เบี้ยแก้ ปกป้องอาถรรพ์ คุ้มกันภัย ขจัดขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้วินาศสิ้น!
ประเทศไทยสมัยก่อนเต็มไปด้วยเรื่องราวของภูต ผี สิ่งลี้ลับและอาถรรพ์ ในสมัยนั้นความเชื่อเรื่องของอำนาจ “มนตร์ดำ” หรือ “คุณไสย์” เป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เพราะอำนาจที่มองไม่เห็นเหล่านี้เป็นสิ่งที่ชี้เป็นชี้ตายของผู้คนได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผู้คนที่หวาดกลัวได้สร้าง “มนตร์ขาว” ขึ้นมาต่อต้านด้วยสิ่งที่เรียกว่า “เครื่องราง ของขลัง” เพื่อใช้ในการป้องกันตัวเองจากอำนาจมืด และหนึ่งในเครื่องรางของขลังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากมากจนถึงปัจจุบันก็คือ “เบี้ยแก้” นั่นเอง...
เบี้ยแก้คืออะไร ป้องกันอาถรรพ์ได้อย่างไร!?
เบี้ยแก้ คือ เครื่องรางของขลังชนิดหนึ่งที่ถูกปลุกเสกสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันคุณไสย มนต์ดำและยาสั่ง เป็นต้น โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า “เบี้ยแก้บน” ซึ่งเป็นเงินที่ถูกนำมาใช้ในการบนบานศาลกล่าว จนเชื่อว่าเบี้ยแก้จะสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้ ในขณะเดียวกันก็มีอานุภาพในการแก้ความอาถรรพ์ที่จะให้โทษได้เป็นอย่างดี ทำให้มีผู้คนจำนวนมากที่นิยมพกพาเบี้ยแก้เอาไว้ เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเอง
อาถรรพ์และมนต์ดำอะไรบ้างที่เบี้ยแก้สามารถช่วยป้องกันได้!?
คนในสมัยก่อนเชื่อว่าเบี้ยแก้มีอำนาจพิเศษในการช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ครอบครอง ด้วยการช่วยป้องกัน และขับไล่สิ่งชั่วร้าย เสนียดจัญไร คุณไสย คุณคน คุณผี ยาสั่ง ยาเบื่อ ยาเมา ยาพิษและสัตว์ร้าย เป็นต้น
ส่วนประกอบในการปลุกเสกสร้างเบี้ยแก้
ก่อนที่จะทำการสร้างเบี้ยแก้ จำเป็นที่จะต้องหาส่วนประกอบที่สำคัญเพื่อนำไปสู่การสร้างเบี้ยแก้ที่สมบูรณ์ โดยมีรายละเอียดของส่วนประกอบ ดังต่อไปนี้
1.หอยเบี้ยแก้
หอยเบี้ยแก้ เป็นหอยประเภทหนึ่งที่มีลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
2.ปรอท (*น้ำหนักหนึ่งบาท)
คนสมัยก่อนเชื่อกันว่าปรอทเป็นโลหะที่มีชีวิต และมีอิทธิฤทธิ์เป็นของตัวเองเป็นรองเพียงแค่เหล็กไหลเท่านั้น ถึงแม้ว่าปรอทจะยังไม่ได้รับการปลุกเสกก็จะมีพลังความอาถรรพ์เป็นของตัวเองทำให้เหล่าภูตผีมีความเกรงกลัวเป็นอย่างมาก
3.ชันโรงใต้ดิน
เป็นชันโรงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติบริเวณใต้ดิน ชั้นโรงประเภทนี้จะมีความอาถรรพ์เป็นของตัวเอง แตกต่างจากชันโรงที่เกิดขึ้นบนดิน เชื่อกันว่าชันโรงใต้ดินมีพลังมหาอุด ป้องกันไฟและคุณไสยได้ตามธรรมชาติ นำไปสู่ความเชื่อที่ว่าหากบริเวณใดมีชันโรงใต้ดินอยู่ก็จะไม่ไหม้ไฟนั่น นอกจากนี้ชันโรงใต้ดินยังมีพลังที่เชื่อว่าจะช่วยปิดปากหอยเพื่อป้องกันไม่ให้ปรอทหนีจากตะกั่วอีกด้วย
4.ตะกั่ว
คนโบราณเชื่อว่าตะกั่ว มีอิทธิฤทธิในการช่วยให้ผู้ครอบครองอยู่ยงคงกระพัน ทำให้นิยมนำมาตีขึ้นรูปเป็นทรงเบี้ยแก้เพื่อทาบลงไปเนื้อหอยให้สนิทแน่นหนา พร้อมกับทำการจารึกอักขระลงไปเพื่อเป็นสื่อกลางในการชักนำพุทธบารมี ธรรมบารมีและสังฆบารมีให้ลงมาสู่ตัวเบี้ยแก้ เป็นการเพิ่มอำนาจความขลังให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
5.น้ำรักสีดำ
น้ำรักเชื่อว่ามีพลังในด้านความเมตตามหานิยม เมื่อนำมาย้อมหุ้มเบี้ยแก้ก็จะช่วยเพิ่มอำนาจทางเสน่ห์ให้กับผู้ครอบครอง
วิธีการสร้างและปลุกเสกเบี้ยแก้
การทำเบี้ยแก้นั้นจะทำโดยการนำ “หอยเบี้ยจั่น” หอยทะเลประเภทหนึ่งมาทำการบรรจุปรอทเอาไว้ภายใน อุดด้วยชันโรง หุ้มด้วยแผ่นตะกั่วหรือผ้า แล้วนำมาถักด้วยเชือกมารักหรือยางมะขวิด จากนั้นจะทำการปลุกเสกด้วยอาคมกำกับ หากหอยเบี้ยได้รับการปลุกเสกจนลานได้ก็จะถือว่ามีอำนาจเป็นอย่างมาก
การใช้เบี้ยแก้ในการป้องกันตัวจากอาถรรพ์และแก้คุณไสย
นิยมนำเบี้ยแก้ติดตัวเอาไว้เพื่อป้องกันอาถรรพ์ มนตร์ดำ โดยใช้การผูกเอวหรือห้อยคอ ถ้าหากใครคิดว่าตนเองต้องคุณไสยสิ่งอาถรรพ์ก็จะนำเบี้ยแก้มแช่ในน้ำมนต์เอาไว้เพื่อดื่มและอาบเพื่อคลายความอาถรรพ์ สิ่งชั่วร้ายให้กลับกลายมาเป็นดี
สมาธิกับการสัมผัสพลังของเบี้ยแก้
เชื่อกันว่าหากผู้ที่มีสมาธิมั่นนำหอยเบี้ยมาวางเอาไว้บริเวณกลางฝ่ามือ จากนั้นทำจิตให้เป็นสมาธิมากเป็นพิเศษจะพบว่าปรอทภายในเบี้ยแก้มีอาหารสั่นไหวตัวและมีเสียงครางเบาๆ นอกจากนี้หากทำสมาธิร่วมกับเบี้ยแก้ ก็จะได้รับพลังอำนาจไหลเข้าสู่ตัวช่วยในการรักษาดูดโรคภัยออกจากตัว
เบี้ยแก้ กับพลังอำนาจที่ไม่มีวันเสื่อม!
เครื่องรางของขลังโดยทั่วไป มักที่จะมีกฎและข้อห้ามมากมายที่หากไม่ทำตามก็จะทำให้ความศักดิ์สิทธิ์อาถรรพ์เสื่อมสลายลง แต่เบี้ยแก้มีความพิเศษที่ไม่เหมือนกับเครื่องรางทั่วไป กล่าวคือ เบี้ยแก้ไม่มีข้อห้ามใดเป็นพิเศษสำหรับผู้ครอบครอง ทำให้เบี้ยแก้ยังคงเต็มไปด้วยพลังความขลังอยู่ตลอดกาล ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เบี้ยแก้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากมาจนถึงปัจจุบัน
เบี้ยแก้ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ณ ปัจจุบันมีที่ใดกันบ้าง!?
สำหรับเบี้ยแก้ที่ได้รับความนิยมเนื่องจากความศักดิ์สิทธิ์ ได้แก่
- สายวัดกลางบางแก้ว เช่น หลวงปู่สุข หลวงปู่บุญ หลวงปู่ใบ หลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่เจือ เป็นต้น
- สายวัดนายโรง เช่น อาจารย์ทัด วัดคฤหบดี เป็นต้น
- สายอ่างทอง เช่น หลวงพ่อพักต์ วัดโบสถ์ และสายลูกศิษย์หลวงพ่อพักต์ เช่น หลวงพ่อหนุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อคำ วันโพธิ์ปล้ำและของวัดท่าช้าง เป็นต้น
คาถาในการบูชาเบี้ยแก้
*ตั้งนะโม 3 จบ
“นะมะพะทะ อะสังวิสุโลปุสะพุพะ
นะชาลิติ มะนุญณัง
จิตตังภะคินิเม จิตตังปุริโส
นุภาวะโต อุทธังอัทโธ
นะโมพุทธายะ จิตตัง มะ มะ”
เขย่าเบี้ยแก้แล้วมีเสียงดังข้างใน เป็นของปลอมหรือเปล่า!?
หลายคนที่ทำการบูชาเบี้ยแก้มาไว้ปกป้องคุ้มกันภัยอาจเคยลองนำเบี้ยแก้มาเขย่าแล้วพบว่ามีเสียงดัง “กลุก.. กลุก” อยู่ภายในจนทำให้เกิดความไม่สบายใจว่าเป็นของปลอมหรือหมดความศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือเปล่า!? แต่ที่จริงแล้วเสียงดังกล่าวเกิดขึ้นจากปรอทที่เกิดการหดตัวตามสภาพอากาศ และในบางวัด บางเกจิจะทำการบรรจุว่านและของอาถรรพ์ต่างๆเข้าไปแทนปรอททำให้เมื่อเขย่าแล้วจะไม่มีเสียงดังให้ได้ยินนั่นเอง อย่างไรก็ตามต้องพยายามอย่าให้เบี้ยแตกจนกระทั่งปรอทไหลออกมาภายในนอก เพราะจะทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ของเบี้ยแก้หายไปพร้อมกับปรอทที่ไหลออกมานั่นเอง
บทสรุปส่งท้าย : เบี้ยแก้กับสังคมไทยในปัจจุบัน
เบี้ยแก้ เป็นเครื่องรางที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากนับตั้งแต่อดีต แม้แต่ในปัจจุบันเองเบี้ยแก้ก็ยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในกลุ่มของผู้หญิง อันเนื่องมาจากพลังอาถรรพ์ที่เกี่ยวของกับความเมตตามหานิยมคนรักคนหลงคนเมตตานั่นเอง นอกจากนี้เบี้ยแก้ยังช่วยป้องกันการถูกทำเสน่ห์หรือยาสั่งได้อีกด้วย อีกทั้งยังบูชาดูแลได้อย่างง่ายดายจึงไม่น่าแปลกใจนักที่เบี้ยแก้จะยังคงกลายมาเป็นเครื่องรางของขลังที่ได้รับความนิยมบูชาอย่างไม่เสื่อมคลายแม้ว่าโลกจะหมุนผ่านสู่ยุคสมัยใหม่เนิ่นนานเพียงใดก็ตาม...
รูปภาพประกอบและรูปปกจา : palungjit.org >>> Link ภาพต้นฉบับ