8 พ่อมดและแม่มดร่วมสมัยแห่งศตวรรษที่ 19-20
ในยุคใหม่ศตวรรษที่ 18-19... มีพ่อมดและแม่มดที่มีพลังอำนาจน่าสนใจปรากฏตัวขึ้นในประวัติศาสตร์หลายคน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีความเชี่ยวชาญในศาสตร์เวทมนตร์ที่แตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งพ่อมดและแม่มดที่น่าสนใจจะมีใครกันบ้าง ไปติดตามประวัติของพวกเขาผ่านบทความชิ้นนี้กันได้เลย...
1.พ่อมดและแม่มดร่วมสมัย: Eleanor "Ray" Bone (ค.ศ.1910-2007)
เอเลนอร์ "เรย์" โบน บางคนรู้จักเธอในฐานะของ “ผู้อาวุโสของเหล่าแม่มดแห่งประเทศอังกฤษ” เธอ เป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลในเวทมนตร์ที่ทันสมัย เป็นส่วนสำคัญในการฟื้นตัวของเวทมนตร์นิกายร่วมสมัย เธออ้างว่า ตัวเองมีสายเลือดของแม่มด ในกลุ่ม คัมเบรี Gerald Gardner’s นักบวชสูง ในตอนใต้ของลอนดอน
เอเลนอร์ เกิดในกรุงลอนดอนระหว่างปี ค.ศ.1910 – 1911 พร้อมกับผ่านวัยเด็กมาด้วยการตั้งคำถามเกี่ยวกับโลกใบนี้ อาทิเช่น ทำไมเมื่อแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเธอตาย บาทหลวงจึงได้กล่าวว่าพวกมันจะไม่ได้ไปสวรรค์เหมือนกับมนุษย์..!?
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ราว ค.ศ.1939 เธอไปทำงานในตอนเหนือของประเทศอังกฤษ และได้รับการดูแลจากคู่สามีภรรยาสูงอายุ ที่ได้สั่งสอนเวทมนตร์คาถาให้กับเธอเป็นเวลากว่าสี่ปี เมื่อถึงช่วงท้ายของสงครามโลก ในปี ค.ศ.1945 เธอ ได้เดินทางกลับไปยังกรุงลอนดอน แต่งงาน แล้วทำงานในบ้านพักคนชรา ส่วนช่วงกลางคืน เธอเข้าร่วมการสมาคมกับเหล่าแม่มด
หลังจากนั้น เธอได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเจอราลด์ การ์ดเนอร์ และ ดีโฟ แม่มดแห่งป่าผู้ลึกลับ เธอเป็นเพื่อนที่ดีของทั้งคู่ และเข้าร่วมกลุ่มแม่มดแห่งลอนดอน ในปี ค.ศ.1960 เธอกลายมาเป็นนักบวชชั้นสูงของเหล่าแม่มด และเป็นผู้นำที่มีความโดดเด่น นอกจากนี้ เธอยังให้ความร่วมมือกับนักข่าว ช่างภาพ ในการถ่ายภาพพิธีกรรมลับต่างๆอีกด้วย
ในปี ค.ศ.1972 เอเลนอร์ สร้างความคึกคักในเรื่องราวของแม่มดอย่างมากในกรุงลอนดอน ก่อนจะย้ายกลับไปใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบสงบในหมู่บ้านเล็กๆ แต่เธอก็ยังคงอยู่มีบทบาทอยู่ในฐานะโฆษก และนักแก้ต่างด้านเวทมนตร์ แม้ว่าธอมีนิสัยหยิ่งยโสอยู่บ้าง แต่ก็ทำการปฎิเสธอย่างสุภาพในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของประเทศอังกฤษ เอเลนอร์ เสียชีวิต ในวันที่ 21 กันยายน ค.ศ.2001 และศพของเธอของเธอถูกฝังอยู่เคียงข้างสามี ในสุสานที่อยู่ไกลออกไปเพียงไม่กี่ไมล์ จากบ้านของเธอ
2.พ่อมดและแม่มดร่วมสมัย: Rosaleen "Roie" Norton (ค.ศ.1970-1979)
โรซาลิน มิเรียม นอร์ตัน หรือ "Roie" เป็นศิลปินชาวออสเตรเลีย และเป็นแม่มดผู้เต็มไปด้วยความลึกลับ เธอรู้จักกันในชื่อของ “The Witch of King’s Cross” ผู้ตกเป็นข่าวอื้อฉาวในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเป็นประจำ
โรซาลิน เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ.1917 ในดูนีดิน ประเทศนิวซีแลนด์ แต่ย้ายไปอยู่กับครอบครัวในกรุงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เธอเกิดมาพร้อมกับลักษณะทางกายภาพที่เรียกได้ว่าเหมาะสมกับภาพลักษณ์ของแม่มดอย่างครบถ้วน เช่น หูแหลม มีจุดด่างดำบนหัวเข่า มีก้อนเนื้อยื่นออกมาจากใต้รักแร้ซ้าย เป็นต้น ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกว่าตัวเองมีการเชื่อมต่อที่ใกล้ชิดกับเวทมนตร์ เธอถูกไล่ออกจากโรงเรียนเออายุได้ 14 ปี เพราะเธอมีอิทธิพลเชิงลบที่ไม่ควรนำมาเป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่นๆ
ในปี ค.ศ.1935 เมื่ออายุ 17 เธอก็ได้พบ และแต่งงานกับ “แบทฟอร์ด ไลโนเนล คอนรอย” ทั้งคู่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเดินทางไปทั่วประเทศ หลังจากนั้นเธอเริ่มที่จะทดสอบการสะกดจิตตัวเองอย่างอัตโนมัติ ด้วยภาพวาด ในช่วง ค.ศ.1940 ภาพวาดของเธอเน้นไปทางด้านการวาดปีศาจอย่างเด่นชัด เธออ้างว่าตัวเอง สามารถสื่อสารกับพระเจ้าที่ชื่อ “Pan” ที่นิยมชมชอบในตัวเธอ หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1951 เธอได้กลายมาเป็นที่รู้จักในฐานะของศิลปินทั่วคิงส์ครอส ณ ศูนย์โบฮีเมีน ซิดย์ ภาพจิตกรรมฝาผนังของเธอประดับอยู่ในคาเฟ่ และแกลเลอลี่ซื้อขาย แถมยังได้รับความนิยม จากความเร้าใจของลายเส้น และสีสันอย่างมาก
ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1951 สี่ภาพของเธอถูกยึด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ โรซาลิน ถูกดำเนินคดี ในข้อกล่าวหาว่า ผลงานเหล่านั้น “ทำให้เกิดความเสื่อมทราม และสร้างความเสียหายด้านศีลธรรมต่อผู้ที่ได้พบเห็น” หลังจากนั้น หนังสือภาพ และบทกวี ของเธอ ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้วางจำหน่ายอีกต่อไป ด้วยเหตุผลว่าเป็นสิ่งพิมพ์ที่มีความลามกอนาจาร
ด้วยพฤติกรรมด้านคาถามนตร์ดำ พิธีกรรมทางเพศ และการบูชาซาตาน ทำให้เธอเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นออสเตรเลีย นิตยสาร หลายฉบับยกย่องให้เธอเป็น "แม่มดแห่งคิงส์ครอส" ถึงแม้ว่าจริงๆแล้วพิธีกรรมส่วนใหญ่ของแม่มดกลุ่มนี้ จะเป็นเพียงการสวมหน้ากากแล้วพบปะพูดคุยกันในเรื่องลึกลับ หรือมีพิธีกรรมต่างๆบ้างเป็นครั้งคราว หลังจากมีปัญหาด้านสุขภาพอย่างยาวนาน ในวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ.1979 เธอเสียชีวิตจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ในบ้านพักรับรองที่ซิดนีย์
3.พ่อมดและแม่มดร่วมสมัย: Alex Sanders (ค.ศ.1926-1988)
อเล็กซ์ แซนเดอ เป็นผู้ก่อตั้งนิกาย “อเล็กซ์ แซนเดอ” ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสหราชอาณาจักรและแคนาดา บรรดาสาวกขนานนามเขาว่าเป็น “ราชาแห่งพ่อมด” อเล็กซ์ เกิดในวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ.1926 ในไบรเกนเฮด ประทเศอังกฤษ ครอบครัวของเขามีลูกทั้งหมดหกคน เมื่ออายุได้เจ็ดขวบ คุณยายของเขา เวลส์ แมรรี่ บิบบี้ แม่มดผู้สืบเชื้อสายมาจากประมุขแห่งเวลส์โอเวน คุณยายให้เขาคัดลอกเวทมนตร์ในหนังสือแห่งเงาของเธอ เมื่ออายุเก้าขวบ ด้วยเทคนิคการปรุงยาและการพยากรณ์โดยใช้คริสทัล อเล็กซ์ แซนเดอ อ้างว่า ก่อนคุณยายเสียชีวิต ได้มอบบันทึกการทำพิธีกรรมของแม่มดที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ให้
อเล็กซ์ แซนเดอ เคยทำงานเป็นหมอดู ร่างทรง ผู้ทำการพยากรณ์เรื่องราวต่างๆจากคริสทัล โดยใช้ฉายาว่า “พอลดัลลัส” และอ้างว่าพี่น้องทั้งหมดของเขาเริ่มมีพลังจิต
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เขาเข้าร่วมกับแม่มดหลายกลุ่ม และกลายมาเป็นแพ่อมดชั้นสูง ด้วยเทคนิคดึงดูดความสนใจจากสื่อที่เก่งกาจ ทำให้ไม่นานนัก จำนวนผู้ติดตามของเขาก็ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนได้รับชื่อ “กษัตริย์แห่งแม่มด” หลังจากนั้น เขาอ้างว่าตัวเองสามารถสร้าง “ลูกบอลจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์” ได้สำเร็จ และสามารถทำการรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ด้วยเพียงแค่ทำการชี้ไปยังจุดที่ผิดปกติในร่างกายเท่านั้น
หลังจากแต่งงานกับ “แม็กซีน มอร์ริส” ในปี ค.ศ.1960 ผ่านพิธีกรรมการแต่งงานของแม่มด พวกเขาย้ายไปอยู่ห้องใต้ดินในลอนดอน ทำการเปิดชั้นเรียนสอนเวทมนตร์คาถา ภายหลังจากแยกทางกับภรรยา เขาได้ทำพิธีกรรมเพื่อชุบชีวิตชายคนหนึ่งจากความตาย อเล็กซ์ อ่านคำภาวนาแปลกหู จากภาษาโบราณ เพื่อชุบชีวิตผู้ชายคนนั้น แต่จากการตรวจสอบในภายหลัง พบว่ามันเป็นเพียงสูตรการทำ “แยมโรลแบบอ่านย้อนกลับ” เท่านั้น
อเล็กซ์ เสียชีวิต ในวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.1988 หลังจากที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็งปอด แต่ภายหลังการเสียชีวิต แม่มดบางคนก็ยังคงอ้างว่า ได้ทำการติดต่อกับ อเล็กซ์ แซนเดอ ในรูปแบบของจิตวิญญาณ ที่ยังคงต้องการส่งข้อความต่างๆ เพื่อช่วยกระตุ้นความสามัคคีภายในนิกายของเขา
4. พ่อมดและแม่มดร่วมสมัย: Doreen Valiente (ค.ศ.1922-1999)
โดเรน วาเลนที เป็นสมาชิก และนักบวชชั้นสูง ของนิกายแม่มดที่นำโดย เจอราลด์ การ์ดเนอร์ เธอเป็นหนึ่งในแม่มดของประเทศอังกฤษ ที่ได้รับการยอมรับ และมีอิทธิพลในการเคลื่อนไหวเวทมนตร์คาถาทันแบบสมัย จนบางครั้งเธอถูกเรียกว่า “มารดาแห่งแม่เวทมนตร์คาถาสมัยใหม่” เธอเป็นหนึ่งในคนที่ช่วยการเปลี่ยนเวทมนตร์ให้ทันสมัย ไม่ใช่เรื่องที่งมงายอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เธอเกลียดการโฆษณาประชาสัมพันธ์กับสื่อ เพราะเธอเชื่อว่าการใช้เวทมนตร์คาถาของกลุ่มแม่มด ควรถูกเก็บรักษาเป็นความลับ
โดเรน เกิดในลอนดอน เมื่อวันที่ 4 มกราคม ค.ศ.1922 ในครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์อย่างมาก เธอมีประสบการณ์ติดต่อกับจิตวิญญาณครั้งแรกในขณะที่จ้องมองไปยังดวงจันทร์ เมื่อมีอายุเพียงเจ็ดขวบ เมื่ออายุได้สิบสามปี เธอเริ่มทดลองความมหัศจรรย์อย่างเรียบง่าย เพื่อป้องกันไม่ให้เธอถลำลึกลงไปกับความสามารถที่มีอยู่ ครอบครัวได้ส่งเธอไปยังโรงเรียนคอนแวนต์ แต่เมื่ออายุสิบห้าปี เธอได้ลาออกจากโรงเรียน และปฎิเสธที่จะกลับไปอีกเมื่อเวลาผ่านไป เธอยิ่งตระหนักว่าตัวเองมีความสามารถทางจิตวิญญาณมากขึ้น เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เธอยิ่งอ่าน และศึกษาสิ่งลี้ลับอย่างจริงจัง
หลังจากผ่านการแต่งงานสองครั้ง ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เธอเข้าร่วมกับเจอราลด์ การ์ดเนอร์ เธอได้รับความนับถืออย่างรวดเร็ว ด้วยการเพิ่มความสำคัญในการเคารพบูชาเทพธิดา และการเคลื่อนไหวที่ไม่เกี่ยวข้องกับซาตาน นำไปสู่การเกิดความขัดแย้งกับการ์ดเนอร์ ในภายหลัง ใน ค.ศ.1972 เธออุทิศเวลาในการเขียนหนังสือสามเล่ม ได้แก่ “เอบีซีของคาถา” “เวทมนตร์ธรรมชาติ” และ “คาถาสำหรับวันพรุ่งนี้” การทุ่มเทเขียนหนังสือ นี่เอง ทำให้หอสมุดส่วนตัวของเธอขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในปี ค.ศ.1989 เธอตีพิมพ์อัตชีวประวัติของตัวเอง ในชื่อ “วิญญาณของแม่มด” ท้ายที่สุด หลังจากที่ โดเรน ต่อสู้กับอาการป่วยโรคมะเร็งอย่างยาวนาน ในที่สุด เธอก็เสียชีวิตลงในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ.1999
5.พ่อมดและแม่มดร่วมสมัย: Anton LaVey (ค.ศ.1930-1997)
แอนตัน ลาวี ชาวอเมริกัน เป็นผู้ก่อตั้ง และมหาปุโรหิต แห่ง “คริสตจักรซาตาน” สาวกของลัทธินี้เชื่อว่าซาตาน เป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพของปัจเจกชน นอกจากนี้ แอนตัน ยังเป็นผู้เขียน “พระคัมภีร์แห่งนรก” และหนังสือเกี่ยวกับความนิยมซาตานต่างๆอีกมากมายหลายเล่ม จนได้รับการขนานนามว่า “สมเด็จพระสันตะปาปามืด”
ประวัติส่วนตัวของ แอนตัน ไม่แน่ชัดนัด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเกิดเมื่อวันที่ 11 เมษายน ค.ศ.1930 ในชิตาโก รัฐอิลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา แอนตัน มีความสามารถทางดนตรี ซึ่งครอบครัวก็ให้การสนับสนุนเขา เมื่อเติบโตเป็นหนุ่มเขาหลงใหลในวรรณกรรมคลาสสิค หนังสยองขวัญและนิยายวิทยาศาสตร์ เขาได้ลาออกจากโรงเรียนมัธยม เพื่อที่จะเข้าร่วมในคณะละครสัตว์ หลังจากนั้น ได้ทำการเปลี่ยนงานไปอีกหลายที่ จนกระทั่งแต่งงานใน ค.ศ.1952
หลังจากที่ได้กลายเป็นคนดังของท้องถิ่น จากการถ่ายทอดสดการแสดงสุดอาถรรพ์ เขาเริ่มการบรรยายด้านไสยศาสตร์ในทุกคืนวันศุกร์ ในที่สุดเขาก็ถูกเป่าหูว่ามีความสามารถมากพอในการก่อตั้งศาสนาใหม่ ดังนั้น ในปี ค.ศ.1966 เขาจึงทำการโกนผมตัวเองทิ้ง และก่อตั้งลัทธิซาตานลาวี และคริสตจักรซาตานโดยไม่ได้ใช้อำนาจพิเศษมหัศจรรย์แต่อย่างใด แต่เขาใช้ปัญญาในการสังเคราะห์ความเชื่อเรื่องซาตานที่พื้นฐานความเข้าใจของมนุษย์ โดยมีวัตถุนิยม และปัจเจกนิยมเกื้อหนุน
ลัทธิซาตานซาตานลาวี มีพิธีกรรมต่างๆที่คล้ายกับของศาสนาคริสต์อาทิเช่น การทำศีลนรก งานศพนรก และพิธีแต่งงานนรก เป็นต้น แอนตัน เสียชีวิตในซานฟรานซิสโก ในวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ.1997 จากอาการบวมน้ำที่ปอด เขาผ่านพิธีทำศพนรกที่บัญญัติด้วยตัวเอง จากนั้นเถ้าถ่านจากการเผาศพ ได้ถูกแจกจ่ายให้กับทายาท ที่นำเถ้าถ่านเหล่านั้นไปใช้ ในพิธีกรรมแห่งนรกของตัวเองต่อไป
6. พ่อมดและแม่มดร่วมสมัย: Sybil Leek (ค.ศ.1922-1982)
ซีบิล ลีค แม่มดชาวอังกฤษ ที่ผู้คนทั่วไปเชื่อกันว่าเธอมีอำนาจลึกลับ และเป็นผู้เขียนหนังสือที่เกี่ยวข้องกับวิชาอันลึกลับกว่า 60 เล่ม เธอถูกขนานนามว่าเป็น “แม่มดที่มีชื่อเสียงที่สุดของอังกฤษ” โดยสำนักข่าวบีบีซี โดยมีภาพลักษณ์เสื้อคลุมตัวใหญ่หลวมๆ กับอีกาสัตว์เลี้ยง ที่มีชื่อว่า “Hotfoot Jackson” ที่มักเกาะอยู่บนไหล่ เธอมักสวมสร้อยคอคริสตัท ที่อ้างว่าได้รับมาจากคุณยายชาวรัสเซียที่มีสายเลือดอันศักดิ์สิทธิ์
ซีบิล เกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1922 ที่ นอมาคอท ในสแตฟฟอร์ดชาย เธออ้างว่าบรรพบุรุษของเธอมีความเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ โดยสามารถสืบประวัติย้อนกลับไปได้ไกลถึงศตวรรษที่ 16 และอาจไกลถึงศตวรรษที่ 12 ในประเทศไอร์แลนด์ นอกจากนี้ เธอยังเติบโตมาในพื้นที่ป่าของ แฮมชาย สถานที่ที่เต็มไปด้วยความเชื่อท้องถิ่นในในด้านเวทมนตร์และคาถา อีกทั้งครอบครัวยังช่วยส่งเสริมอีกด้วย ทำให้เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ สัตว์ต่างๆ ปรัชญาตะวันตก โหราศาสตร์ ศิลปะ คุณสมบัติของสมุนไพร การทำนายจากคุณยายชาวรัสเซีย และการศึกษาในนิกายออร์โธร์ดอกอีกเล็กน้อย
เธอแต่งงานเมื่ออายุได้ 16 กับนักเปียโน ผู้มีความโดดเด่น ทำให้เธอได้มีโอกาสท่องเที่ยวเดินทางไปทั่วประเทศอังกฤษ และทวีปยุโรป แต่น่าเศร้าที่ช่วงเวลาการแต่งงานที่หวานชื่นคงอยู่ได้เพียงสองปี เมื่อสามีของเธอเสียชีวิตลง เธอได้เดินทางกลับบ้าน แล้วถูกคุณยายส่งไปเรียนรู้เวทมนตร์กับแม่มดชาวฝรั่งเศสที่เป็นญาติห่างๆ ณ Gorge du Loup ซึ่งทำให้เธอได้กลายมาเป็นแม่มดชั้นสูงในเวลาต่อมา
เมื่อกลับสู่ประเทศอังกฤษ เธอได้ไปอาศัยอยู่กับกลุ่มยิปซีในป่า เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับป่า การใช้สมุนไพรและพิธีกรรมของแม่มด ฮอลซ่า ใน นิวฟอเรส ที่พวกเขาอ้างว่ามีอยู่มานานกว่า 700 ปี แล้ว ในช่วงเวลานี้ เธอได้กลายมาเป็นนักบวชระดับสูงของกลุ่มแม่มด "Nine Covens"
ถึงแม้เธอปฎิเสธว่าจะขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ แต่ในปี ค.ศ.1950 เธอตระหนักว่า จุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ของเธอนั้น คือการส่งเสริมงานฝีมือ และศาสนาที่มีความเก่าแก่ หลังจากนั้น เธอก็มีชื่อเสียงในฐานะของโหราจารย์ และแม่มด ที่ดึงดูดความสนใจต่อสื่อต่างๆได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เธอพยายามหลีกเลี่ยงนักข่าวอย่างสุดฤทธิ์ จนถึงขนาดมีการใช้ตัวล่อ เพราะกลัวว่าจะถูกติดตามโดยตากล้องในขณะที่ไปเข้าร่วมการประชุมลับของแม่มด
เธอตอบรับคำขอของสำนักพิมพ์อเมริกัน ในการเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับหนังสือเล่มใหม่ของเธอทางโทรทัศน์ และเธอได้ใช้โอกาสนี้ ในการแพร่กระจายความเชื่อ รวมไปถึงการฟื้นตัวของเวทมนต์คาถา เธอสะสมชื่อเสียงของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมีการบรรยายไปทั่วประเทศอังกฤษ อเมริกา และยุโรป อย่างไรก็ตาม เธอมีความเห็นที่แตกต่างในการทำพิธีกรรมของแม่มด เป็นเหตุให้เกิดการทะเลาะกับแม่มดคนอื่นๆบ่อยครั้ง เช่น เธอไม่เห็นด้วยกับการเปลือยกายในขณะพิธีกรรม และการใช้ยาเสพติด นอกจากนี้ เธอยังไม่เชื่อในการสาปแช่ง เธอจึงกลายมาเป็นต้นแบบของแม่มดที่ทันสมัยที่ใช้เหตุผลเป็นหลัก ซีบิล เสียชีวิตในบ้านพักของตัวเองในฟลอริด้า เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ.1982
7.พ่อมดและแม่มดร่วมสมัย: Zsuzsanna Budapest (ค.ศ.1940)
ซูสซานนา เป็นแม่มดชาวอเมริกันที่มีต้นกำเนิดในประเทศฮังกาลี เธอเป็นก่อตั้งนิกาย “Dianic Wicca” และได้เขียนหนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ ซูสซานนาเกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ.1940 ในบูดาเปสต์ ฮังการี ในครอบครัวขนาดกลาง โดยที่แม่ของเธอให้การสนับสนุนการฝึกหัดเป็นแม่มดอย่างเต็มที่
ซูสซานนา เติบโตขึ้นมาพร้อมกับการเคารพเห็นคุณค่าของธรรมชาติดั่งเทพธิดา โดยอ้างว่าแม่ของเธอนั้นถือกำเนิดจากสิ่งบริสุทธิ์ด้วยการทำพิธีกรรมที่มีมนต์ขลังของคุณยาย และครอบครัวมีสมุดจดของบรรพบุรุษ ที่สุดแสนจะเก่าแก่ ตั้งแต่ ค.ศ.1270 ที่บันทึกความรู้ด้านสมุนไพร และการเยียวยาตามธรรมชาติ
ในปี ค.ศ.1959 เธอย้ายไปอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และแต่งงานกับชายที่ชื่อ “ทอม” และให้กำเนิดบุตรชายสองคน ชีวิตการแต่งงานราบรื่นได้ไม่นาน ก็ต้องทำการหย่าขาดจากกัน เมื่อเธอรู้ว่าตัวเองนั้นเป็น “เลสเบี้ยน” หลังจากนั้นเธอได้กลายมาเป็นแม่มดอย่างเต็มตัว โดยพิธีกรรมของเธอนั้น เน้นไปในด้านการผสมผสานอย่างเท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงกับเลสเบี้ยน นอกจากนี้ พิธีกรรมของเธอ ยังมีการนำเด็กอ่อนที่ได้จากการทำแท้งมาเสนอให้กับเทพธิดา การกระทำดังกล่าว ถูกวิพากษ์วิจารย์กันว่า อาจจะเป็นการทำแท้งให้กับผู้หญิงอย่างแนบเนียน ในบางครั้ง เธอก็จะใช้เลือด หรือประจำเดือนของสัตว์มาประกอบพิธีกรรม รวมไปถึงการอ้อนวอนให้เทพธิดา ช่วยจับฆาตกรต่อเนื่อง หรือฆ่าข่มขืน โดยรวมแล้ว นิกายของเธอนั้น เน้นไปในด้านของสิทธิสตรี และการศึกษาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ
8.พ่อมดและแม่มดร่วมสมัย: Rasputin
รัสปูติน หรือชื่อจริงว่า กริกอรี เอฟิมอวิตซ์ วิลคิน (Grigori Efimovitch Wilkin) ในฐานะของลูกชาวนารัสเซียผู้ยากจน เขาเข้าเรียนเป็นนักบวชของศาสนาคริสต์ในวัยหนุ่ม แต่กลับฝักใฝ่ฝึกฝนสิ่งเลวร้ายจนได้รับฉายาว่า “รัชปูติน” หรือ “ทุรศีล” แต่เขากลับใช้ชื่อดังกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
รัชปูตินเป็นนักเวทมนต์ที่มีอำนาจสะกดจิตที่รุนแรงมาก ในขณะเดียวกันก็เป็นนักวางแผนจอมเจ้าเล่ห์อีกด้วย อำนาจของรัสปูติน เริ่มแสดงให้เห็นเมื่อสามารถรักษาโรค เลือดไหลจากบาดแผลไม่หยุดของเจ้าชาย อเล็กเซย์ (Alexei) แห่งรัสเซีย ที่บรรดาแพทย์ในยุคนั้น หมดปัญญาในการรักษา แท้จริงแล้วสิ่งที่ทำให้เจ้าชายมีอาการดีขึ้นนั้น เกิดขึ้นจากการสะกดจิต ดังนั้น รัสปูติน จึงได้รับรางวัลโดยการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลราชสำนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาได้ใช้อำนาจของตัวเองสะกดจิตพระเจ้าซาร์ นิโคลัส (Czar Nicholas) และพระราชินี อเล็กซานดรา (Alexandra) จนกระทั่งกลายเป็นครอบงำราชสำนักทั้งหมดอยู่เบื้องหลัง
เมื่อเสพสมอำนาจอย่างออกหน้าออกตา ผู้บัญชาการทหารได้วางแผนลอบสังหารรัชปูตินขึ้น เพราะเกรงว่าหากปล่อยเอาไว้จักรวรรดิรัสเซียจะถึงคราวล่มสลาย กลุ่มนักลอบสังหารได้จัดงานเลี้ยงรับรองรัชปูตินขึ้น โดยผสมสารหนู ที่มีปริมาณมากพอสำหรับฆ่า 12 คน ลงไปในแก้วไวน์ แต่รัสปูตินกลับไม่ตาย แถมยังชื่นชมรสชาติของไวน์อย่างออกรสชาติอีกด้วย กลุ่มนักลอบสังหารจึงได้ชักปืนออกมากระหน่ำยิงรัชปูตินจนสลบ เมื่อเห็นว่ารัสปูตินยังคงหนังเหนียวไม่ยอมตายง่ายๆ ร่างที่ไร้สติ ที่ถูกจับมัดมือมัดเท้า จึงถูกจับโยนลงไปในแม่น้ำ เนวา (Neva) ที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งในฤดูหนาว อย่างไรก็ตาม ในภายหลังจักรวรรดิรัสเซียก็ล่มสลายอยู่ดี เมื่อพระเจ้าซาร์ ถูกปฎิวัติโค่นล่มอำนาจลง