โฆษณากระดาษทิชชู่ต้องคำสาป ประเทศญี่ปุ่น

โฆษณากระดาษทิชชู่ต้องคำสาป กับข่าวลือแห่งความตายของประเทศญี่ปุ่น

ในปี 1985 ในประเทศญี่ปุ่นได้มีการออกอากาศงานโฆษณาทิชชู่ Kleenex ที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างมาก พร้อมกับข่าวลือเกี่ยวกับคำสาปอันน่ากลัวที่แพร่กระจายไปทั่ว ข่าวลือดังกล่าวอ้างว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาชิ้นนี้และคนที่ได้ดูมันจะต้องประสบกับชะตากรรมอันเลวร้ายจากคำสาป?

คลิปของโฆษณาทิชชูต้องคำสาปแห่งประเทศญี่ปุ่น

โฆษณาดังกล่าวมีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดสีขาวนั่งอยู่ข้าง ๆ เด็ก “โอนิ” (ยักษ์ของญี่ปุ่น หรือยักษ์ปีศาจ) เธอหยิบเอากระดาษทิชชู่ออกมาจากกล่องแล้วปล่อยให้มันล่องลอยไปในอากาศในขณะที่โอนิจ้องมองอยู่ โดยมีเพลงประกอบ "It's a Fine Day" เวอร์ชั่นอะคาเพลลาต้นฉบับของเพลง "It's a Fine Day" ที่ร้องโดย Jane เล่นอยู่

คำสาปที่มาพร้อมกับโฆษณา

ทันทีที่โฆษณาดังกล่าวออกอากาศก็มีสถานีโทรทัศน์จำนวนมากทำการร้องเรียนว่ามันทำให้ผู้คนล้มป่วยและฝันร้าย บ้างก็ว่าเพลงที่เล่นระหว่างการโฆษณาคือคำสาป เพราะเนื้อเพลงเมื่อถูกแปลจะพบว่ามีความหมายว่า “ตาย! ตาย! ทุกคนต้องถูกสาปและต้องถูกฆ่าตาย” ในภาษาเยอรมัน

บางคนเชื่อว่าหากโฆษณาดังกล่าวถูกฉายหลังเที่ยงคืน ผู้หญิงในชุดขาวจะหันไปที่หน้าจอ ใบหน้าบิดเบี้ยว เสียงเพลงประกอบจะกลายเป็นเสียงแหบ ๆ ของหญิงชราในขณะที่งานโฆษณาจะหยุดนิ่งตลอดระยะเวลาที่โฆษณาเล่น!

เนื่องจากมีการร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมา กงานโฆษณาชิ้นนี้จึงได้ถูกถอดออกแล้วเปลี่ยนมาเป็นงานโฆษณาอีกชิ้นที่มีเด็กทารกในชุดเทวดากำลังเล่นอยู่กับกระดาษทิชชู่

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าผลของคำสาปจะเกิดขึ้นไปแล้ว มีข่าวลือแร่สะพัดว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานโฆษณาดังกล่าวทั้งหมดถูกสาปและเสียชีวิตอย่างน่าสลด ผู้กำกับเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์อันเลวร้าย ขณะที่ช่างภาพเสียชีวิตจากการถูกขังเอาไว้ในห้องซาวน่า

ยังมีข่าวลือว่านักแสดงสาว “เคโกะ มัตสึซากะ” (Keiko Matsuzaka) ผู้รับบทผู้หญิงชุดขาวในงานโฆษณาดังกล่าวได้ให้กำเนิดอสูรยักษ์ด้วยตัวเอง ซึ่งยังมีข่าวลือต่ออีกว่าอสูรดังกล่าวได้ฆ่าตัวตายหรือถูกนำไปรักษาตัวในโรงพยาบาลจิตเวช

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าข่าวลือหลายส่วนเกี่ยวกับงานโฆษณาชิ้นนี้จะยังคงเป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น เพราะเคโกะ มัตสึซากะยังคงมีชีวิตอยู่และสบายดีโดยทำงานอยู่ในรายการโทรทัศน์รวมไปถึงภาพยนตร์ต่าง ๆ อีกทั้งยังไม่มีหลักฐานใด ๆ ว่ามันต้องคำสาปจริง ๆ นอกจากถูกกระแสปลุกปั่นโดยยูทูปเบอร์ที่ทำการอัปโหลดโฆษณานี้ใหม่ในปี 2006 พร้อมกับพาดหัวข้อให้น่ากลัวเพื่อเป็นการดึงดูดผู้ชมเท่านั้น