“ผีกระหัง” หรือมักถูกเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า “ผีกระหาง” เป็นหนึ่งในผีไทยอีกประเภทหนึ่งที่คนไทยรู้จักกันดี เคียงคู่มากับ “ผีกระสือ” แต่ในขณะที่ผีกระสือโด่งดังจนปรากฏอยู่ในบันทึกของกฎหมายตราสามดวงในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผีกระหังกลับไม่มีการถูกกล่าวถึงแม้แต่น้อย ทำให้ที่มาของผีกระหังไม่แน่ชัดเหมือนกับของผีกระสือ ที่เชื่อกันว่ามีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเขมร แล้วความเชื่อดังกล่าวจึงค่อยเข้ามาในประเทศไทย จากความรุ่งเรืองของอาณาจักรเขมรในอดีต เชื่อว่าผีกระหังมักมาให้เห็นในภาคอีสาน แต่เนื่องจากผีกระหัง ไม่ค่อยปรากฏตัวให้เห็นบ่อยนัก ทำให้มันกลายมาเป็นหนึ่งในผีปริศนาที่มีข้อมูลค่อนข้างน้อย แต่มีความน่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียว
ลักษณะที่น่าสนใจของผีกระหัง
"กระหัง" ในภาพยนตร์เรื่อง "แสงกระสือ"
ผีกระหัง เป็น “ภูตพราย” ประเภทหนึ่ง มีนิสัยที่ค่อนข้างรักสงบ และยังไม่มีเคยมีการบันทึกว่าพวกมันทำร้ายมนุษย์แต่อย่างใด ในตอนกลางวันจะใช้ชีวิตเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อตกกลางคืนก็จะกลายกลับคืนร่างเดิม
ผีกระหัง มีความสามารถในการบินด้วยปีกที่มีขนาดเล็กเท่าเส้นขนในลักษณะของการโผบิน เชื่อกันว่าผีกระหังจะใช้กระด้งฝัดข้าวติดกับแขนแทนปีก บ้างเชื่อว่ากระด้งมีอิทธิฤทธิ์ช่วยทำให้ผีกระหังบินไปบนท้องฟ้าได้ และใช้สากตำข้าวหรือสากกะเบือผูกติดกับขาแทนหาง หรือผูกติดกับขา บางเชื่อว่าผีกระหังนั่งอยู่บนสากตำข้าว คล้ายกับแม่มดของทางยุโรปที่นั่งบนไม้กวาดเพื่อใช้เป็นพาหนะในการเหาะเหินไปในอากาศนั่นเอง ส่วนลักษณะเด่นอีกประการของผีกระหังคือ มันจะมี “หางสั้น” ติดกับก้น แต่โดยปกติจะทำการซ่อนเอาไว้ในกางเกง หรือผ้านุ่ง ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่เคยทราบมาก่อน จนกลายเป็นเรื่องน่าแปลกใจว่าทั้งที่กระหังมีหางอยู่แล้ว แต่ทำไมมันถึงได้ใช้สากมาผูกต่างหางอีกชั้นหนึ่ง!? อย่างไรก็ตามบางตำนานเชื่อว่า สากที่ผีกระหังหนีบหิ้วไปมาด้วยตลอดเวลาที่จริงเป็น “อาวุธ” ประจำกายไว้ใช้ต่อสู้นั่นเอง
กระหังถูกนำไปสร้างเป็นตัวละครในเกม MOBA : HON
เชื่อกันว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผีกระหังพกสากตำข้าว และกระด้งแทนปีก มีอิทธิพลมากจากวัฒนธรรมและประเพณีในท้องถิ่น เนื่องจากผีกระหังมักปรากฏตัวให้เห็นในภาคอีสาน ที่ในสมัยก่อนมีการใช้สากตำข้าวและกระด้งในการตำข้าวสารกรอกหม้อเป็นประจำจนกระทั่งกลายเป็นความเคยชิน ซึ่งเมื่อกลับร่างเดิมที่เป็นภูตผี ทำให้มีความผูกพันกับอุปกรณ์เหล่านั้นอย่างมากจนนำมาใช้ในขณะที่เป็นผีกระหังด้วย
กระหังในเกม HON
ในอีกแง่มุมหนึ่ง มีผู้อธิบายว่าสาเหตุที่ผีกระหังพกอุปกรณ์เหล่านี้ มาจากจินตนาการของผู้ที่แต่งบทภาพยนตร์ว่าผีกระหังเป็นสามีของผีกระสือจึงควรบินได้เช่นกัน แต่เนื่องจากรูปลักษณ์ของผีกระสือสามารถถอดหัวลากไส้ได้แล้วหากใช้รูปแบบเดียวกันจะทำให้เกิดความซ้ำซากจำเจ ทำให้เกิดการสร้างผีกระหังขึ้นโดยจินตนาการอ้างอิงจากการทำงานของเครื่องบินแล้วนำกระด้งที่เป็นวัสดุพื้นบ้านมาใช้เป็นต้นแบบ และใช้สากตำข้าวแทนหางเสือ
อาหารจานโปรดของผีกระหัง
ภาพจาก : http://gg.gg/f390h
ผีกระหัง ออกหากินในตอนกลางคืน ชื่นชอบการกินของโสโครก เช่น อุจจาระ รกเด็ก ของสด ของคาว เลือดสดๆ เหมือนกับผีกระสือ
การถือกำเนิดของผีกระหัง
ภาพจาก http://gg.gg/f39bs
เชื่อกันว่าผีกระหังเกิดขึ้นมาจากคนที่เล่นคุณไสย์ จนกระทั่งอาคมแก่กล้าแต่กลับไม่สามารถควบคุมได้จนกระทั่งของเกิดการ “ย้อนเข้าตัว” ส่วนสาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถควบคุมของได้ มักเกิดจากการ “ผิดครู” ผิดคำสัญญากับผู้มอบวิชาให้บางประการทำให้กลายสภาพเป็นผีกระหังไปในที่สุด ส่วนการสืบทายาทของผีกระหังเป็นสิ่งที่คลุมเครือไม่ชัดเจนอย่างมาก แต่เชื่อกันว่าน่าจะเป็นวิธีเดียวกับของผีกระสือในการส่งต่ออำนาจทางน้ำลาย
อีกความเชื่อหนึ่ง ผีกระหังเกิดขึ้นจากการสิงสู่ของภูตพรายคล้ายกับปรสิต จะสิ่งสู่ไปจนกว่าร่างที่สิงสู่จะเสียชีวิต (ประมาณ 50 ปี) จากนั้นผีกระหังก็จะทำการย้ายไปอาศัยอยู่ในร่างของมนุษย์คนอื่น นอกจากนี้ยังมีผีกระหังอีกประเภทหนึ่ง ที่รูปร่างเหมือนกับมนุษย์ธรรมดาทุกประการแต่แตกต่างกันตรงที่มีกำลังแขนมาก ทำให้สามารถบินขึ้นไปบนอากาศได้ ด้วยการใช้กระด้งแทนปีกเพื่อทำการต้านอากาศ
ในประเทศเขมรมีการสร้างอสุรกายรับใช้ที่มีลักษณะคล้ายกับผีกระหังอย่างมาก ในคัมภีร์อาถรรพ์เวทย์ ด้วยการนำเอาลูกชายมามัดขาไว้ด้วยกันตั้งแต่ตอนเป็นทารก แล้วใช้งานเพียงร่างกายท่อนบน ให้อาหารเป็นเลือดของสัตว์ปีกประเภท เป็ด ไก่ เพื่อทำการปรับระบบของร่างกายให้มีความคล้ายกับสัตว์ปีกให้มากที่สุด ควบคู่ไปกับการบริกรรมคาถาอาคม เวลาผ่านไปนานหลายปีขาที่ถูกมักเอาไว้ก็จะลีบเล็กลงจนเหมือนกับเป็น “สากตำข้าว” แล้วให้ทำการบินโดยใช้ปีกที่มีลักษณะคล้ายกับกระด้ง
วิธีตรวจสอบว่าใครเป็นผีกระหัง
ภาพจาก http://gg.gg/f39en
ผีกระหัง มีรูปร่างภายนอกเหมือนกับคนทุกประการ แต่จะมีจุดหนึ่งที่แตกต่างกันคือ ผีกระหังจะมี “หาง” อยู่บริเวณก้น ทำให้คนที่เป็นผีกระหังจะมีความหวงก้นมากจนผิดปกติ เพราะกลัวว่าถ้าหากใครลูบก้นเล่นจะบังเอิญไปเจอหางเข้าจนทำให้ถูกล่วงรู้ว่าเป็นผีกระหังนั่นเอง
การตรวจสอบผีกระหังอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อคนที่เป็นผีกระหังดวงตาต้องกับแสงไฟจะสะท้อนกลายเป็นสีแดง แตกต่างจากดวงตาของสัตว์ป่าทั่วไปที่เป็นสีเขียว หรือสีฟ้า นอกจากนี้คนที่เป็นผีกระหังจะหวั่นกลัวแสงจ้าเป็นอย่างมาก
กระสือ กับ กระหัง ผีตนไหนน่ากลัวกว่ากัน?
ถ้าหากทำการเปรียบเทียบระหว่างผีกระสือกับผีกระหังว่ามีตนใด มีความสะพรึงกลัวมากกว่ากัน คงต้องนำจุดเด่นของผีทั้งสองประเภทมาจำแนกออกเป็นข้อๆ เพื่อให้ง่ายต่อการพิจารณามากยิ่งขึ้น ดังต่อไปนี้
ผีกระสือ
ผีกระสือ มีแต้มต่อความน่ากลัวมากกว่าผีกระหัง ด้วยรูปลักษณ์ที่พิเศษไม่เหมือนใคร ที่เมื่อปรากฏกายมีเพียงหัวกับไส้ ทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกสยดสยองปนไปกับความสะอิดสะเอียนในการเห็นเครื่องในสดๆ บินโฉบไปมาในท้องฟ้ายามราตรี นอกจากนี้ผีกระสือยังสามารถใช้คำสาป มนต์ดำ เพื่อเล่นงงานคู่อริ แถมยังมีแรงอาฆาตที่แรงกล้าอย่างมากอีกด้วย แต่เนื่องจากผีกระสือมีแต่หัวกับเครื่องในทำให้มีสิ่งที่ต้องระมัดระวัง และมีจุดอ่อนอย่างมากอย่างเช่น ไม้หนาม ที่อาจเกาะเกี่ยวลำไส้หากบินเพลินจนไม่ทันระวัง แต่เชื่อกันว่าผีกระสือ มีความรวดเร็ว ปราดเปรียวมากกว่าผีกระหัง
ภาพจาก www.sookjai.com
ผีกระหัง
ผีกระหัง แม้รูปลักษณ์ภายนอกทั่วไปจะเหมือนกับมนุษย์ทุกประการ แตกต่างเพียงอุปกรณ์เสริมในห้องครัวที่นำมาใช้ช่วยในการบิน ทำให้แต้มเป็นรองในเรื่องของความสยดสยอง แถมยังมีนิสัยรักสงบจนยังไม่มีเรื่องราวเกี่ยวกับแรงอาฆาตของผีกระหังมาเป็นแรงเสริม ทำให้ในเรื่องของความน่ากลัวอาจด้อยกว่า แต่เชื่อกันว่าผีกระหังมีเรี่ยวแรงมหาศาลมากกว่า แถมยังมีอวัยวะครบ 32 ประการ ทำให้หากวัดกันที่เข้าทำร้ายมนุษย์ผีกระหังย่อมมีความน่ากลัวมากกว่าอย่างแน่นอน
ภาพจาก www.sookjai.com
ความเชื่อเกี่ยวกับ “ผีกระหัง” และ “ผีกระสือ” สำหรับคนในยุคปัจจุบันอาจมองว่าเป็นเพียง “นิทานหลอกเด็ก” เพื่อเอาไว้ใช้ปรามเด็กดื้อ ไม่ยอมทำตามคำของผู้ใหญ่ และวัยรุ่นที่หนีเที่ยวในเวลากลางคืน ทำให้รู้สึกหวาดกลัวผีสางเหล่านี้ อันเป็นกุศโลบายของคนในสมัยก่อนที่ชาญฉลาดเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหน หรือนักวิชาการผู้รู้คนใดที่สามารถหาหลักฐานมาแย้งชี้ชัดว่าผีกระหัง ผีกระสือ ไม่มีอยู่จริงในโลกเช่นกัน...