ตำนาน Krampus ปีศาจผู้ต่อต้านซานตาครอส
ในเดือนธันวาคมของทุกปี ทั่วโลกและประเทศไทยเองก็มักที่จะมีการจัดงานเทศกาลเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสแต่สำหรับผู้คนในยุโรปกลับเริ่มมีข่าวลือเกี่ยวกับปีศาจตนหนึ่งที่แฝงตัวมาพร้อมกับความสนุกสนาน ณ ช่วงเวลาดังกล่าว และความเชื่อดังกล่าวก็ได้แพร่กระจายกลายเป็นความเชื่ออันน่าสะพรึงกลัวอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก โดยปีศาจตนนี้ถูกเรียกขานนามว่า “Krampus”
Christmas Devil “Krampus” คืออะไร!?
คำอธิบายเกี่ยวกับปีศาจร้าย Krampus ได้อย่างเฉพาะเจาะจงมากที่สุด คือ มันเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับ “Saint Nicholas” ที่มอบของขวัญให้กับเด็กดี มีลักษณะเหมือนกับครึ่งแพะครึ่งปีศาจ ร่างกายปกคลุมไปด้วยขนยาวสีน้ำตาล มีเขา เขี้ยวและเขาที่แหลมคม ลิ้นแหลมยาวที่แลบออกมาตลอดเวลา เดินด้วยสองเท้าเหมือนกับมนุษย์บนกีบเท้า ส่วนใหญ่แล้วพวกมันมักจะสวมใส่โซ่ระฆังและบางครั้งก็แบกตะกร้าหวายหรือกระสอบขนาดใหญ่เอาไว้บนหลัง สำหรับไว้ใช้จับตัวเด็กซน นอกจากนี้ Krampus ยังถือแส้หรือไม้เบอร์ชที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งที่ช่วยสร้างความเจ็บปวดอันแสนสาหัสให้กับเหยื่อตัวน้อย พฤติกรรมของมันเหมือนกับสัตว์ร้ายและมีจุดมุ่งหมายที่ช่วงชิงความดีงามไปจากเหล่าเด็กที่ไร้เดียงสาแบบถาวรตลอดกาล
Krampus ความเชื่ออันน่าหวาดกลัวที่แพร่กระจายไปทั่วทวีปยุโรป
เดิมทีตำนานของปีศาจร้าย Krampus ถูกเล่าลืออยู่ในยุโรป ในประเทศออสเตรียมาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ก่อนที่เรื่องราวสุดสยองขวัญของปีศาจตนนี้จะถูกขับขานเล่าต่อไปในรูปแบบของนิทานพื้นบ้านและตำนานครอบคลุมไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิเช่น สาธารณะรัฐเช็ก ฮังการี สโลวาเกีย สโลวีเนียและตอนเหนือของประเทศอิตาลี เป็นต้น
การปรากฏตัวของปีศาจร้ายแห่งวันคริสต์มาส Krampus
เชื่อกันว่า Krampus มักจะปรากฏตัวในวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ชาวยุโรปมีการเรียกวันนี้ว่า “Krampusnacht” หรือ “Krampus Night” (คืนแห่ง Krampus) พวกมันจะโผล่มาในความมืดมิดโดยมีเป้าหมายคือ “เด็กดื้อ หรือเด็กซน” มันเดินตระเวนไปตามท้องถนน สถานที่ประกอบธุรกิจและในบ้านที่หลายคนเชื่อว่าเป็นสถานที่อันปลอดภัย เมื่อพบเด็กซน Krampus ก็จะใช้แส้ฟาดใส่เด็กเหล่านั้นและบางครั้ง มันก็จะจับเด็กใส่ตะกร้าหรือถุงที่แบกมาด้วย เชื่อกันว่าเด็กที่ถูกพวกมันลักพาตัวไปจะได้พบกับชะตากรรมอันไม่น่าพึงปรารถนา เช่น ถูกโยนทิ้งในแม่น้ำแล้วปล่อยให้จมน้ำตาย ถูกลากลงไปสู่นรกหรือถูก Krampus จับกินเป็นอาหารทั้งเป็นและที่สำคัญ เด็กเหล่านั้นจะหายสาบสูญไปโดยที่ไม่มีใครได้เห็นพวกเขาอีกตลอดกาล
งานเฉลิมฉลอง Krampusnacht
ถึงแม้ว่าตำนาน Krampus จะเป็นเรื่องราวที่เก่าแก่ที่ถูกขับขานมาอย่างยาวนาน แต่มันก็ถูกห้ามพูดถึงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ความเชื่อและงานเฉลิมฉลองของมัน ก็ยังคงได้รับการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีมาจนถึงปัจจุบัน ในวัน Krampuslauf ผู้คนจำนวนมากจะแต่งกายและสวมหน้ากาก Krampus ที่ถูกทำขึ้นมาอย่างประณีต กลายเป็นขบวนพาเหรดสยองขวัญไปตามท้องถนน สำหรับงานเฉลิมฉลองที่ใหญ่ที่สุดมักจัดขึ้นในประเทศออสเตรีย มีการขายอาหารและเครื่องดื่มแบบดั้งเดิมให้กับผู้ที่เข้าร่วมงานเทศกาลได้ลิ้มลองอีกด้วย
บทสรุปส่งท้าย : Krampus กับความเชื่อเรื่องปีศาจก่อนการมาถึงของคริสต์ศาสนา
Krampus เป็นปีศาจที่มีตัวตนมาอย่างยาวนาน อาจกล่าวได้ว่าที่จริงแล้วมันมีตัวตนมาก่อนที่ความเชื่อเรื่อง “ซานตาครอส” เสียอีก นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าที่จริงแล้ว Krampus อาจจะเป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมในช่วงบุกเบิกความเชื่อเรื่องแม่มด ในขณะที่โซ่ที่เหล่า Krampus มักสวมเอาไว้ราวกับเป็นเครื่องประดับของร่างกายที่จริงแล้วอาจเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาในภายหลัง เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนการ “ผูกมัดปีศาจ” เอาไว้ แต่ในขณะเดียวกัน มันอาจเป็นสิ่งที่หลงเหลือมาจากความเชื่อในการประกอบพิธีกรรมนอกศาสนาคริสต์ที่ชาวยุโรปเชื่อในครั้งอดีต ที่ความเชื่อเรื่องผีสางและสิ่งชั่วร้ายมีอำนาจมากกว่าความดีงาม....