หญิงชราคลั่งสังหารแห่งขุนเขา : Yama Uba
ภูเขาในประเทศญี่ปุ่นเต็มไปด้วยความสวยงาม...
ธรรมชาติสดชื่น
เสียงนกร้องไพเราะที่ให้ความรู้สึกห่างไกลจากสังคมเมืองอันแสนวุ่นวาย
ถ้าหากใครกำลังคิดแบบนั้นอยู่บางทีอาจต้องคิดเสียใหม่ เพราะภาพฝันเหล่านั้นอาจต้องพลันสลายถ้าหากบังเอิญพบกับ
“Yama Uba”
Yama Uba คืออะไร!?
“Yama Uba” หรือ “ยามะโอบะ”
เป็นหนึ่งในปีศาจแห่งขุนเขา มักปรากฏตัวเป็นหญิงชราหน้าตาน่าเกลียด สีหน้าบึ้งตึง มีผมสีหมอก
สีขาวหรือสีทอง สวมชุดกิโมโนเก่าสกปรกขาดรุ่งริ่ง อย่างไรก็ตามในบางครั้ง Yama
Uba อาจดูเหมือนกับหญิงสูงอายุธรรมดาทั่วไป
เมื่อพบกับนักเดินทางหรือคนที่หลงทางบนภูเขา
Yama Uba จะเสนอที่พักพิงในกระท่อมเก่าๆ
แน่นอนว่านักเดินทางที่กำลังเหนื่อยล้า
แถมท้องฟ้าเองก็ใกล้มืดเต็มทีย่อมไม่ปฏิเสธน้ำใจอย่างแน่นอน
เมื่อล่อลวงเหยื่อกลับไปยังที่พักได้แล้ว Yama Uba จะหลอกล่อให้ตายใจทีท่าเป็นมิตร
จนกระทั่งเวลาล่วงไปถึงช่วงกลางดึก นักเดินทางนอนหลับสนิท Yama Uba พลันกลับคืนร่างเดิม กลายเป็นหญิงชราทเสื้อผ้าขาดวิ่น แสยะริมฝีปากอันน่าเกลียดน่ากลัวอีกแห่งที่ซ่อนอยู่ใต้เส้นผมบนหัว
หลังจากนั้นก็จะย่องไปลงมือสังหารเหยื่อที่กำลังหลับฝันดี
แล้วนำเลือดเนื้อไปทำเป็นอาหารมื้อดึก
เหยื่อของ
Yama Uba ส่วนใหญ่มักจะเป็นนักเดินทาง
พ่อค้า คนขับรถม้าและนักพัฒนาพื้นที่ที่ต้องเดินทางไปตามเส้นทางของภูเขาอันห่างไกล
มีหลายคนที่โชคดีหนีเอาชีวิตรอดมาจากการโจมตีของ Yama Uba มาได้และได้นำเรื่องราวของไปบอกเล่าต่อจนกลายเป็นตำนานสยองมาจนถึงปัจจุบัน
Yama Uba ปีศาจจอมเขมือบเด็ก
เหตุผลที่ทำให้ Yama Uba มักถูกเรียกว่าปีศาจกินเด็กมาจากตำนานพื้นบ้านเกี่ยวกับผู้หญิงท้องแก่ใกล้คลอดคนหนึ่งที่เดินทางผ่านภูเขาเพียงลำพัง ในขณะที่ใกล้พลบค่ำเธอได้พบหญิงชราใจดีที่เสนอที่พักให้ แต่ที่จริงแล้วหญิงชราคือ Yama Uba ที่หมายตาลูกในท้องปลอมตัวมาและก่อนที่รู้ตัวเธอก็ได้เข้าไปพักในบ้านสังหาร จากเรื่องเล่านี้เองที่ทำให้หลายคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า Yama Uba ชื่นชอบเนื้อเด็กมากเป็นพิเศษ และยังเชื่ออีกว่าคดีเด็กหายตัวไปใกล้กับภูเขาอย่างลึกลับเป็นฝีมือของปีศาจตนนี้ และยังเชื่อว่าบางครั้ง Yama Uba เลี้ยงดูเด็กๆที่ลักพาตัวไปอยู่พักหนึ่ง ราวกับต้องการขุนให้อ้วนก่อนที่จะลงมือกินอย่างเลือดเย็นในภายหลัง
นอกจากนี้
ในสมัยก่อนมีพ่อแม่ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากที่นำเรื่องราวของ Yama Uba มาเล่าเป็นนิทานก่อนนอนสำหรับเด็กดื้อที่ไม่ยอมเชื่อฟังโดยเฉพาะ
โดยมีประโยคสำคัญคือ “ซ่อนลูกๆ และภรรยาของคุณให้ดี ไม่เช่นนั้นจะถูก Yama
Uba ลักพาตัวไป”
วิธีหลีกเลี่ยงและปกป้องตัวเองจาก Yama Uba
การหลีกเลี่ยงและปกป้องตัวเองจาก
Yama Uba
สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากพบกับกระท่อมเก่าๆใกล้กับเส้นทางเดินป่าที่มีหญิงชราอาศัยอยู่เพียงลำพัง
สิ่งที่ต้องทำเพียงแค่เดินจากไปห้ามไปสอดรู้สอดเห็นอย่างเด็ดขาด เพราะ Yama
Uba จะเข้าจู่โจมเฉพาะเหยื่อที่เข้ามาพักในบ้านของตัวเองเท่านั้น
นอกจากนี้ สิ่งเดียวที่มีพลังเพียงพอที่จะทำให้ Yama Uba
อ่อนแอลงอย่างมากคือ “ดอกไม้ที่บรรจุวิญญาณของ Yama Uba” นั่นเอง...
Yama Uba กับวัฒนธรรมความเชื่อที่หลากหลายแตกต่าง
แม้ว่าเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับ
Yama Uba ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและความสยองขวัญ
แต่ในบางพื้นที่เช่น ในจังหวัดไอจิ ก็มีตำนานพื้นบ้านที่เล่ากันว่า Yama
Uba เป็นปีศาจที่มอบโชคลาภในกับมนุษย์และภายในบ้านของ Yama
Uba เองก็เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติมากมาย
นอกจากนี้หลายครอบครัวยังให้การเคารพนับถือ Yama Uba ในฐานะของเทพอารักษ์ที่ช่วยปกป้องบ้านให้พ้นจากภัยทั้งปวงอีกด้วย
บทสรุปส่งท้าย : Yama Uba ปีศาจ หรือเพียงผู้สูงอายุที่ถูกสังคมทอดทิ้ง!?
หากพูดถึง
Yama Uba
ในเชิงประวัติศาสตร์... หญิงชราคลั่งที่ปรากฏตัวขึ้นในภูเขาอาจเป็นเพียงเรื่องราวที่ถูกเติมแต่งสร้างขึ้นจากจินตนาการ
เมื่อนักเดินทางได้พบกับเหล่าผู้หญิงที่ก่ออาชญากรรม หลบหนีจากการตามล่า ถูกเนรเทศหรืออีกสารพัดเหตุผลที่จำเป็นต้องทำให้เข้าไปอาศัยอยู่ในภูเขาลึก
นอกจากนี้ ประเทศญี่ปุ่นในสมัยก่อนมีความยากลำบากในการใช้ชีวิต
ทำให้มีหลายครั้งที่บางครอบครัวจำเป็นที่จะต้องลดจำนวนปากท้องของคนในบ้านลงจากความอดอยาก
ทำให้ส่วนใหญ่ผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายก่อนคือ “ผู้สูงอายุ” บางครอบครัวนำพ่อแม่ที่ชรามากแล้วไปปล่อยทิ้งเอาไว้ในภูเขาลึกให้ตาย
แน่นอนว่าผู้สูงอายุบางคนอาจยินยอมเต็มใจเพื่อที่จะช่วยครอบครัวไม่ให้อดตายทั้งหมด
แต่สำหรับบางคนในอกอาจเต็มไปด้วยความคับแค้นและสิ้นหวังต่อมนุษย์ กลายเป็นหญิงชราโรคจิตที่คอยหาโอกาสฆ่าชิงทรัพย์
หรือกินมนุษย์ด้วยความอดอยาก หากมองด้วยเหตุผลดังกล่าวจะสามารถสนับสนุนเรื่องเล่าว่าทำไม
Yama Uba ถึงชอบล่อลวงเหยื่อไปฆ่าในขณะนอนหลับในบ้านของตัวเอง
เพราะเป็นช่วงเวลาที่เหยื่อไร้การต่อสู้ขัดขืน ทำให้หญิงชราใช้สองมืออันเหี่ยวย่นไร้เรี่ยวแรงปักมีดลงไปบนลำคอของเหยื่อให้ตายสนิทในครั้งเดียวได้นั่นเอง...