อีกา โชคลางและความตายในความเชื่อของวัฒนธรรมทั่วโลก

ทั่วโลกเชื่อกันมาอย่างช้านานว่า “อีกา” มีความสัมพันธ์กับ “ความตาย”
สาเหตุหลักที่ทำให้หลายวัฒนธรรมเชื่อในประเด็นนี้ คือ พวกมันเป็นนกกินซาก รวมไปถึงศพของคนตาย กลายเป็นการเชื่อมโยงเข้าหากับความตายอย่างใกล้ชิด บางวัฒนธรรมในอดีตยังเชื่อว่าอีกาเป็นส่งสารแห่งความตาย
ในยุคแรกของประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ศพไม่ได้รับการฝังเอาไว้อย่างเหมาะสมทำให้กลายเป็นเรื่องแสนธรรมดาที่จะเห็นภาพของอีกาแทะกินซากศพของมนุษย์
พวกมันฉลาดและเรียนรู้ที่จะติดตามมนุษย์ไปยังสถานที่ที่เต็มไปด้วยความตาย เช่น สนามรบ พวกมันตามทหารเข้าสู่สนามรบ เฝ้ารอคอยอย่างอดทนให้การสู้รบสิ้นสุดเพื่อที่จะได้กินรสชาติเนื้อแสนโอชะ ยุคกลางของยุโรปตะวันตก ในระหว่างการแพร่ระบาดของกาฬโรค มีศพมากมายถูกนำมากองทับถมกันสูงเป็นภูเขา อีกาก็ได้ลงมากินซากศพเหล่านั้น
เมื่อเกี่ยวพันกับความตายมากเข้า เหล่าอีกาจึงเริ่มได้รับชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีติดตัว อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกวัฒนธรรมที่มองอีกาในแง่ลบ
ชาวพื้นเมืองอเมริกันหลายเผ่ามองว่าอีกาเป็นสัญลักษณ์เชิงบวก อีกาทำหน้าที่เป็นผู้สื่อสารหรือทำหน้าที่ประสานงานระหว่างโลกใบนี้ กับโลกหลังความตายและยังช่วยทำให้ผู้ตายก้าวผ่านไปสู่โลกหลังความตาย
ในขณะเดียวกันชาวทิเบตเองก็มีความเชื่อที่คล้ายกัน ด้วยการนำชิ้นส่วนศพของคนตายวางเอาไว้ในวัดเพื่อให้อีกาจิกกินและนำพาบุคคลนั้นไปสู่โลกหน้า
ชาวเซลติกส์ในยุคแรกเริ่ม ก็มองว่าอีกาผู้ไกล่เกลี่ยระหว่างโลกมนุษย์และโลกวิญญาณ พวกเขาเชื่อว่าอีกาเป็นพยากรณ์ที่ส่งสารระหว่างพระเจ้ากับพวกเขา ซึ่งความเชื่อนี้อาจมาเกิดขึ้นเพราะอีกาสามารถฝึกพูดได้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทำให้อีกากลายมาเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณเหนือธรรมชาติ
อีกากับบทเรียนเรื่องความตายในหลากหลายวัฒนธรรมทั่วโลก

ชาวยิว มีเรื่องราวของอีกาที่สอนให้อดัมและเอวาฝังร่างลูกชายของตัวเอง ซึ่งเป็นศพแรกของมนุษย์ของโลก พวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำการฝังศพอย่างไร ทำให้อีกาลงมือฆ่าอีกาแล้วนำร่างมาฝังเอาไว้ต่อหน้าทั้งสองเพื่อเป็นการสาธิต
พุทธศาสนาในยุคแรก พระสงฆ์จะทำการนั่งสมาธิในสุสานและตั้งสมาธิกับศพที่กำลังย่อยสลายก่อนที่ศพจะถูกฝังอย่างเหมาะสม ต่อมาใช้การจินตนาการภาพขณะนั่งทำสมาธิ เมื่อถึงจุดหนึ่งในระหว่างนั่งสมาธิจะเกิดนิมิตว่าพระสงฆ์กำลังถูกอีกาจิกกินศพของตัวเอง เบื้องหลังของแนวคิดคือการระลึกถึงความตายที่รออยู่เบื้องหน้าเสมอ
ทางฝั่งตะวันตก นักบวชเบเนดิกตินที่ก่อตั้งโดยนักบุญเบเนดิกต์ อ้างว่าเมื่อครั้งหนึ่งมีอีกาช่วยเหลือชีวิตของเขาเอาไว้ โดยเตือนเกี่ยวกับขนมปังวางยาพิษ ทำให้พวกเขาทั้งใช้งานและกำจัดพวกมันเพื่อเป็นการเตือนตัวเองถึงการมีอยู่ของความตาย อันเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรธรรมชาติแห่งชีวิต เมื่อมองเห็นและเข้าใจความชั่วช้าของชีวิตก็เรียนรู้ที่จะชื่นชมชีวิตในทุกวัน
อีกากับอาถรรพ์ โชคลางและข่าวร้าย

ชาวกรีกเชื่อว่าอีกาเป็นลางร้าย การปรากฏตัวของพวกมันคือคำทำนายแห่งความตาย หรือการฆาตกรรม ส่วนชาวไอริชเชื่อว่าหากอีการ้องสามครั้ง มันเป็นการประกาศการตายของใครสักคนและถ้าหากอีกาบินเข้าไปในบ้านของใครแล้วออกไปไม่ได้ ถือว่าเป็นลางร้าย
นอกจากนี้ ความเชื่อดังกล่าวยังมีระดับความรุนแรงระบุตามลักษณะหรือพฤติกรรมของอีกา เช่น ถ้าหากมันบินเข้าไปในบ้านตอนเช้า เจ้าของบ้านจะเสียชีวิตด้วยรูปแบบที่ดีกว่าอีกาที่บินเข้าไปในตอนพลบค่ำ หรือถ้าหาอีกาเต็มไปด้วยโคลนหรือได้รับบาดเจ็บ เจ้าของบ้านจะเจ็บป่วยเป็นระยะเวลานาน
ความเชื่อผิด ๆ ที่ว่าอีกานำพาความตายส่งผลให้มีความเชื่อด้านไสยศาสตร์จากรุ่นสู่รุ่น โดยตำนานที่มักกล่าวถึงกันมากที่สุดคืออีกาในสุสาน เพราะมันตัวใหญ่ สีดำและน่ากลัว แต่ที่จริงแล้วมันเพียงแค่ชอบอาศัยในสุสาน เพราะมีสนามหญ้าที่ถูกตัดจนสามารถมองเห็นไส้เดือน หนอน ที่เป็นแหล่งอาหาร แหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ สุสานเงียบสงบไม่ค่อยมีการรบกวนจากมนุษย์ และการที่อีการวมตัวกันเป็นฝูง ก็เพื่อให้การช่วยเหลือกันจากอันตรายง่ายดายมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในการหลีกเลี่ยงเหล่าอีกาที่ย้ายเข้ามาอาศัย หาอาหารในเมืองกันมากขึ้น ทำให้ตำนานและความเชื่อโชคลางมากมายยังคงมีอยู่ให้เห็น แต่ที่จริงแล้วพวกมันก็ถือว่าเป็นสัตว์ที่ฉลาดอย่างมากตัวหนึ่งเลยทีเดียว
ความฉลาดของมัน สามารถดูได้จากความเข้าใจในความตายของตัวเอง ถ้าหาอีกาตัวหนึ่งตายลง พวกมันมักจะบินไปรอบ ๆ ร่างของอีกาที่ตายราวกับเป็นการจัดพิธีศพ หลังจากนั้นก็จะพากันร่อนลงมาเป็นวงกลมรอบร่างนั้น ยืนนิ่งเงียบสงบเป็นเวลา 3-30 นาที ราวกับกำลังไว้อาลัยอยู่...
เกาะสไปค์ (Spike Island) เกาะโดดเดี่ยวที่เต็มไปด้วยวิญญาณ ภูตผี เดินเพ่นพ่านสุดหลอน แห่งประเทศไอร์แลนด์

