[14] แมวผี – เหนือธรรมชาติ ในตำนานสยองขวัญทั่วโลก
“แมว” ถือว่าเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่อยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์มาอย่างยาวนาน ด้วยความน่ารัก ขี้เล่น คาเดาพฤติกรรมได้ยากทำให้หลาย ๆ ปวารณาตัวเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทาสของแมวกันด้วยความเต็มใจ
อย่างไรก็ตาม ในหลายแห่งทั่วโลกมีเรื่องเล่าและตำนานเกี่ยวกับแมวในฐานะของสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติมากมายถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์เช่นกัน ส่วนจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจอะไรกันบ้างนั้น มาลองติดตามอ่านจากบทความชิ้นนี้กันได้เลย
1.แมวผีในตำนาน : มาทากอท (Matagot) ประเทศฝรั่งเศส
“มาทากอท” (Matagot) เป็นแมวภูตที่มีความสามารถในการจำแลงกายได้ส่วนใหญ่มักจะมาให้เห็นในรูปแบบของแมวดำ
โดยพื้นฐานแล้วพวกมันไม่ได้ชั่วร้าย แต่กลับมีคุณประโยชน์อย่างมากสำหรับมนุษย์ ถ้าหากใครพบกับมาทากอทมาก็สามารถที่จะหลอกล่อให้มันเข้ามาหา ได้ด้วยการใช้ไก่สด ๆ เมื่อเข้ามาใกล้พอก็อุ้มมันกลับบ้านได้เลย แต่ก็มีกฎที่จะต้องทำตามอย่างเคร่งครัดคือ “ห้ามหันหลังกลับ” อย่างเด็ดขาด ให้เดินตรงกลับไปที่บ้าน หากทำสำเร็จมาทากอทจะยอมอาศัยอยู่ด้วย หากมันได้รับการเลี้ยงดู ดูแลอย่างเหมาะสม มันก็ตอบแทนด้วยเหรียญทองคำทุกเช้า
อย่างไรก็ตาม หากเจ้าของมาทากอทรู้ตัวว่ากำลังจะเสียชีวิตจะต้องทำการกำจัดมันก่อน เพราะถ้าหากมันยังคงอยู่ด้วยในขณะที่กำลังจะสิ้นลมความตายจะยาวนาน เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสชนิดที่ว่าห่างไกลจากความสงบเป็นอย่างมาก
2.แมวผีในตำนาน : โอเคสะ เนโกะ (Okesa neko) ประเทศญี่ปุ่น
“โอเคสะ เนโกะ” (Okesa neko) หรือ “โอเคสะ” เป็นแมวผีที่มีชื่อเสียงของเกาะซาโดะ (Sado Island) จังหวัดนีกาตะ ที่แปลงร่างเป็นมนุษย์แล้วขายตัวเองเป็นเกอิชาเพื่อตอบแทนน้ำใจของเจ้าของเก่า เชื่อกันว่าโอเคสะ เนโกะเป็นผู้เผยแพร่การแสดงดนตรีพื้นบ้านของญี่ปุ่นที่เป็นที่นิยมในหมู่กะลาสีเรือและชาวเกาะ กลายมาเป็นแนวดนตรีดังกล่าวไม่เคยมีใครเคยได้ยินมาก่อนในสมัยเอโดะ ก่อนที่มันจะได้รับความนิยมอย่างมากจนถึงขนาดได้มีการตั้งชื่อแนวดนตรีพื้นบ้านของประเทศญี่ปุ่นนี้ว่า “โอเคสะ บูชิ” ตามชื่อของมันกันเลยทีเดียว
3.แมวผีในตำนาน : เซคัวร์ (ccoa) ประเทศเปรู
“เซคัวร์” (ccoa) เป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติในตำนานของชาวเคชัว (Quechua) ที่อาศัยอยู่ในประเทศเปรู มันถูกพรรณนาเอาไว้ว่าคล้ายกับแมวบ้านแต่มีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก มีขนสีเทาลายทางสีดำ ตาเรืองแสงที่ดูเหมือนกับลูกเห็บที่ไหลออกมาจากตาและหู พวกมันมีพลังยิ่งใหญ่ในการควบคุมธรรมชาติและยังสามารถบินได้อีกด้วย บางครั้งพวกมันอาจปรากฏตัวออกมาในรูปกายของวัวกระทิงดวงตาสีแดงราวกับเลือด
ตามตำนาน ดูเหมือนว่าเซคัวร์จะเป็นสัตว์เลี้ยงของเทพแห่งภูเขา “เอพัต” (Apus) ผู้ที่ทำหน้าที่ในการปกป้องมนุษยชาติ ทำให้เหล่าเซคัวร์ไม่ได้ถือว่าเป็นอันตรายอย่างสิ้นเชิงต่อมนุษย์ ในขณะเดียวกันก็ได้รับความนับถืออย่างมากจากเหล่าพ่อมด เพราะเชื่อว่าเป็นผู้ที่มอบพลังแห่งสายฟ้าฟาดให้
4.แมวผีในตำนาน : ซานแทร์ (Santer) ประเทศสหรัฐอเมริกา
“ซานแทร์” (Santer) หรือ “แวมปู” (Wampu ) เป็นสัตว์ร้ายที่น่ากลัวจากนิทานของเหล่าคนตัดไม้ของประเทศสหรัฐอเมริกา เชื่อกันว่าพวกมันอาศัยอยู่ในป่าแถบพื้นที่ทางตะวันตกของรัฐนอร์ธแคโรไรนา มันมีลักษณะภายนอกเหมือนกับแมว เส้นขนสีแดงหัวล้านขนาดใหญ่ ตาเล็ก หางยาวและปลายหางดูคล้ายกับปมเชือกมที่บางครั้งถูกนำมาใช้เป็นอาวุธในการต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พวกมันไม่ค่อยเป็นอันตรายต่อมนุษย์ (ถึงจะมีรายการเกี่ยวกับการจู่โจมเด็กบ้าง) แต่ก็เป็นสัตว์กินเนื้อที่ออกล่าเหยื่อบ่อยครั้ง เชื่อกันว่าซานแทร์ทำรังอาศัยอยู่บริเวณหนองบึง บางครั้งมันก็จะเดินเตร่เข้าไปในหมู่บ้านของมนุษย์แล้วใช้หางที่เป็นปมฟาดปศุสัตว์เช่น วัวและหมู ให้ล้มลงด้วยการฟาดเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ เสียงร้องของมันยังน่ากลัวคล้ายกับเด็กทารกคร่ำครวญมากถึงขนาดที่ทำให้สุนัขที่จู่โจมใส่มันต้องหยุดชะงักด้วยความตกใจ! แถมพวกมันยังเคลื่อนที่ได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
5.แมวผีในตำนาน : บาเกเนโกะ (Bakeneko) ประเทศญี่ปุ่น
ชาวญี่ปุ่นสมัยก่อนเชื่อว่า “แมว” หนึ่งในสัตว์เลี้ยงยอดนิยม เมื่อมีอายุมากกว่า 13 ปี ขึ้นไป มีน้ำหนักมากกว่า 3.75 กก. ก็จะได้รับ “พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติ” และกลายร่างเป็นภูตผีที่เรียกกันว่า “บาเกเนโกะ” (Bakeneko) กลายเป็นแมวที่สามารถเดินสองเท้าได้เหมือนกับมนุษย์ ยิ่งบาเกเนโกะอายุเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ พลังอำนาจของพวกมันก็จะมากขึ้นตามไปด้วย รวมไปถึงขนาดตัวก็จะใหญ่เรื่อยๆ เมื่อบาเกเนโกะเติบโตเต็มที่ก็จะมีขนาดตัวที่เทียบเท่ากับมนุษย์
สำหรับสัญญาณที่บ่งบอกว่าแมวตัวนั้นกำลังจะกลายเป็นบาเกเนโกะ คือ หางที่ยาวมากขึ้นเป็นพิเศษ ยิ่งมันฉลาดมากเท่าไหร่ หางก็จะยิ่งยาวขึ้นมากขึ้น ความเชื่อนี้เองที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นสมัยก่อนนิยมตัดหางแมวทิ้งตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันกลายมาเป็นแมวผี
พลังลี้ลับที่น่าสนใจที่สุดของบาเกเนโกะ คือ “การแปลงร่าง” พวกมันสามารถเปลี่ยนรูปร่างของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม บางครั้งปลอมตัวเป็นหนู หรือมนุษย์ตัวเล็ก ที่สังเกตว่ามักจะมีผ้าขนหนูพันอยู่เหนือศีรษะตลอดเวลา เชื่อว่าเป็นเพราะพวกมันพยายามซ่อนหูแมวของตัวเองเอาไว้ ถ้าหากมันแปลงเป็นมนุษย์ ก็มักจะที่ปรากฏตัวพร้อมกับเต้นรำอยู่ในที่พำนักของตัวเองด้วยความสนุกสนาน
6.แมวผีในตำนาน : จะกละ ประเทศไทย
ผีจะกละถูกนับว่าเป็น “ผีป่า” ประเภทหนึ่ง ในทางภาคใต้เรียกผีจะกละว่า “ผีล้วง” มักปรากฏตัวให้เห็นในรูปลักษณ์คล้ายแมวป่า มีขนสีดำสนิท ไม่กระด้างขึ้นเงา เส้นขนจะทวนไปด้านหน้าฟู่ฟ่อง ดวงตาเป็นสีแดง หางยาว หากไม่ได้สังเกตดี ๆ จะคิดว่าเป็นแมวบ้านธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป ผีจะกละมักออกหากินในเวลากลางคืน
โดยทั่วไปผีจะกละมักจะกลัวคน เมื่อเห็นคนหรือถูกคนเห็นมักจะวิ่งหนีลงไปซ่อนตัวในรูที่มันขุดเอาไว้ เชื่อกันว่าผีจะกละ เป็นสัตว์เลี้ยงของหมอผีที่ถูกบริกรรมเสกอาคมเอาไว้เพื่อทำหน้าที่ปราบศัตรู ความน่ากลัวของผีจะกละคือ ความสามารถในการ “สั่งตาย” เมื่อมนุษย์เห็นหรือสัมผัสอาจถึงแก่ความตายในทันที นอกจากนี้ยังสามารถล่องหน หายตัวเพื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆเพื่อทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายทั้งการสืบข่าว หรือ “กำจัดคู่อริ” ด้วยการทำให้เหมือนหัวใจวายตาย ทำให้บ้านไหนมีคนหัวใจวายตาย โดยที่ไม่ได้เลี้ยงแมวแต่พบขนแมวจำนวนมาก คนในสมัยก่อนก็มักจะคิดว่าเป็นฝีมือของผีจะกละ
7. แมวผีในตำนาน : แมวเป้า ประเทศไทย
แมวเป้า เป็นแมวผีในตำนานของชาวอีสาน คำว่า “เป้า” มีความหมายถึง คน หรือสัตว์ที่ปกติกิน หรือของสุกเป็นอาหาร แต่มีเหตุบางประการที่ทำให้เปลี่ยนไปชอบกินของดิบๆ โดยเฉพาะเหยื่อที่มีชีวิตแบบที่จับได้แล้วกินกันสดๆ โดยไม่ผ่านกระบวนการปรุงอาหาร ถ้าหากเป็นคนจะเรียกว่า “ผีเป้า” ที่เกิดจากการใช้ว่านคุณไสย์ประเภทหนึ่งที่มีชื่อว่า “ว่านเป้า” หรือ “ว่านเลือด” ที่มีลักษณะเป็นสีแดง มีกลิ่นคาวเหมือนเลือด หลายคนที่ไม่สามารถรักษาข้อกำหนดในวิชาอาคมของตัวเองได้ หรือที่ชาวอีสานเรียกว่า “ผิดข้อคะลำ” มักถูกอาคมเข้าตัวกระทั่งกลายร่างเป็นผีเป้าเที่ยวออกหาของดิบ ของสดกิน โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านอย่างไก่ เป็ด หรือปลาที่มีคนไปดักเอาไว้ตามไร่นา เป็นต้น เชื่อว่าหลายครั้งที่ไก่ตายยกคอกอย่างสยดสยองที่จริงไม่ใช่ผีมือของผีปอบ หากแต่เป็นการกระทำของผีเป้าในร่างแมว
8.แมวผีในตำนาน : แมวปีศาจ (Demon Cat) ประเทศสหรัฐอเมริกา
Demon Cat หรือที่นิยมเรียกกันอย่างย่อๆว่า “DC” เป็นชื่อที่เจ้าหน้าที่ในอาคารรัฐสภากรุงวอชิงตันดีซี แห่งสหรัฐอเมริกา (US Capitol Building) มอบให้กับแมวผีที่เพ่นพ่านอยู่ในอาคารแห่งนี้มาอย่างยาวนาน
เรื่องราวของแมวผีตัวนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน เมื่อแมวจำนวนหนึ่งได้ถูกพามายังอุโมงค์ใต้ดินของอาคารแห่งนี้เพื่อทำหน้าที่ในการตามล่าหนู เมื่อเวลาผ่านไปแมวหลายตัวก็ล้มตายจากอุบัติเหตุบ้าง อาการเจ็บป่วยหรือชราบ้าง แต่มีแมวอยู่ตัวหนึ่งที่ไม่ยอมจากไปแม้ว่ามันจะตายไปแล้วก็ตาม มันยังคงปรากฏตัวในบริเวณอุโมงค์ชั้นใต้ดินของอาคารรัฐสภาที่เดิมทีถูกตั้งใจว่าจะใช้เป็นสถานที่เก็บศพของประธานาธิบดี จอร์จวอชิงตัน จนกลายมาเป็นหนึ่งในแมวผีที่มีชื่อเสียง
9.แมวผีในตำนาน : คาชา (Kasha) ประเทศญี่ปุ่น
คาชา (Kasha) เป็นภูตผีประเภทแมวยักษ์ พวกมันมีขนาดใหญ่เท่ากับหรือมากกว่ามนุษย์ เดินสองเท้า มักปรากฏตัวโดยมีเปลวเพลิงนรกหรือสายฟ้าห่อหุ้มร่างกายอยู่ ส่วนใหญ่แล้วมันจะโผล่มาให้เห็นในตอนกลางคืนที่มีฝนตกหรือพายุโหมกระหน่ำ บางครั้งเชื่อกันว่า คาชาทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารและข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ของนรก ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้รวบศพของมนุษย์ที่ชั่วร้าย การทำเช่นนั้นจะทำให้วิญญาณของคนบาปถูกส่งตรงไปยังนรกเพื่อรับโทษทัณฑ์
อย่างไรก็ตามในบางครั้ง คาชาก็ขโมยศพเพื่อนำมาใช้หลอกหลอนผู้คนให้ตกใจกับศพที่เคลื่อนไหวได้เอง หรือกินเป็นอาหารอันแสนโอชะแทน
10.แมวผีในตำนาน : มาเนกิเนโกะ (Maneki neko) ประเทศญี่ปุ่น
ในความเชื่อของชาวญี่ปุ่น “แมว” เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหนือธรรมชาติมาอย่างเนิ่นนาน ทั้งเรื่องของดวงไฟประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้ คำสาปแช่ง เป็นต้น ในขณะเดียวก็มีประเพณีพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานที่มองว่าแมวเป็นสัตว์ที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเกษตรกรรมและการเลี้ยงสัตว์ เพราะแมวจะจับหนูและสัตว์ที่ทำลายพืชผลเช่น หนอนไหม กินเป็นอาหาร ทำให้พวกมันได้รับความเคารพ เป็นสัตว์นำโชคลาภ รูปปั้นมาเนกิเนโกะ เริ่มได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่นมากขึ้นในช่วงปลายยุคเอโดะ
เชื่อกันว่าแมวที่ยกอุ้งเท้าขวาจะนำโชคลาภด้านเศรษฐกิจมาให้ ในขณะที่แมวที่ยกอุ้งมือซ้ายจะเรียกลูกค้าให้ นอกจากนี้ สีของแมวเองก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะสมัยก่อนแมวดำ ได้รับการขนานนามว่าเป็นแมวที่ดี เนื่องจากความสามารถในการมองเห็นในที่มืด ทำให้มาเนกิเนโกะสีดำ ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องรางของขลังเพื่อต่อต้านวิญญาณชั่วร้าย มาเนกิเนโกะสีแดงสามารถช่วยขับไล่ไข้ทรพิษและโรคหัด และเชื่อว่าสามารถเป็นเครื่องรางของขลังเพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้เป็นอย่างดี
11.แมวผีในตำนาน : เนโกะมาตะ (Nekomata) ประเทศญี่ปุ่น
เนโกะมาตะ (Nekomata) เป็นภูตแมวที่ทรงพลังมากที่สุดในหมู่แมว อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าแมวทุกตัวจะสามารถกลายมาเป็นเนโกะมาตะได้ แต่ต้องบรรลุเงื่อนไขในเรื่องของอายุที่ยืนยาวมาก มีหางยาวและความเฉลียวฉลาดมากที่สุด เมื่อมันกลายร่างเป็นภูตผีหากของมันก็จะแยกออกจากกันกลายเป็นแมวที่มีสองหาง หลังจากนั้นมาก็จะเปลี่ยนมาเดินสองขาและพูดภาษามนุษย์ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เนโกะมาตะที่ทรงพลังและอันตรายที่สุดมักจะออกจากเมืองไปอาศัยอยู่ในภูเขา โดยมักแปลงร่างเป็นเสือดาวหรือสิงในขณะที่เดินทอดน่องอยู่ในป่า ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ พวกมันก็จะยิ่งเติบโตมากขึ้นจนมีขนาดหลายเมตร แถมพวกมันยังแข็งแกร่งมากพอที่จะล่าหมูป่า สุนัขจิ้งจอก หมีและมนุษย์กินเป็นอาหารได้อย่างง่ายดาย
12.แมวผีในตำนาน : เคท-ชิธ (Cait-Shith) ประเทศสกอตแลนด์
“เคท-ชิธ” (Cait-Shith) เป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติในเทพนิยายของประเทศสกอตแลนด์และไอริช เชื่อว่ามันเป็นภูตประเภทหนึ่งที่ลักษณะภายนอกดูคล้ายกับแมวดำ มีขนสีขาวที่บริเวณหน้าอก มักเดินตัวตรงด้วยสองขาหลังเหมือนกับมนุษย์
เชื่อกันว่าเคท-ชิธเป็นภูตที่ชั่วร้ายจากความสามารถในการขโมยวิญญาณของมนุษย์ ถ้าหากมีคนในครอบครัวเสียชีวิตพวกเขาก็จะระมัดระวังอย่างมากไม่ให้แมวดำที่เชื่อว่าเป็นเคท-ชิธเดินข้ามศพก่อนที่จะถูกนำไปฝังอย่างเหมาะสมเด็ดขาด เพราะเชื่อว่าการที่เคท-ชิธเดินข้ามศพจะขโมยวิญญาณของคนที่พวกเขารักไปก่อนที่พระผู้เป็นเจ้าจะมารับไป
13. แมวผีในตำนาน : เหมากุ้ย (Mao Gui) ประเทศจีน
“เหมากุ้ย” (Mao Gui) เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณของแมวชราที่เสียชีวิต แมวเหล่านี้ถูกเลี้ยงดูมาเพื่อคร่าชีวิตและทำลายชะตาของเป้าหมายโดยเฉพาะผ่านพิธีกรรมที่เรียกว่า “Gu DU” (คล้ายกับเวทมนตร์ประเภทวูดู) ที่ได้รับความนิยมอย่างมาในช่วง 600-700 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยเฉพาะสมัยราชวงศ์สุ่ยที่มีการสังเวยชีวิตแมวเป็นจำนวนมาก
เมื่อมันเลือกเหยื่อได้แล้ว วิญญาณของเหมากุ้ยก็จะเดินทางไปเยือนเหยื่อพร้อมด้วยรูปลักษณ์ที่หากมองจากระยะไกลก็จะดูเหมือนกับแมวธรรมดาทั่วไป เมื่อมันไปถึงก็จะมอบความรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกเข็มแทงให้กับเหยื่อ หลังจากนั้นมันก็จะกัดกินอวัยวะภายในของเหยื่อและจากความแค้นของพวกมันทำให้พวกมันมีแนวโน้มที่จะทำการล้างแค้นผู้ทำพิธีได้เช่นกัน แถมพวกมันยังโกรธแค้นมนุษยชาติทั้งมวลที่ทำการล่วงละเมิดต่อแมวอีกด้วย
14.แมวผีในตำนาน : ยูลแคท (Yule Cat) ประเทศไอซ์แลนด์
“ยูลแคท” (Yule Cat) เป็นแมวในตำนานของประเทศไอซ์แลนด์ที่จะปรากฏตัวในช่วงเทศกาลคริสต์มาส มันเป็นแมวดำขนาดยักษ์ บางตำนานว่ามันตัวใหญ่กว่ามนุษย์หรือบางครั้งก็ใหญ่กว่าบ้านเสียอีก มีดวงตาเรืองแสงในความมืด
ยูลแคทท่องไปในโลกของมนุษย์เพื่อกินคนในที่ไม่ได้รับเสื้อผ้าใหม่เป็นของขวัญคริสต์มาส (เด็กที่ทำตัวดีเท่านั้นที่จะได้รับเสื้อผ้าใหม่เป็นรางวัล) โดยซ่อนตัวอยู่ในหิมะตามชนบทหรือเดินไปตามเมืองต่าง ๆ หลังวันคริสต์มาสอีฟ โดยมองเข้าไปในหน้าต่างเพื่อดูว่าเด็ก ๆ ได้รับเสื้อผ้าใหม่หรือเปล่า!? เมื่อพบเหยื่อที่เข้าตา มันก็จะคอยหาจังหวะเล่นงานเหยื่อที่ตรงกับเงื่อนไขอย่างไม่รู้ตัว ด้วยกรงเล็บอันทรงพลังและฟันอันแหลมคมมันสามารถสับร่างของผู้ใหญ่ให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากเหยื่อเป็นเด็กก็จะทำการกลืนกินทั้งตัวในคำเดียว
ส่งท้ายก่อนจาก : ตำนานเหมียว ๆ เหนือธรรมชาติมีมากมาย ระวังขัดใจเจ้านายแล้วเหล่าทาสอาจเรีกยญาติจากต่างโลกมาเยือน!
ดูเหมือนว่าพลพรรคของเหล่าเหมียว ๆ จะมีตำนานที่น่าสนใจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความเชื่อและวัฒนธรรม แต่ทุกเรื่องราวเหนือธรรมชาติเองก็แสนจะดูน่ายำเกรง ดังนั้น ถ้าหากใครกำลังมันมือแกล้งเจ้าเหมียวที่บ้านอย่างมันมืออยู่ก็ระวังญาติ ๆ เหนือธรรมชาติของเหล่าแมวอาจจะแวะมาเยี่ยมเยือนบ้านอย่างไม่ทันรู้ตัว...
Blue Bell Inn โรงเตี๊ยมผีดุ แห่งประเทศออสเตรเลีย สถานที่สำคัญของเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ความหลอน ที่ยังคงเปิดให้เข้าพัก