โอจิ โนะ กิทสึเนะ (Ōji no kitsune) งานชุมนุมภูตจิ้งจอกในคืนส่งท้ายปีของประเทศญี่ปุ่น
เมือง Ōji ในปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเขตคิตะ กรุงโตเกียว ในเมืองแห่งนี้มีศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงชื่อว่า “โอจิ อินาริ” ที่มีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับภูตจิ้งจอก (กิทสึเนะและคิซึเนะบิ) ทั้งหมดของเขตภูมิภาคคันโต เชื่อกันว่าในวันส่งท้ายปีเก่าเหล่าภูตจิ้งจอกในเขตนี้ทั้งหมดจะมารวมตัวกันเพื่อแสดงความขอบคุณและอวยพรปีใหม่ให้แก่กัน
เดิมที่พื้นที่ของศาลเจ้าในช่วงก่อนศตวรรษที่ 20 มีเพียงนาข้าวและฟาร์ม บริเวณนั้นมีต้นแฮ็คเบอร์รี่ขนาดใหญ่ยืนต้นอยู่ริมถนน เหล่าภูตจิ้งจอกมักมารวมตัวกันที่นี่ เพราะสามารถมองเห็นโดนรอบได้ไหลหลาย กม. ส่วนมนุษย์จะทำได้เพียงแค่เฝ้ามองดูไฟที่เหล่าจิ้งจอกสร้างขึ้นในระหว่างการรวมตัวว่ามีมากเพียงใดจากสถานที่อันห่างไกล ถ้าหากมีจำนวนมากนั่นเป็นสัญญาณว่าปีที่กำลังจะมาถึงจะเต็มไปด้วยความรุ่งเรือง เนื่องจากเชื่อกันว่าเหล่าภูตจิ้งจอกเป็นข้ารับใช้ของเทพอินาริ ซึ่งเป็นเทพแห่งการเก็บเกี่ยวและการทำธุรกิจนั่นเอง
ตำนานที่น่าสนใจของเหตุการณ์โอจิ โนะ กิทสึเนะ
พ่อค้าคนหนึ่งเดินทางกลับมาจากการเยี่ยมโอจอินาริ ตอนนั้นเองที่เขาบังเอิญเห็นภูตจิ้งจอกแปลงร่างเป็นสาวงาม เนื่องจากพวกมันมีชื่อเสียงอย่างมากในการเล่นตลกกับผู้คน เขาจึงเกิดความสงสัยว่าเป้าหมายของมันเป็นใคร!? แต่.. พอเหลียวมองรอบข้างก็ไม่มีใครนอกจากตัวเขาในบริเวณนั้น เขาเลยคิดว่าน่าจะลองหลอกภูตจิ้งจอกกลับให้ตกใจเล่นน่าจะดี
เขาเรียกผู้หญิงร่างจำแลงของภูตจิ้งจอกว่า “โอทามะ นี่ฉันเอง มาดื่มชาด้วยกันที่ร้านนี้ไหม”
ภูตจิ้งจอกหลงกลเดินตามเข้าไปในร้านน้ำชา พวกเข้าขึ้นไปนั่งบนชั้นสอง เขาปล่อยให้มันกินอาหารและดื่มสเกมากเท่าที่ต้องการจนกระทั่งอิ่มหนำหลับไปบนพื้น เขาจึงลงไปข้างล่างสั่งทามาโกะยากิห่อกลับบ้านสามกล่อง แล้วบอกว่าให้เก็บเงินจากผู้หญิงที่อยู่ชั้นบน จากนั้นเขาก็แอบย่องหนีออกมาจากร้านอย่างเงียบๆ
พนักงานขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อปลุกหญิงสาวที่กำลังหลับเพื่อขอให้จ่ายเงินค่าอาหาร มันตกใจตื่นจนทำให้การแปลงกายล้มเหลวเผยให้เห็นหางและหู พนักงานประหลาดใจมากกับสิ่งที่เห็น พวกเขาจึงพยายามไล่ทุบตีและตะโกนใส่มัน อย่างไรก็ตาม ในที่สุดมันก็สามารถหลบหนีกลับไปที่หลุมของตัวเองได้สำเร็จ
เสียงดังโวยวายทำให้เจ้าของร้านออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อพนักงานเล่าให้ฟัง เขาก็ดุพนักงานว่าการที่ร้านแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองได้ เป็นเพราะศาลเจ้าโอจิอินาริ การพยายามทำร้ายข้ารับใช้ของเทพอินาริเป็นเรื่องที่โง่เขลาอย่างมาก พวกเขาจึงได้รวมตัวกันเดินทางไปที่ศาลเจ้าเพื่อขอขมากับสิ่งที่เกิดขึ้นทันที
ในขณะเดียวกันชายต้นเรื่องก็เดินทางกลับถึงบ้านของตัวเอง พร้อมกับนำอาหารจากร้านมาแบ่งให้เพื่อนกินและเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แม้เขาจะดูมีความสุข แต่เพื่อนของเขากลับแสดงความกังวล เนื่องจากภูตจิ้งจอกขึ้นชื่อในเรื่องของความพยาบาทและอาจทำการสาปแช่งครอบครัวของศัตรู
เมื่อได้รับคำเตือน วันรุ่งขึ้นเขาจึงกลับไปที่นั่นเพื่อชดใช้สิ่งที่ตัวเองทำ ตอนนั้นเองที่เขาเห็นลูกสุนัขจิ้งจอกกำลังเล่นอยู่ใกล้กับหลุมบนพื้นดิน เขาจึงได้บอกกับมันว่าเกิดอะไรขึ้นพร้อมกับคำขอโทษ นอกจากนี้ยังทิ้งห่อของขวัญเอาไว้ที่ข้างหลุมของสุนัขจิ้งจอก
ลูกสุนัขจิ้งจอกคาบห่อของขวัญไปให้กับแม่ของมัน และบอกว่ามีมนุษย์มาขอโทษพร้อมกับนำของมาให้ แม่ของมันไม่เชื่อ แต่ก็บอกให้ลูกลองเปิดกล่องของขวัญด้วยความระมัดระวัง ภายในนั้นเต็มไปด้วยขนมโบทาโมจิ เค้กข้าวที่โรยหน้าด้วยถั่วหวานบดสีน้ำตาล ลูกสุนัขจิ้งจอกให้ความสนใจกับอาหารมากและถามแม่ว่าเราควรกินไหม แต่สุนัขจิ้งจอกตัวแม่ที่สูญเสียความเชื่อใจในตัวของมนุษย์ไปจนหมด บอกกับมันว่าไม่ควรกิน เพราะอาหารเหล่านี้อาจจะทำมาจากขี้ม้าก็เป็นได้...
ลาโมนา (La Mona) แม่มดวานร ผู้จ้องเวรจ้องทำร้ายมนุษย์ แห่งทวีปอเมริกา