุปส่งท้าย : ทางสามแพร่งกับอาถรรพ์ ที่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์
หากอธิบายกันตามหลักการทางวิทยาศาสตร์จะเห็นได้ว่าทางสามแพร่ง เป็นสถานที่ที่มักเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เพราะเป็นเส้นทางที่รถบรรจบทั้งสามสายทำให้อาจเกิดการรบกวนและเป็นมุมอับสายตา นอกจากนี้ยังมีเรื่องของแสง เสียงและทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ค่อนข้างลำบากเพราะต้องให้ความระมัดระวังในหลายด้านทำให้เกิดอุบัติเหตุหลายต่อหลายครั้งกระทั่งกลายเป็นความเชื่อกันว่ามีความลี้ลับอาถรรพ์อยู่ในบริเวณทางสามแพร่งคอยพรากชีวิตของคนที่เดินทางผ่าน ตามความเชื่อของคนในสมัยก่อนที่หากมีการเสียชีวิตที่ไม่สามารถอธิบายได้ก็จะทำการโทษภูตผีเอาไว้ก่อน เพราะเป็นเรื่องที่ง่ายดายที่สุด
นอกจากนี้ สิ่งรบกวนที่ได้กล่าวมาในตอนต้น ยังส่งผลกระทบต่อคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับทางสามแพร่งด้วย ทำให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความไม่สงบ ความเครียด สิ่งเหล่านี้เมื่อสะสมเป็นปริมาณนานวันเข้าก็จะนำไปสู่การเกิดอาการเจ็บป่วยซึ่งยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เชื่อเกี่ยวกับความอาถรรพ์ของทางสามแพร่งให้มากยิ่งขึ้นไปอีก และเมื่อได้ทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์และศาสนาแล้ว ด้วยความสบายใจก็จะทำให้ความเครียดที่สะสมมาสลายไปจนเชื่อว่าอาถรรพ์ได้หายไปจนหมดแล้วนั่นเอง อย่างไรก็ตามมีคนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ใกล้กับทางสามแพร่งที่ไม่ได้รับผลกระทบที่เหมารวมในเรื่องของอาถรรพ์ เนื่องจากคนเหล่านี้มีวิธีการผ่อนคลายลดความเครียดของตัวเองได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ ศาลและต้นไม่ใหญ่ในบริเวณทางสามแพร่ง ที่มักมีการนำผ้าหลากสีไปผูกเอาไว้จำนวนมาก จนทำให้คนที่เห็นเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์กราบไหว้บูชา ที่จริงแล้วในสมัยก่อนอาจจะเป็นเพียงเพราะผ้าเหล่านี้ เมื่อกระทบกับแสงไฟจากรถยนต์ก็จะเกิดการสะท้อนแสงให้เห็นอย่างชัดเจน อันเป็นอุบายที่แยบยลในการเตือนผู้ที่สัญจรผ่านไปมาในเวลากลางคืนว่าเป็นทางสามแพร่งที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยเท่านั้น แต่ในปัจจุบันดูเหมือนว่าความเชื่อว่าสถานที่ใดมีผ้าสามสีผูกเอาไว้ย่อมเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นค่านิยมของคนไทยทั่วทุกส่วนของประเทศอย่างที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้แล้ว...
อ้างอิง :