5 พ่อมดและแม่มด ที่ทำให้ทวีปแอฟริกาตกอยู่ในความหวาดกลัว
ทวีปแอฟริกา ประกอบด้วยชนเผ่ามากมายนับร้อยนับพัน ทำให้ความเชื่อและการใช้เวทมนตร์ที่มีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ละภูมิภาคอันกว้างใหญ่ แต่หลังจากที่ทำการศึกษาและทำการจัดกลุ่มพบว่าสามารถทำการแยกประเภทของพ่อมดและแม่มดออกได้เป็น 4 ประเภท ที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้
4 กลุ่มของพ่อมดและแม่มดในทวีปแอฟริกา
1.พ่อมดและแม่มดในทวีปแอฟริกา: Thakathi
Thakathi หรือ แม่มดดำ เป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่เต็มไปด้วยเจตนาอันเลวร้าย พ่อมดแม่มดกลุ่มนี้มักที่ใช้เวทมนตร์เพื่อจุดมุ่งหมายในการทำร้ายทำอันตรายต่อผู้อื่น สิ่งที่น่าสนใจคือเชื่อกันว่าผู้ใช้เวทมนตร์ประเภทนี้เกือบทั้งหมดจะเป็นเพศหญิง
2.พ่อมดและแม่มดในทวีปแอฟริกา: Sangoma
ภาพจาก : pinterest.com
Sangoma เป็นพ่อมดและแม่มดที่ทำหน้าที่เป็นหมอดูและหมอสมุนไพร ที่มักจะทำหน้าที่ในการตรวจสอบอาการเจ็บป่วย ทำนาย ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอนาคตหรือพิจารณาบุคคลที่ทำความผิดกฎหมายอาญาของเผ่า โดยผู้ใช้เวทมนตร์ประเภทนี้ เกือบทั้งหมดเป็นเพศหญิง
3.พ่อมดและแม่มดในทวีปแอฟริกา: Inyanga (Witch doctor)
ภาพจาก : aminoapps.com
Witch doctor เป็นพ่อมดและแม่มดที่ทำหน้าที่ในการช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยและบาดเจ็บโดยการใช้ยาสมุนไพรเป็นหลัก ผู้ใช้เวทมนตร์ประเภทนี้ เกือบทั้งหมดจะเป็นเพศชาย
ในอดีต “Witch Smellers” เกือบทั้งหมดมักที่จะเป็นผู้หญิง และยังเป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างมากของชนเผ่าซูลู โดยมีหน้าที่รับผิดชอบในการขจัดกำจัดแม่มดชั่วร้ายในพื้นที่ ในบางครั้งก็ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นองเลือดมากมายที่เกิดขึ้นจากการล่าแม่มดจากคำสั่งเหล่านั้น แม่มดเหล่านี้มักมีการแต่งกายอย่างฟุ่มเฟือยมากกว่าปกติด้วยหนังสัตว์ สวมมงกุฎขนนกและทาสีบนใบหน้า เส้นผม เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสีแดง อย่างไรก็ตามบทบาทของพวกเธอก็ค่อยๆถูกลดทอนความสำคัญให้น้อยลงไปตามวันเวลาทำให้พิธีกรรมของพวกเธอกลายมาเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในปัจจุบัน
4. พ่อมดและแม่มดในทวีปแอฟริกา: Voodoo
Voodoo หรือ วูดู เป็นลัทธิเกี่ยวกับไสยเวทย์ทางแถบหมู่เกาะอินดิสตะวันตก เดิมคำว่า “วูดู” เป็นคำที่เจ้าของทาสในไฮติใช้เรียกเหล่าหมอผี แต่ที่จริงแล้วลัทธิวูดูนับเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาโบราณในแอฟริกาฝั่งตะวันตกที่มีคนนับถือมากที่สุด โดยเฉพาะในประเทศไนเจียเรียไล่ไปจนถึงประเทศกาน่า Voodoo ได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวางตั้งแต่ดินแดนเมโสโปเตเมียร์ อียิปต์ และแอฟริกาตะวันออก ก่อนจะแพร่ความเชื่อไปยังประเทศอินเดีย เอเชียไมเนอร์ และเมดิเตอร์เรเนียน จนกระทั่งข้ามไปยังทวีปอเมริกา ผ่านทางทาสผิวดำที่ถูกหัวหน้าเผ่าขายให้เป็นทาสของคนผิวขาวและมีหมอผีวูดูเดินทางไปพร้อมกับทาสในฐานะที่พึ่งด้านจิตวิญญาณ
ลัทธิวูดู ให้ความนับถือในพระเจ้าเพียงองค์เดียว โดยมีพื้นฐานความเชื่อว่าพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นเป็นคู่ หญิง (ดวงจันทร์) ชาย (ดวงอาทิตย์) และยังเชื่ออีกว่าพระเจ้าปรากฏตัวในทุกหนทุกแห่งและในทุกเวลาหากใครได้รับความชื่นชมจากพระเจ้า คนผู้นั้นก็จะมีสุขภาพ จิตใจและจิตวิญญาณที่ดี เพราะพระเจ้าจะทำการพูดคุยกับพวกเขาผ่านทางจิตวิญญาณ ที่เรียกว่า “โล” (Loa) ที่มีนิสัยแตกต่างกัน โลบางตนชอบช่วยเหลือคุ้มครองมนุษย์ ส่วนอีกหลายตนอาจชื่อชอบการลงโทษ ทรมานมนุษย์ เหมือนกับบรรดาเหล่าภูตผีปีศาจทั่วไป ซึ่งโลเหล่านี้ถือกำเนิดขึ้นมาได้จากหลายสิ่ง ไม่ว่าเป็นจิตวิญญาณของธรรมชาติ บรรพบุรุษในเผ่าหรือแม้แต่นางฟ้าเทวดาของศาสนาคริสต์บางองค์ก็ได้มาเข้าร่วมด้วย นอกจากนี้จุดเด่นของลัทธิวูดคือระยะเวลาในการทำพิธีกรรมในแต่ละวันที่สั้นเป็นอย่างมาก
หมอผีในลัทธิวูดู ทำหน้าที่เป็นเสมือนคนกลางในการติดต่อกับโล เพื่อขอความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ส่วนการใช้เวทมนต์ของลัทธิวูดู สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทได้แก่ “เวทมนต์ดำ” ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการเหาะเหินเดินอากาศ การแปลงร่าง โดยความสามารถที่โดดเด่นมากที่สุดคือ การแปลงเป็น “ลูป การู” ( Loup Garou) หรือ “ยุงผี” ได้ตามต้องการจากนั้นบินไปดูดเอาชีวิตจากเด็กทารก โดยหมอผีที่มีความสามารถในการแปลงเป็นยุงผีได้ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ส่วนผู้หญิงอาจกลายร่างเองได้โดยไม่ตั้งใจ นอกจากนี้ หมอผีวูดู ยังสามารถปลุกเสกของขลัง สาปแช่ง และปลุกร่างไร้วิญญาณของคนตายให้ฟื้นคืนชีพกลับมาเป็นทาสไร้ความคิด ที่รู้จักกันดีในชื่อของ “ซอมบี้” หมอผีมนต์ดำที่มีความสามารถในการฟื้นคืนชีพคนตายมักจะถูกเรียกว่า “ฮาวน์แกน” (Houngans) หรือ “โซบ็อป” (Zobops) หมอผีร้ายๆบางคน ถึงขนาดทำการฆ่าศัตรูของตัวเอง แล้วทำการปลุกชีพขึ้นมาเป็นทาสรับใช้กันเลยทีเดียว ด้วยเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับความสามารถที่น่าสนใจของหมอผีวูดูเหล่านี้เอง จึงไม่น่าแปลกใจที่ชาวบ้านทั่วไปมักเกรงกลัวไม่กล้าที่จะขัดใจพ่อมดแม่มดนัก แถมยังเชื่อว่าคนที่ร่ำรวยจากการเกษตรจากการลงทุนอันน้อยนิด มักเป็นพ่อมดและแม่มดที่ใช้ซอมบี้เป็นแรงงานทาสในการทำไร่ยามกลางคืนนั่นเอง ส่วนพ่อมดและแม่มดวูดูที่ใช้เวทมนตร์ขาวจะเน้นไปที่การปกป้อง คุ้มครอง ให้พ้นจากสิ่งชั่วร้ายและอันตราย
อย่างไรก็ตาม แม้ซอมบี้จะเป็นทาสที่ซื่อสัตย์ แต่เชื่อกันว่าพวกมันปรากฏตัวได้ในเวลาเพียงกลางคืนเท่านั้นและยังเคลื่อนที่ได้ค่อนข้างช้า นอกจากนี้การปลดปล่อยซอมบี้จากการถูกพันธนาการให้เป็นทาสรับใช้ยังสามารถทำได้อย่างง่ายๆ ด้วยการให้มันสัมผัสกับเกลือหรือกระตุ้นความทรงจำให้ซอมบี้รำลึกได้ว่าตัวเองตายไปแล้ว เพียงเท่านี้พวกมันก็จะพยายามหาทางกลับไปหลุมศพของตัวเอง แล้วหมอผี ก็จะไม่มีทางปลุกชีพพวกมันขึ้นมาได้อีกอย่างถาวร ในกรณีที่เลวร้ายหมอผีที่เก่งกาจอาจทำการร่ายเวทมนตร์ใหม่ทับลงไปในตัวซอมบี้ เพื่อให้พวกมันหวงกลับคืนไปเล่นงานเจ้านายของตัวเอง…
5.พ่อมดและแม่มดในทวีปแอฟริกา: “Day sorcerers” และ “Night witches”
ภาพจาก : .pinterest
เผ่า Tswana เชื่อว่าผู้ใช้เวทมนตร์สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทคือ “Day sorcerers” และ “Night witches” เวทมนตร์ของพ่อมดและแม่มดทั้งสองประเภทนี้ค่อนข้างมีความแตกต่างกัน โดย Day sorcerers มักใช้เวทมนตร์ในการทำร้ายคนอื่นด้วยยาสมุนไพรหรือใช้ในการรักษาโรคภัย ส่วน Night witches ส่วนใหญ่จะเป็นหญิงชราที่มารวมกลุ่มกันหรือออกเดินทางเพื่อโปรยเสน่ห์และโชคร้ายไปทั่วดินแดน แม่มดเหล่านี้มักจะไม่สวมเสื้อผ้า แต่จะทำการละเลงร่างกายของตัวเองด้วยเถ้าถ่านสีขาวและเลือดของคนตาย
บทสรุปส่งท้าย : พ่อมด แม่มดและความเชื่อเกี่ยวกับต้นกำเนิดความตายในทวีปแอฟริกา
ทวีปแอฟริกาโดยเฉพาะภาคกลาง ชาวบ้านเชื่อว่าผู้ใช้เวทมนตร์เป็นอันตราย เป็นต้นเหตุของโรคร้ายความเจ็บที่แปลกประหลาด เช่น โรคเอดส์ โรคมะเร็ง เป็นต้น ทำให้คนที่สันโดษขาดการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมักถูกใส่ความตีตราว่าเป็นแม่ด ในขณะที่คนในสังคมยังมีหน้าที่ในการช่วยจับจับกุมผู้ต้องสงสัยว่าเป็นแม่มดไปเผาทั้งเป็นเพื่อขจัดอันตรายจากการใช้เวทมนต์อย่างน่าสยดสยอง ซึ่งจากประวัติศาสตร์ของประเทศกานาและประเทศคองโก มีเด็กกว่า 50,000 คน ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด จนนำไปสู่การขับไล่ออกจากชุมชนจนนำไปสู่ความอดตายและปัญหาสังคมอย่างยาวนานจากความเชื่อเกี่ยวกับพ่อมด แม่มด ที่อาจไม่มีอยู่จริง...