วิญญาณแห่งบันไดดอกทิวลิป
ทั่วโลกต่างมีคำถามข้อหนึ่งที่เหมือนกันมาอย่างยาวนานหลายศตวรรษว่า...
“หลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว
จะเกิดอะไรขึ้นกับวิญญาณของเรา?”
ในขณะที่หลายคนพยายามหาคำตอบ อีกหลายๆคนก็ปฎิเสธอย่างหัวเด็ด ตีนขาด ที่จะเชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติเหล่านี้ กระทั่งเทคโนโลยีอันต่างๆก้าวหน้าขึ้น จนเอื้อต่อการพิสูจน์ถึงการดำรงอยู่ของวิญญาณ ทำให้มีหลักฐานเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายมากมายปรากฏออกมาให้เห็น แต่การที่จะเชื่อหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคุณผู้อ่านเองเช่นกัน บทความในวันนี้ ผู้เขียนอยากขอพาคุณผู้อ่านทุกท่านไปทำความรู้จักกับ ภาพถ่ายวิญญาณแห่งบันไดดอกทิวลิป ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในหลักฐานชั้นเยี่ยม ในเรื่องของชีวิตหลังความตายครับ

บ้านพักของสมเด็จพระราชินี (Queen's House, Greenwich)
ในวันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน ปี 1966 “Ralph Hardy” กับภรรยา สองนักท่องเที่ยวชาวแคนาดา ได้ใช้วันหยุดมาเที่ยวชมบ้านพักของสมเด็จพระราชินี ที่ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ทางทะเลแห่งชาติ ในกรีนิส เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน บ้านพักหลังนี้ ก่อสร้างขึ้นในปี 1616 ตามคำสั่งของ กษัตริย์เจมส์ ที่ 1 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคครั้งแรกในประเทศอังกฤษ เพื่อมอบให้เป็นของขวัญแก่ แอนนา แห่งเดนมาร์ค ผู้เป็นภรรยา

“บันไดดอกทิวลิป”
ภรรยาของ
Hardy
เคยเห็นภาพบันไดวนอันแสนสวยงาม ที่ถูกเรียกว่า “บันไดดอกทิวลิป” (Tulip
Staircase) ที่อยู่ด้านซ้ายของห้องโถงใหญ่ ภายในบ้านพักของพระราชินี
จากนิตยสารมาก่อนหน้านี้ เธอจึงอยากที่จะเห็นมันสักครั้ง
แต่เมื่อไปถึงพวกเขาก็ต้องผิดหวัง เพราะบันไดส่วนนี้ถูกกั้นเอาไว้ไม่ให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปถ่ายรูปใกล้ๆได้เหมือนกับภาพที่เห็นในนิตยสาร
Hardy จึงได้ยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพบันไดดอกทิวลิปเอาไว้เป็นที่ระลึกอย่างเสียไม่ได้ แต่หลังจากภาพนี้ถูกส่งไปล้างแล้ว กลับเผยให้เห็นร่างของวิญญาณที่ยืนอยู่บนบันได พร้อมกับจับราวบันไดด้วยมือทั้งสองข้าง ในลักษระที่คล้ายกำลังเดินขึ้นไปด้านบน อย่างไรก็ตาม Hardy และภรรยา ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ในตอนที่ถ่ายภาพนี้ ไม่มีเงาร่างสุดสยองนี้ยืนอยู่บนบันไดอย่างแน่นอน

“วิญญาณแห่งบันไดดอกทิวลิป”
ภาพถ่าย
“วิญญาณแห่งบันไดดอกทิวลิป” โด่งดังไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว หลายคนที่เห็นภาพสุดสยองอันน่าทึ่งนี้
ชี้ให้เห็นจุดสังเกตที่น่าสนใจว่า บนนิ้วของผีตนนี้ มีแหวนแต่งงานสวมอยู่
สวนอีกหลายคนเชื่อว่า วิญญาณที่อยู่ในภาพมีอยู่สองตนซ้อนทับกันอยู่
โดยสังเกตได้จากช่วงแขนที่ดูยาวอย่างผิดธรรมชาติ
ถึงแม้จะไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่า
วิญญาณที่ปรากฏตัวขึ้นมาในภาพถ่ายนี้เป็นใคร หรือต้องการอะไร แต่อาคารที่มีอายุกว่า
400 ปี แห่งนี้ เดิมที ก็มีเรื่องเล่าแปลกๆมากมายอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว มีเสียงเล่าลือว่าบริเวณรอบๆ
ใกล้เคียงของบันไดแห่งนี้ มักได้ยินเสียงฝีเท้าดังก้องอยู่เสมอ
ในขณะที่ไม่มีใครอยู่ ในบางครั้งก็จะมีรอยเท้าปริศนาปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว
รวมไปถึงเสียงกระแทกประตูที่ดังปึงปังขึ้นกะทันหันอย่างปริศนา นักท่องเที่ยวหลายคนเล่าว่า
พวกเขาถูกบีบตามส่วนต่างๆของร่างกาย จากมือที่มองไม่เห็น และมีรายงานว่าในบริเวณใกล้ๆกับบันไดทิวลิป
มีคนพบเห็นเงามืออยู่บ่อยครั้ง
Tony Anderson ผู้ช่วยหอศิลป์ ได้เล่าถึงประสบการณ์สุดสยองของตัวเองว่า ในปี 2002 ในขณะที่เขากับเพื่อนอีกสองคนกำลังพักดื่มน้ำชากันอยู่ พวกเขาเห็นประตูบานหนึ่งของห้องพักใกล้สะพานปิดด้วยตัวเอง ตอนแรกพวกเขาคิดว่าหนึ่งในวิทยากรทำการปิดมัน แต่หลังจากนั้น เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเหาะข้ามระเบียง ก่อนที่จะทะลุผ่านผนังทิศตะวันตก สิ่งที่ไม่น่าเชื่อนี้ ทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว หลังจากนั้นพวกเขาได้พากันไปที่ห้องจัดงานของราชินี แล้วมองไปยังห้องนอนของราชินี ก่อนที่จะพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างออกมจากห้องแล้วทะลุผ่านกำแพงไป ในขณะที่ทุกคนตกใจกลัวจนตัวแข็งทื่อ เขามองเห็นร่างนั้นได้อย่างชัดเจนว่า มีรูปร่างเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวในชุดเดรส สีขาวอมน้ำตาล

กล้อง Zeiss Ikon Contina
ยังมีเรื่องเล่าที่น่ากลัวอื่นๆ
จากบรรดาเหล่าคนที่ทำงานอยู่ในสถานที่แห่งนี้อีกมากมาย อาทิเช่น มีคนได้ยินเสียงสวดมนต์
หรือเสียงร้องเพลงของเด็กๆ และพื้นที่เจิ่งนองด้วยเลือดปริศนาบริเวณด้านล่างของบันไดดอกทิวลิป
ที่เชื่อกันว่า เลือดเหล่านั้น เกิดจากความแค้นของแม่บ้านคนหนึ่งเมื่อ 300 ปี ก่อน
ที่เธอได้ถูกจับโยนลงมาจากบันไดทิวลิปที่สูงกว่า 50 ฟุต
จนถึงแก่ความตายในบริเวณนั้นนั่นเอง
ภาพ วิญญาณแห่งบันไดทิวลิป ถูกบันทึกเอาไว้เมื่อเวลา 17 : 15-05.30 ด้วยกล้อง Zeiss Ikon Contina และเลนส์ Zavar Anastigmat ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกทั้งในด้านสาขาการถ่ายภาพ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาถรรพ์ และแม้แต่กับทางบริษัทฟิล์ม ดัก ได้พยายามตรวจสอบหาหลักฐานที่บ่งบอกว่าภาพนี้เป็น “ของปลอม” นานนับปี แต่ในที่สุดพวกเขาก็ต้องยอมแพ้ ทำให้ภาพนี้ กลายมาเป็นหนึ่งในหลักฐาน ที่ช่วยยืนยันการมีตัวตนอยู่ของวิญญาณเหนือธรรมชาติ ที่ชัดเจน และขึ้นชื่อมากที่สุดในโลก รูปหนึ่งเลยทีเดียว
