พระจิตรคุปต์ เจ้าพ่อเจตคุปต์ ผู้เฝ้ามองกรรมของสรรพชีวิตทั่วโลกหล้า
ยมโลก... เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากที่ไปเยือนหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้วอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากยึดตามแนวคิดของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ผคนตายทุกคนจะต้องเดินทางไปรับคำพิพากษาจากพระยม โดยชั่งน้ำหนักระหว่างกรรมดีกับกรรมชั่วที่เคยทำในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่าผู้ที่ทำหน้าที่บันทึกกรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลในโลกเพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาดวงวิญญาณว่าจะได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกนั้น ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากบุคคลหนึ่งที่มีนามว่า “จิตรคุปต์” หรือ “เจตคุปต์”...
ความหมายของชื่อจิตรคุปต์ หรือเจ้าเจตคุปต์
“จิตรคุปต์” หรือเจตคุปต์ หากอิงตามหลักทักษาพยากรณ์ และเลขศาสตร์ของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ชื่อ จิตรคุปต์ มีความหมายถึง “ผู้มีความดีคุ้มครอง” ในขณะที่ความหมายจากพจนานุกรมแปล ทาย-ไทย ของ อ.เปลื้อง ณ นคร จิตรคุปต์ จะมีความหมายถึง “ผู้จดกรรมดีและกรรมชั่วของสรรพสัตว์”
การถือกำเนิดของพระจิตรคุปต์ เจ้าพ่อเจตคุปต์
พระยม หรือพญายม
พระเจตคุปต์ มีฐานะเป็นเทวดาองค์หนึ่งของศาสนาฮินดู ทำหน้าที่เป็นนายรักษาทะเบียนและที่ปรึกษาของพระยม (พญายม) เรื่องราวของพระเจตคุปต์ตามความเชื่อของศาสนาฮินดูได้เริ่มต้นขึ้น หลังจากที่พระพรหมทรงสร้างมนุษย์วรรณะทั้ง 4 อันได้แก่ พราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ และศูทร ขึ้นบนโลก หลังจากนั้นได้ทรงมีพระบัญชาให้พระยมหรือพระพญายมบาล ทำการรักษาทะเบียนการกระทำของทุกสรรพชีวิตทั้งในโลกเบื้องสูง (สวรรค์) และโลกเบื้องต่ำ (โลกมนุษย์) แม้พระยมจะยอมรับหน้าที่โดยดี แต่ก็ตัดพ้อว่าต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถรักษาทะเบียนกรรมของทุกชีวิตในโลกที่มีจำนวนมากมายมหาศาลได้
“ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ไฉนเลยข้าจะรักษาทะเบียนกรรมของสิ่งมีชีวิตซึ่งเกิดในกลักขโยนีทั้งแปดสิบสี่ ตลอดทั้งตรีโลกได้เล่า” พระยมตัดพ้อ
คำถามของพระยม ทำให้พรพรหมต้องทำสมาธิใคร่ครวญเป็นเวลานานกว่าหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปี ครั้นลืมพระเนตรขึ้นปรากฏบุรุษนายหนึ่งถือปากกา ขวดหมึกและสะพายดาบเอาไว้กับสะเอวอยู่เบื้องหน้า เมื่อเห็นเช่นนั้น พระพรหมจึงได้ทรงตรัสขึ้นว่า
“เจ้าเกิดขึ้นแต่กายข้า ฉะนั้นลูกหลานของเจ้าจงได้ชื่อว่า กายาสทาส ส่วนเจ้านั้นเกิดขึ้นในห้วงคำนึงของแห่งข้าและในความลับอันดำมืด เจ้าจงมีนามว่า จิตรคุปต์ เถิด”
หลังจากนั้น จิตรคุปต์ จึงได้รับมอบหมายหน้าที่จากพระพรหมให้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย เป็นนายทะเบียนของพระยมในการทำทะเบียนของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลในโลกนับตั้งแต่นั้นสืบมาจนถึงปัจจุบัน...
การทำหน้าที่ของพระจิตรคุปต์ เจ้าพ่อเจตคุปต์
พระจิตรคุปต์ เป็นหนึ่งในบริวารของพระยมที่ทำหน้าที่สำคัญในการรักษาบัญชีบาปของยมโลก โดยจะจดความดีของมนุษย์ใส่ในบัญชีทองคำ และนำกรรมชั่วของมนุษย์ใส่ไว้ในบัญชีหนังสุนัขของสุวรรณเลขา เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการพิจารณาของพระยม อย่างไรก็ตามในบางครั้งพระจิตรคุปต์ยังอาจแอบให้คำแนะนำกับวิญญาณของสาวกที่ให้ความเคารพนับถือตนเองก่อนที่จะถูกตัดสินว่าจะได้ไปนรกหรือสวรรค์ก่อน ดังเช่นตัวอย่างกรณีของสิงหวิกรม ดังเรื่องเล่าดังต่อไปนี้
สิงหวิกรม ถูกพระยมเขวี้ยงยมบาศคล้องปราณพาไปพิพากษาที่นรก ก่อนที่จะเริ่มทำการพิพากษา พระจิตรคุปต์ทรงเห็นและจดจำสาวกได้ จึงแอบกระซิบบอกว่าสิงหวิกรมเป็นผู้มีทั้งบุญและบาปก้ำกึ่งกัน หากพระยมถามว่าจะเลือกไปสวรรค์หรือนรกก่อนให้ตอบว่าไปสวรรค์ก่อน ครั้งไปถึงสวรรค์อย่าเสียเวลาเสวยกามสุขแม้เพียงนาทีเดียว ให้เร่งทำการบำเพ็ญตบะและภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าเพื่อเป็นการชำระบาปที่เคยทำมา ซึ่งจะเป็นทางรอดพ้นจากนรกชั่วนิรันดร์..
การบูชานับถือพระจิตรคุปต์ในศาสนาฮินดู
ในคัมภีร์ครุฑปุราณะบันทึกเอาไว้ว่าพระจิตรคุปต์ เป็นผู้ที่ประดิษฐ์อักษรขึ้นมาทำให้มนุษย์มีตัวอักษรใช้ โดยมีบทสรรเสริญจิตรคุปต์บันทึกเอาไว้ว่า “อภิวาทจิตรคุปต์ ผู้ประสาทอักษร” และในวันเกิดของจิตรคุปต์ ถูกเรียกว่าวัน “ยมทวิติยะ” ผู้ที่เลื่อมใสในจิตรคุปต์จะทำการจัดงานรื่นเริงต่างๆ โดยมีพิธีกรรมหลักที่เรียกกันว่า “จิตรคปตชยันตีบูชา”
พระเจตคุปต์ เจ้าพ่อแห่งเรือนจำ
กรมราชทัณฑ์ให้ความเคารพนับถือพระเจตคุปต์เป็นอย่างมาก เพราะเชื่อว่าพระเจตคุปต์ช่วยสร้างความขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ และยังเป็นสัญลักษณ์คอยย้ำเตือนว่าผู้ต้องขังให้ยำเกรงต่อการทำความผิด จึงได้มีการสร้างรูปปั้นของพระเจตคุปต์ในฐานะของเทพารักษ์รักษาเรือนจำ ซึ่งอาจเป็นเหมือนกับเป็นการเปรียบเปรยว่าที่จริงแล้วคุกก็คือ “นรกบนดิน” ที่คอยกักขังปีศาจร้ายไม่ให้ออกไปทำร้ายคนดี ในขณะเดียวกันยังเชื่อว่าพระเจตคุปต์ทำหน้าที่ในการช่วยป้องกันไม่ให้เหล่านักโทษที่ในสมัยก่อนที่ชำนาญเวทมนต์ คาถา และไสยศาสตร์ที่อาจนำมาใช้หลบหนีออกจากคุกอีกด้วย
เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี ให้การสักการะพระเจตคุปต์มากเป็นพิเศษ โดยมีการตั้งศาลบูชาพระเจตคุปต์เอาไว้บริเวณต้นโพธิ์ ลือกันว่าในสมัยก่อนผู้คุมจะพานักโทษประหารไปไหว้พระเจตคุปต์ก่อนนำตัวเข้าหลักประหารเหมือนกับการพาไปแนะนำตัวกับพระเจตคุปต์ก่อนที่จะส่งตัวไปให้กับพระยม อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2542 ได้มีข่าวลือที่น่าสนใจเกี่ยวกับนักโทษประหารหญิงรายหนึ่งที่มีคดีเกี่ยวพันกับยาเสพติดและอื่นๆมากถึง 13 คดี แต่ยืนยันว่าตนเองนั้นบริสุทธิ์ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปไหว้ศาลพระเจตคุปต์ นักโทษหญิงคนนั้นได้บอกกล่าวกับศาลว่าจะขอกลับมาหลอกหลอนคนที่ใส่ความให้ต้องติดคุกและถูกประหาร ซึ่งในปีเดียวกันนั้นเองที่เจ้าหน้าที่บางขวางหลายคนขอทำการย้ายไปอยู่เรือนจำอื่นอย่างเป็นปริศนามาจนถึงปัจจุบัน
พระเจตคุปต์ หนึ่งในห้าเทพารักษ์ผู้คุ้มครองเมืองกรุงเทพฯ
ภายในศาลหลักเมืองกรุงเทพยังมีการประดิษฐานรูปปั้นของเทพารักษ์ 5 องค์ ที่ทำหน้าที่ในการปกป้องเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข โดยพระเจตคุปต์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น มีลักษณะเป็นรูปเทพารักษ์จำหลักด้วยไม้ปิดทองทั้งองค์ สูง 133 ซม. ประทับยืนบนแท่น พระเศียรทรงมงกุฎยอดชัย สวมสนับเพลามีเชิง นุ่งภูษาด้วยห้อยหน้า ประดับด้วยสุวรรณกระถอบ คาดปั้นเหน่งทับรัดพัสตร์ ต้นพระพาหารัดด้วยพาหุรัด ใส่สังวาลตาบทิศ ทับทรวง สวมทองพระกร ทองพระบาท ฉลองพระบาท มีรูปนาครัดที่ข้อพระพาหาไพล่ไปเบื้องหลัง พระหัตถ์ทั้งสองยกเสมอพระอุระ พระหัตถ์ขวาถือเหล็กจาร พระหัตถ์ซ้ายถือใบลานอัครสันธานา สำหรับใช้จดความชั่วร้ายของชาวเมืองที่ตายไป...
คาถาบูชาเจ้าพ่อเจตคุปต์
การบูชาพระเจตคุปต์ สามารถทำได้ด้วยของเซ่นไหว้พื้นฐาน อาทิเช่น ดอกไม้ ธูป เทียน และพวงมาลัย โดยมีคำกล่าวเพื่อทำการทำการบูชาพระเจตคุปต์ ดังต่อไปนี้
“นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” (กล่าวสามจบ)
“อิมินา สักกาเรนะ ชะยะมังคะละเทวะนัง ปูเชมิ ภูมมัสมิง ทิสาภาเค สันติภุมมา มะหิทธิกา เตปิ อังเห อนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ” (จากนั้นขอพรตามความปรารถนา หรือสิ่งที่บนบาน แก้บนเอาไว้)
บทสรุปส่งท้าย : พระเจตคุปต์ผู้ไม่เคยละสายตาเฝ้ามองความดี ความชั่วของมนุษย์ตลอดกาล
พระเจตคุปต์... เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่น่าสนใจเชิงสัญลักษณ์ของการย้ำเตือนตนเองของมนุษย์ว่า “เมื่อมีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งทีจงกระทำแต่สิ่งที่ดีงาม” เพราะเมื่อไหร่ที่ทำความผิด ความชั่วร้าย แม้จะไม่มีใครเห็นแต่ก็ไม่มีทางที่หลุดรอดพ้นจากสายตาของพระเจตคุปต์ไปได้ และในที่สุดเมื่อถึงเวลาอันสมควรผลกรรมที่เคยทำเอาไว้เหล่านั้นก็ย้อนกลับมาหาตัวเองในท้ายที่สุดหรือที่เรียกกันว่า “กรรมตามทัน” นั่นเอง..