ตายโหง สิงสถิตสุดเฮี้ยน ณ ถิ่นอาสัญ
“ผีตายโหง” เป็นคำที่คนทั่วไปใช้เรียกประเภทของวิญญาณที่เสียชีวิตแบบปุบปับ โดยการเสียชีวิตของผีตายโหงจะเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ อาทิเช่น ถูกฆาตกรรม เกิดอุบัติเหตุ หรือฆ่าตัวตายโดยเชื่อว่าจะช่วยให้พ้นความทุกข์ทรมานในชาตินี้ เป็นต้น ซึ่งผีตายทั้งกลมเอง ก็ถูกจัดอยู่ในกลุ่มของผีตายโหงเช่นกัน
กล่าวกันตามเนื้อผ้าผีตายโหงจัดอยู่ในกลุ่มของวิญญาณร้าย หรือ “ผีจิตตก” เนื่องจากจิตในวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะตายยังมีความยึดติดอยู่กับความหวาดกลัวความตาย ความอาฆาตคั่งแค้น ความอาลัยอาวรณ์ ยึดติดอยู่กับความหลัง เป็นต้น ทำให้ผีตายโหงไม่มีความสงบสุข เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานที่ติดอยู่กับบ่วงของอารมณ์ ไม่เหมือนกับการตายธรรมชาติที่รู้ตัวว่ากำลังจะถึงฆาตแล้วทำการปลงในสังขารของตัวเอง ทำให้จากไปได้อย่างสงบ
การปฏิเสธไม่ยอมรับความตาย ทำให้ผีตายโหงเที่ยวปรากฏกายให้คนเป็นได้พบเห็น มักสิงอยู่ในจุดที่ตัวเองเสียชีวิต และยิ่งเป็นผีตายโหงที่มีความอาฆาตพยาบาทมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทวีความดุร้ายมากขึ้น แถมรูปลักษณ์ที่มาให้เห็นก็ยิ่งชวนขนหัวลุกมากขึ้นเท่านั้น ถ้าหากเป็นผีตายโหงที่ฆ่าตัวตาย วิญญาณจะไม่สามารถไปที่ไหนได้ ต้องทนวนเวียนอยู่ในที่แห่งนั้นไปจนกว่าจะถึงเวลาตายตามธรรมชาติ และต่อให้ได้ไปเกิดใหม่ก็ต้องฆ่าตัวตายซ้ำอีกหลายต่อหลายชาติ ในขณะที่หากเป็นผีตายโหงที่เกิดจากอุบัติเหตุ สิ่งเดียวที่ผีตายโหงพวกนี้ต้องการมากที่สุดคือ การตามหา “ตัวตายตัวแทน” ให้มาเสียชีวิตแล้วสิงสู่อยู่ในที่แทนตัวเองเพื่อที่จะได้ไปผุดไปเกิดได้ ทำให้ผีตายโหงมักปรากฏให้เห็นตามสถานที่ที่มีคนตายอย่างผิดปกติจำนวนมาก เช่น โค้งร้อยศพ เป็นต้น
การป้องกันตัวเองจากแรงแค้นของผีตายโหง
สิ่งที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดเมื่ออยู่ในพื้นที่สิงสถิตของผีตายโหงคือ การ “ห้ามทัก” หรือ “ท้าทาย” ผีตายโหงอย่างเด็ดขาด เพราะผีตายโหงเป็นวิญญาณเฮี้ยนที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความอาฆาตพยาบาทที่พร้อมติดตามคนที่ออกปากทักหรือท้าทายแบบถึงไหนถึงกันเลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น ชายอายุ 30 ปีคนหนึ่ง ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ไปยืนปัสสาวะใส่ข้างทางบริเวณที่เป็นจุดอาถรรพ์ของเมืองแปดริ้วที้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายครั้งทั้งที่เป็นถนนทางตรง จนกลายมาเป็นพื้นทีที่เต็มไปด้วยพลังงานลบ จากเหตุการณ์รถจักรยานยนต์พลิกคว่ำเอง หรือขี่ข้ามเลนประสานงากัน พร้อมกับออกปากลบหลู่ท้าทายให้ผีตายโหงออกมาให้เห็น ทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่ง และมีคนมาเข้าฝันว่าจะเอาชีวิตไปอยู่ด้วยภายใน 3 วัน ทำให้ญาติต้องรีบพาชายคนดังกล่าวไปขอขมา รดน้ำมนต์ และทำบุญเพื่อแผ่อุทิศส่วนกุศลให้กับสัมภเวสีในบริเวณนั้น
การลดแรงอาฆาตของผีตายโหง
คนโบราณเชื่อว่าแรงอาถรรพ์ของผีตายโหงสามารถลดให้น้อยลงได้ ด้วยการทำประเพณีศพแบบโบราณ และห้ามเผาศพผีตายโหงในเวลากลางคืน ด้วยการเผาศพให้มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน แล้วปล่อยกระดูกเอาไว้ 3 วัน ญาติจึงค่อยมาทำการเก็บกระดูกกลับไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลได้ตามปกติ นอกจากนี้ชาวล้านนาเชื่อว่าสามารถทำ “พิธีกรรมสูตรกอง” หรือ “พิธีกรรมสูตร” ที่เป็นการสวดพระปริตร เพื่อถอนวิญญาณเร่ร่อนผีไม่มีญาติ ผีตายโหงที่เคยประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตามท้องถนนปลดปล่อยให้ไปผุดไปเกิด โดยชาวบ้านที่เข้าร่วมพิธีกรรมนี้จะต้องนำสิ่งของ เสื้อผ้า เครื่องรางของขลังต่างๆ มาเสริมดงและปัดเป่า อาทิเช่น น้ำขมิ้นส้มป่อย ใบหนาด ใบมะตัน หญ้าคา และตาแหลว (ต๋าแหลว) ที่มีลักษณะเป็นไม้ไผ่สานเป็นแฉก เป็นเครื่องรางที่คอยสอดส่องไม่ให้อาถรรพ์ หรือสิ่งอัปมงคลต่างๆเข้ามาใกล้ ซึ่งชาวบ้านนิยมนำไปปักเอาไว้ที่ประตูบ้าน โดยพิธีกรรมนี้จะมีขึ้นหลังจากที่หมดเทศกาลปี๋ใหม่เมืองเท่านั้น
ผีตายโหง แม้ตายไม่วายตกเป็นเหยื่อของคนเล่นคุณไสย์
ความเฮี้ยนของผีตายโหง อาจเป็นที่หวาดกลัวของคนธรรมดาทั่วไป แต่สำหรับเหล่าคนเล่นคุณไสย์ หรือหมอผี กลับมองว่าผีตายโหงเป็นวัตถุดิบชั้นดี ยิ่งผีตายโหงมีความเฮี้ยนมากเท่าไหร่ ตายผิดธรรมชาติมากเพียงใดก็ยิ่งกลายเป็นของประกอบคุณไสย์ชั้นยอด โดยเฉพาะ “ผีตายท้องกลม” สำหรับส่วนประกอบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ “หัวกะโหลกผีตายโหง น้ำมันพรายและหนังหน้าผากผีตายโหง” ที่นำมาใช้ทำปั้นเหน่ง ทำให้มีหมอผี หรือคนรับจ้างลักศพมักแอบไปทำการขโมยตัดเอาศีรษะของศพผีตายโหงแล้วเอามาต้มจนกระทั่งเนื้อเปื่อยยุ้ยหมดเหลือเพียงกะโหลสีขาวโพลน ส่วนเนื้อหนังที่ถูกต้มจนเปื่อยก็จะถูกเคี่ยวเอาน้ำมันเพื่อนำไปทำขี้ผึ้ง ที่เหล่าหมอผีจะนำไปใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่อไป การลักศพนี้มีอย่างแพร่หลายเป็นอย่างมาก ซึ่งในวัดที่ผู้เขียนเคยบรรพชาอยู่ ก็ได้มีการทำลูกกรงเหล็กใส่กุญแจขนาดใหญ่ครอบทับหลุมฝังศพของผีตายโหงที่ตายผิดธรรมชาติอย่างมากเอาไว้ เพื่อป้องกันกลุ่มคนเหล่านี้มาทำการลักชิ้นส่วนศพไปทำคุณไสย์เช่นกัน
ชิ้นส่วนร่างกายของผีตายโหง มักถูกนำไปใช้ประกอบพิธีกรรม เช่น ทำพิธีขอหวย และ พิธีกรรมเสริมมหาเสน่ห์ โดยใช้ขี้ผึ้งปิดหน้าศพผีตายโหงหนึ่งศพ หัวกะโหลกของผีตายโหง 3 หัว แล้วนำกะโหลกเหล่านั้นมาตั้งเป็นสามเส้า เอาหมอวางด้านบน จากนั้นนำส่วนประกอบอาทิเช่น ขี้ผึ้ง น้ำมันและตัวยาที่เป็นความลับใส่ลงไปเคี่ยวในหม้อ โดยเปลวไฟต้องมากฟืนสามชนิดที่ได้รับการปลุกเสกลงยันต์ทุกท่อน โดยพิธีกรรมนี้ต้องทำอยู่บนทางสามแพร่ง มีสายสิญจน์ล้อมเอาไว้โดยรอบ พร้อมกับแขวนเครื่องรางเอาไว้ทั้ง 8 ทิศ เพื่อป้องกันวิญญาณร้ายตนอื่นเข้ามาวุ่นวาย ในส่วนของผู้ทำพิธีต้องถือเทียนชัยเอาไว้ในมือ ทำจิตให้ปลอดโปร่งจากเรื่องทางโลกและความหลงใหล เพื่อที่จะได้ดำดิ่งลงไปติดต่อกับโลกวิญญาณได้สำเร็จ หากพิธีกรรมสำเร็จวิญญาณต่างๆจะมาปรากฏตัวในรูปแบบที่แตกต่างกันลอยอยู่เหนือหัวกะโหลก เมื่อเคี่ยวน้ำมันจนกระทั่งได้ที่ก็ยกลงใส่ชาม ปิดด้วยผ้าหรือแผ่นโละยันต์ เก็บรักษาเอาไว้ในที่สูง และสังเวยด้วยอาหารทุกวัน เมื่อต้องการนำไปใช้ก็ทำได้เหมือนกับน้ำมันพรายทุกประการ หรือกระดูกผีตายโหงส่วนอื่นนอกจากกะโหลกก็ยังมีการนำไปทำยาลูกกลอนเพื่อเรียกทรัพย์ เป็นต้น
ลักษณะของผีตายโหง ระวังความตายตามทัน
นอกจากชิ้นส่วนของผีตายโหงแล้ว สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับผีตายโหงบางอย่างก็มีความอารรพ์ที่ไม่แพ้กัน เช่น เชือกผูกคอตาย ก็มักจะถูกลักขโมยไปจากที่เกิดเหตุด้วยความเชื่อว่าเป็นของขลัง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่สิ่งของเหล่านี้หายไปมักจะทำให้วิญญาณไม่สงบจนอาจแผลงฤทธิ์จนทำให้คนที่แอบลอบนำไปต้องรีบเอากลับมาคืนกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว เพราะถ้าหากไม่เอามาคืนอาจถูกเล่นงานเสียชีวิตเหมือนกับข่าวดังต่อไปนี้
หนุ่มใหญ่คนหนึ่งมีนิสัยชอบดื่มสุรา และสะสมเชือกผีตายโหงโดยหวังว่าจะนำมาทำพิธีกรรมขอหวย ถ้าหากมีเหตุคนผูกคอตายที่ใดก็จะเดินทางไปขอเชือกผีตายโหง เมื่อทำพิธีกรรมได้เลขเด็ดมาก็จะไปบอกชาวบ้านเพื่อแลกกับเงินไปซื้อเหล้า ซึ่งในวันหนึ่งก็มีคนพบหนุ่มใหญ่รายนี้ผูกคอตายที่ใต้ต้นมะม่วงหลังบ้านด้วยเชือกไนลอนของผีตายโหง โดยที่ไม่มีร่องรอยถูกทำร้ายแต่อย่างใด
การป้องกันไม่ให้ผีตายโหงสิงสถิตยึดติดอยู่กับสถานที่ สามารถทำได้ด้วยการทำ “พิธีเชิญวิญญาณ” เมื่อทำการเคลื่อนย้ายศพ เพื่อให้วิญญาณติดตามร่างไปด้วย เพื่อไม่ให้ผีตายโหงกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนไม่มีที่ไป...