ปราสาทผีสิงแห่งการทรมานชิลลิงแฮม (Chillingham Castle) ประเทศอังกฤษ
ปราสาทชิลลิงแฮม (Chillingham castle) เป็นสิ่งก่อสร้างในปี 1344 ที่มีความยิ่งใหญ่และได้รับการออกแบบอย่างน่าประทับใจเป็นอย่างมาก ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาสีเขียวอันแสนสวยงาม แต่ภาพลักษณ์ภายนอกนี้กลับหลอกล่อเบนความสนใจของผู้มาเยือนไปจากประวัติศาสตร์อันมืดมิดของมัน
ประวัติความเป็นมาของปราสาทผีสิงชิลลิงแฮม
ปราสาทชิลลิงแฮม ตั้งอยู่ใกล้กับพรมแดนของอังกฤษกับสกอตแลนด์ ทำให้ปราสาทนี้กลายมาเป็นป้อมปราการของการสู้รบของสองประเทศมาอย่างยาวนาน แต่สิ่งที่ทำให้ปราสาทชิลลิงแฮมมีชื่อเสียงด้านมืดมากที่สุดมาจากการที่ชายผู้มีชื่อกระฉ่อนในการทรมานอันแสนซาดิสม์ที่มีชื่อว่า “John Sage” ทำงานอยู่ ชั่วชีวิตของชายคนนี้ เขาทำการทรมานและสังหารผู้คนไปนับพันด้วยสารพัดวิธีอันเลวร้ายเท่าที่มนุษย์จะสามารถสร้างขึ้นมาได้ หลายคนเชื่อว่าหลังการเสียชีวิต จอมทรมานผู้นี้ก็ยังคงสิงสถิตอยู่ในปราสาทชิลลิงแฮม พร้อมกับสร้างความอันตรายให้กับผู้มาเยือน นอกจากนี้ หลายคนอ้างว่าเหยื่อแห่งการทรมานบางคนยังคงวนเวียนอยู่ในปราสาทชิลลิงแฮม พร้อมกับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดบ่อยครั้งสำหรับห้องทรมานของจอห์นที่จัดแสดงในปราสาทชิลลิงแฮม ณ ปัจจุบัน เป็นเพียงห้องที่ถูกจำลองขึ้นใหม่ ส่วนห้องดั้งเดิมที่เคยเต็มไปด้วยซากศพนั้นถูก “ปิดตาย” เอาไว้ใต้ห้องชงชา
วิญญาณที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของปราสาทชิลลิงแฮม ถูกเรียกว่า “Blue Boy” ที่มักปรากฏตัวในห้องนอนของปราสาทที่ชื่อว่า “Pink Room” ยามเมื่อวิญญาณดวงนี้ปรากฏตัวจะมาในรูปกายของ “ลูกกลมสีฟ้า” หรือ “เด็กผู้ชายที่เปล่งแสงสีฟ้า” ขึ้นในห้อง บางครั้งมีคนเคยได้ยินเสียงร้องของเด็กลอดเข้าในผนังห้อง เชื่อกันว่าเรื่องลี้ลับเหล่านี้ มาจากโครงกระดูกของเด็กหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าสีน้ำเงินซ่อนอยู่หลังกำแพงในห้องดังกล่าว จากการพิสูจน์ทำให้เชื่อว่าเขาถูกนำมา “ฝังทั้งเป็น” เนื่องจากกระดูกนิ้วและเล็บมีร่องรอยหักจากการพยายามหลบหนีจากกำแพงก่อนที่มันจะกลายมาเป็นสุสานชั่วนิรันดร์
Lady Mary Berkely เป็นอีกหนึ่งในดวงวิญญาณที่มาปรากฏตัวให้เห็นกันบ่อยครั้ง เชื่อกันว่าเป็นผลจากพลังงานลบแห่งความโศกเศร้า หลังจากที่สามีของเธอLord Grey Of Wark ได้ทิ้งเธอไป เพื่อไปสมรักกับน้องสาวของเธอเอง ส่วนใหญ่แล้ววิญญาณของสุภาพสตรีที่น่าสงสารนี้ มักที่จะปรากฏตัวในห้องพักส่วนตัวและมักที่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างชั้นบนของปราสาทเสมอ
เหตุการณ์หนึ่งที่เชื่อกันว่าทำให้ปราสาทชิลลิงแฮมมีจำนวนของภูตผีเป็นจำนวนมาก เกิดขึ้นในช่วงท้ายของสงครามระหว่างอังกฤษกับสกอตแลนด์ มีการประหารนักโทษส่วนเกินที่ลานกว้างของปราสาทด้วยการเผาทั้งเป็น ส่วนเด็กๆที่ต้องทนดูการตายของพ่อแม่ก็จะถูกต้อนเข้าไปในห้องนอนของ “King Edward” ก่อนที่จะถูกสังหารและหั่นเป็นชิ้น จนถึงทุกวันนี้ มีผู้คนมากมายที่อ้างว่าได้พบเห็นและได้ยินเสียงร้องของผู้คนที่ถูกเผาทั้งเป็น รวมไปถึงวิญญาณของเด็กๆ ในห้องนอนดังกล่าวอยู่เป็นประจำ แถมยังไม่เป็นมิตรกับคนที่กล้าเข้ามาในห้องนอนอีกด้วย
ทุกพื้นที่ของปราสาทผีสิงแห่งนี้เรียกได้ว่าปราศจากความปลอดภัย แม้แต่โบสถ์ของปราสาทเอง ก็ได้มีการค้นพบโครงกระดูกสองโครงอยู่ใต้พื้นดินของห้องนิรภัย เชื่อกันว่าเป็นของเด็กสาวที่พยายามหลบซ่อนตัวอยู่ แต่ก็ไม่มีใครทราบรายละเอียดว่าทั้งสองเป็นใครกันแน่!? อย่างไรก็ตาม วิญญาณของเด็กสาวทั้งสองยังคงจูงมือกันออกมาหลอกหลอนโบสถ์ ส่วนใหญ่แล้วพวกเธอมักซุกซนในการแกล้งหยอกเย้าหรือติดต่อกับผู้มาเยี่ยมชมที่เป็นผู้หญิง
ห้องครัวของปราสาทชิลลิงแฮม ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับ “ผีตู้กับข้าว” ที่มักปรากฏตัวในชุดสีขาว ร่างกายดูซีดเซียวคล้ายกับคนที่กำลังไม่สบาย คนที่เผชิญหน้ากับผีตนนี้คนแรก เป็นยามที่ขังตัวเองเอาไว้ในห้องครัวพร้อมกับเงินใช้จ่ายของปราสาทเพราะคิดว่ามันจะช่วยทำให้ปลอดภัย แต่ผลกลับได้ผลตรงกันข้าม เมื่อเขาได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ร้องขอน้ำดับกระหาย ในขณะที่เขากำลังหาน้ำให้ดื่ม ดูเหมือนจะพึ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเขาอยู่ในห้องครัวเพียงคนเดียว เมื่อหันกลับไปมอง ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นได้หายตัวไปอย่าวลึกลับ เชื่อกันว่าสิ่งที่ยามคนนั้นได้เห็น เป็นวิญญาณของผู้หญิงที่ถูกวางยาพิษและเสียชีวิตในปราสาท ที่ยังคงพยายามมองหาความช่วยเหลือมาจนตราบปัจจุบัน แต่ถ้าหากเรื่องราวนี้ยังขนลุกไปไม่พอ อยากบอกว่าข้างห้องเตรียมอาหาร มีการค้นพบ “ห้องขังใต้ดิน” ที่ถูกปิดตาย ที่ยังคงมีภาพวาดของนักโทษและโครงกระดูกของมนุษย์ในประตูกับดักที่อยู่ลึกลงไปด้านล่าง
รอบปราสาทชิลลิงแฮม ยังมีเรื่องราวสยองขวัญที่น่าสนใจ เกี่ยวกับ “ต้นไม้แขวนคอ” สามต้น ที่ในปัจจุบันยังเหลือยืนต้นอยู่เพียงต้นเดียวเท่านั้น เชื่อกันว่าในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ พวกมันถูกใช้เป็นลานประหารด้วยการแขวนคอ ศพจะถูกทิ้งไว้แบบนั้นจนกระทั่งเน่าเปื่อยและหลุดร่วงจากบ่วงประหารเองตามธรรมชาติ ทำให้ในปัจจุบันยังคงมีการค้นพบซากศพและกระดูกในบริเวณนี้อยู่เป็นประจำ แต่ที่น่าเศร้ากว่าคือ มีนักบวชบางคนที่พบเห็นการแขวนคอแล้วแอบมาช่วยเหลือนักโทษ เมื่อถูกจับได้นักบวชจึงถูกแขวนคอไปด้วย ณ ปัจจุบัน ยังคงมีคนอ้างว่าได้เห็นวิญญาณของนักบวชเดินเร่ร่อนไปมาในบริเวณนี้ รวมไปถึงเสียงฝีเท้าจากผืนป่าและปรากฏการณ์แสงสว่างอันน่าแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นอยู่ในป่าก็มีให้เห็นกันบ่อยครั้ง
ทางเดินเข้าไปในปราสาท ยังมีชื่อเสียงที่น่าสะพรึงกลัวไม่แพ้กัน ทางเดินที่ทอดยาวนี้ถูกเรียกว่า “Devil’s Walk” บริเวณนี้มีการแขวนคอนักโทษและปล่อยให้เน่า จนทำให้มีการค้นพบซากกระดูกมายและปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่มากกว่ากว่าจินตนาการของหลายคนเสียอีก!!!
การเดินทางทางมาเยี่ยมชมปราสาทชิลลิงแฮม
ปราสาทชิลลิงแฮม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมปราสาทชิลลิงแฮมโดยเสียค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย และสามารถพักค้างคืนในปราสาทด้วยราคาที่ไม่แพง นอกจากนี้ยังมีทัวร์อาถรรพ์ที่น่าสนใจให้บริการสำหรับคนที่มีใจรักอยากผจญภัยอีกด้วย...