กุมารทอง เป็นหนึ่งในผีที่ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยครั้งในภาพยนตร์ และความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ของไทยมาอย่างช้านาน โดยลักษณะของกุมารทองเป็นการเลี้ยงภูตผี ปีศาจเอาไว้ใช้งาน โดยสิงสถิตอยู่ในรูปปั้นของเด็ก จัดอยู่ในกลุ่มของเครื่องรางของขลัง ซึ่งบางครั้งได้มีการนับรวม “รักยม” เป็นกุมารทองด้วยเช่นกัน ในปัจจุบันกุมารทองมีผู้ให้ความเชื่อและทำการบูชาอยู่เป็นจำนวนมากเลยทีเดียว ส่วนกุมารทองจะมีนิสัยดีหรือร้าย ขึ้นอยู่กับผู้ที่ทำการปลุกเสกควบคุมกุมารทอง
กุมารทอง
ภาพจาก ปัญญาขุนแผน.com
ลักษณะที่น่าสนใจของกุมารทอง
กุมารทอง เป็นวิญญาณของเด็กผู้ชาย ถ้าหากเป็นวิญญาณของเด็กผู้หญิงมักเรียกว่า “โหงพราย” โดยทั่วไปเชื่อว่ากุมารทองมีลักษณะเป็นเด็กไว้จุก นุ่งโจงกระเบนแบบโบราณ โดยกุมารทองยังสามารถแบ่งออกได้เป็นสองแบบคือ “กุมารทองแบบบูชา” และ “กุมารทองแบบพกพา” โดยมีความแตกต่างกันดังต่อไปนี้
กุมารทองแบบบูชา
คือ กุมารทองแบบรูปปั้นที่คุ้นเคยกันดี โดยมักทำการบูชาเอาไว้ที่บ้านโดยนำไปวางเอาไว้บนหิ้งบูชาที่ได้จัดเตรียมเอาไว้
กุมารทองแบบพกพา
"กุมาทองแบบพกพา" ภาพจาก : www.tcdc.or.th
คือ รูปปั้นกุมารทองขนาดเล็กที่ใส่เอาไว้ในกรอบ สามารถพกติดตัวไปไหนมาไหนได้เหมือนกับการห้อยพระเครื่อง แต่มีข้อห้ามคือห้ามแขวนห้อยรวมกับพระเครื่อง แต่หากจำเป็นต้องห้อยให้กุมารทองอยู่ต่ำกว่าพระเครื่องเสมอ แต่ถ้าหากจะให้ดีควรเหน็บไว้ในเสื้อแทนไม่แขวนรวมกับพระเครื่องจะเป็นการดีกว่า และห้ามพกไว้ต่ำกว่าเอว ส่วนการเลี้ยงดูเซ่นไหว้กุมารทองแบบพกพา สามารถทำได้เหมือนกับการเลี้ยงกุมารทองแบบบูชาทุกประการ
การถือกำเนิด และประเภทของกุมารทอง
จากการศึกษาพบว่ากุมารทอง เกิดขึ้นได้จากสองวิธี ดังต่อไปนี้
กุมารทองพราย : จากการสะกดวิญญาณเด็กทารกจากผีตายทั้งกลม
"กุมารทองพราย จากวรรณคดีเรื่องขุนช้าง ขุนแผน"
จากบันทึกของเอกสารโบราณพบว่า กุมารทองมักเป็นวิญญาณของเด็กผู้ชายที่ตายในท้องแม่ หรือที่เรียกกันว่า “ตายท้องกลม” เมื่อมีข่าวคราวว่ามีคนตายท้องกลมที่ไหนเหล่าผู้มีคาถาอาคมจึงมักจะเดินทางไปหา แล้วประกอบพิธีกรรมผ่าเอาศพทารกออกมาย่างไฟจนแห้งสนิทก่อนรุ่งสาง แล้วทำการลงรักปิดทองจนทั่ว ทำให้เป็นที่มาของคำว่า “กุมารทอง” พร้อมกำกับคาถามาเป็นอย่างดีจากผู้ปลุกเสกไม่ให้เกิดความเฮี้ยน! จนเที่ยวไปก่อเรื่องขนลุก แล้วนำพาร่างและวิญญาณของเด็กมาเลี้ยงดูเอาไว้ในบ้านเหมือนกับเป็นลูก
"ขุนแผนสร้างกุมารทอง" จากภาพยนตร์เรื่องขุนแผน พ.ศ.2545
บ้างเชื่อว่าการสร้างกุมารทองพรายบางครั้ง มีการนำมวลสารแปลกประหลาดอย่างเช่น “เถ้ากระดูกวิญญาณตายโหง” มาสร้างเป็นกุมารด้วย เชื่อว่ากุมารพรายจำเป็นที่จะต้องเซ่นไหว้เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แต่ในขณะเดียวกันกุมารทองพรายยังมีการแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็นบ่อยครั้ง เมื่อทำการบนบานเรื่องใดก็จะได้ผลอย่างรวดเร็ว ทำให้กุมารทองพรายได้รับความนิยมมากกว่ากุมารทองเทพนั่นเอง
กุมารทองเทพ : จากการปลุกเสกจิตวิญญาณในรูปปั้นหรือรูปสลัก
หลังจากประเทศพัฒนาไปมากการไปลักขโมยศพตายท้องกลมมาสร้างกุมารทองเป็นเรื่องที่ยาก และโทษที่ได้รับก็มากขึ้น การสร้างกุมารทองจึงต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วยการดัดแปลงไปใช้วัตถุดิบอื่นในการสร้าง อาทิเช่น
o ดินเจ็ดป่าช้า เจ็ดธาตุ เจ็ดวัด
o ไม้รักซ้อนหรือ ไม้มะยมที่ตายขณะยืนต้น เพราะในสมัยโบราณเชื่อว่าเป็นไม้ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิงอยู่
o โลหะ
o เรซิ่น และพลาสติก (ในปัจจุบัน)
"กุมารทองโลหะ" ภาพจาก Mthai.com
วัตถุเหล่านี้ถูกนำมาใช้เป็นวัตถุดิบมาสร้างเป็น “รูปปั้นกุมารทอง” จากนั้นทำการปลุกเสกตั้งจิต ตั้งธาตุทั้งสี่ แล้วทำการเรียกอาการสามสิบสองจนกระทั่งกำเนิดจิตวิญญาณของเด็กวิญญาณขึ้นมา และถูกเรียกว่า “กุมารทองเทพ” อันเป็นการอัญเชิญปลุกเสกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เข้ามาอยู่ในวัตถุแทนตัวเด็กนั่นเอง เชื่อว่ากุมารทองเทพไม่จำเป็นต้องเซ่นไหว้เหมือนกับกุมารทองพราย
เชื่อกันว่ากุมารทองเทพ มีหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก และไม่ให้โทษกับผู้เลี้ยง ต่อให้ไม่ได้ให้การเลี้ยงดูแลอย่างเหมาะสม ในขณะเดียวกันกุมารทองเทพจึงไม่ค่อยแสดงอิทธิฤทธิ์เห็นมากนัก การบนบานขอบางอย่างกับกุมารทองเทพจึงค่อนข้างได้ผลช้าไม่ทันใจใครหลายคน
การจัดหิ้งบูชากุมารทองอย่างเหมาะสม
ภาพจาก rittamahawed.com
ก่อนนำกุมารทองเข้าบ้าน ควรทำการจัดเตรียมสถานที่สำหรับทำการบูชาเอาไว้ให้พร้อม ด้วยการจัดหิ้งบูชาแยกออกมาต่างหาก ให้อยู่ในระดับต่ำกว่าพระพุทธรูป และเทพองค์อื่น แต่ไม่ควรอยู่ในระดับที่ต่ำจนกระทั่งติดพื้นดิน และควรจัดหิ้งบูชากุมารทองแยกออกมาต่างหากให้อยู่คนละแห่งอย่าให้ปะปนกับเทพเทวดา และของขลังจะเป็นการดีที่สุด การตั้งหิ้งกุมารทองในห้องนอนเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่ควรดูทิศทางและการตั้งกุมารทองให้มีความเหมาะสมตามคำแนะนำที่จะกล่าวถึงต่อไปประกอบด้วย
การนำกุมารทองเข้าบ้านอย่างเหมาะสม
การนำกุมารทองเข้ามาบูชาในบ้านเป็นครั้งแรก ควรทำการจุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง โดยเฉพาะบ้านที่ทำการบูชาเทพ ท้าวเวสสุวรรณชูชก และเครื่องรางของขลัง เพื่อให้เปิดทางให้กุมารทองเข้าบ้านได้ ด้วยธูปจำนวน 16 ดอก ต่อหน้าศาลพระภูมิ หรือจุดในกลางแจ้งบริเวณริมรั้วบ้าน และจุดธูปเพื่อเชิญกุมารทองให้เข้าบ้านมาอยู่ด้วยกัน โดยใช้ธูปจำนวน 5 ดอก ปักไว้ที่หน้าหิ้งของกุมารทอง ควรตั้งชื่อให้กับกุมารทอง โดยนิยมตั้งให้เป็นสิริมงคล เช่น น้องน้ำโชค น้องนำชัย เป็นต้น นอกจากนี้ควรแนะนำคนในบ้านให้รู้จักกับกุมารทองด้วยว่ามีใครอยู่บ้าง และเมื่อมีแขกมาเยี่ยมเยือนก็ต้องบอกกุมารทองด้วยเช่นกัน
การตั้งกุมารทองอย่างถูกต้องเหมาะสม
เด็กไทยไว้ผมจุก "ต้นแบบของกุมารทอง"
ภาพจาก : postjung.com
ควรตั้งกุมารทองเชื่อว่าควรหันหน้าของกุมารไปทางทิศเหนือหรือทิศตะวันออกจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะกุมารทองจะช่วยทำให้เจ้าของมีความเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ข้อห้ามในการตั้งกุมารทอง
o ห้ามตั้งให้กุมารทองหันหน้าไปทางทิศตะวันตก โดยเด็ดขาดเพราะจะเป็นการสร้างความหายนะให้กับครอบครัว
o ห้ามตั้งกุมารทองใต้บันได
o ห้ามตั้งกุมารทองไว้ที่ปลายเท้า
o ห้ามหันหน้าหรือตั้งกุมารทองตรงกับหน้าต่าง ประตูบ้าน และประตูห้องน้ำ
o ห้ามวางเสมอหิ้งพระ
o ห้ามตั้งกุมารทองไว้ในที่ต่ำจนสามารถยกเท้าเดินข้ามได้
การขอให้กุมารทองช่วยกิจธุระ
เมื่อต้องการให้กุมารทองช่วยกิจธุระเรื่องใด ให้ทำการบูชากุมารทองโดยใช้ธูป 5 ดอก และบอกกล่าวในสิ่งที่ต้องการให้กุมารทองดลบันดาลให้ประสบความสำเร็จ
การเลี้ยงดูและเซ่นไหว้กุมารทอง
การเลี้ยงดูเซ่นไหว้กุมารทอง ผู้บูชาต้องทำการเลี้ยงดูให้เหมือนกับเป็นลูก ต้องเซ่นสรวงและเรียกให้มากินข้าวด้วยกัน ถ้าหากเลี้ยงดูกุมารทองอย่างดี ให้อิ่มหนำสำราญ เชื่อกันว่ากุมารทองจะช่วยดูแล ค้ำจุน อาทิเช่น
o ช่วยปกป้องเจ้าของและครอบครัวจากสิ่งอัปมงคล
o ช่วยเสริมลาภวาสนา เมตตามหานิยม
o ช่วยแจ้งเตือนภัยร้ายล่วงหน้า
o ช่วยเฝ้าบ้านไม่ให้โจรขโมย อริศัตรูกล้ามยุ่มย่าม
o ช่วยหาของหายทั้งในบ้าน และในบ้านให้ได้คืนโดยไม่คาดฝัน
นอกจากนี้ยังมีวิธีการเลี้ยงกุมารทองอย่างง่ายดาย ได้ผลดี เพื่อให้กุมารทองมอบโชคลาภเงินทองให้กับผู้บูชา ดังต่อไปนี้
รู้จักการให้
การเลี้ยงกุมารทองควรหมั่นเซ่นไหว้ด้วยอาหารคาวหวาน น้ำเป็นประจำและควรเรียกกุมารทองกินข้าวด้วย เพื่อเพิ่มระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น สำหรับของที่นิยมนำมาเซ่นไหว้กุมารทอง โดยขึ้นอยู่กับการตกลงกุมารทองวันว่าจะให้ในวันใดบ้าง! จำนวนเท่าไหร่? แต่โดยทั่วไปมักนิยมให้กันใน “วันโกน” หรือ “วันพระ” เพื่อความสะดวกในการจดจำของผู้บูชา สำหรับของเซ่นไห้วกุมารทอง มีดังต่อไปนี้
· ไข่ต้ม และน้ำเปล่า เป็นเครื่องเซ่นกุมารทองอย่างง่ายๆ ที่ไม่ควรขาด
· น้ำแดง นม
· กล้วย และผลไม้ประเภทต่างๆ
· ของเล่น หรือของรางวัลที่ได้รับปากกับกุมารทองเอาไว้
อย่างไรก็ตาม การถวายของเซ่นไหว้ให้กับกุมารทอง ทางเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายท่านได้บอกว่าสามารถทำการถวายได้ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล โดยไม่มีถูกไม่มีผิดแต่อย่างใด สำหรับการทำความสะอาดจัดเก็บของเซ่นไหว้กุมารทองควรทำหลังจากที่ธูปหมดดอก และของเซ่นเหล่านั้นก็สามารถนำมาทานต่อได้เช่นกัน
รู้จักการรักษาคำพูด
เมื่อขอให้กุมารทองช่วยในเรื่องใด แล้วประสบความสำเร็จตามที่ต้องการก็ต้องรักษาสัจจะสัญญาว่าจะมอบอะไรตอบแทนให้กับกุมารทอง การรักษาสัญญานี้จะช่วยรักษาสัจจะระหว่างผู้เลี้ยงกับกุมารทองเอาไว้อย่างเหนียวแน่นมากยิ่งขึ้น และถ้าหากใครไม่รักษาคำพูดกับกุมารทอง ในครั้งต่อไปกุมารทองก็จะไม่ยอมช่วย หลายคนเชื่อว่าบางครั้งอาจถูกอาคม อาถรรพ์ของกุมารทองเล่นงานด้วยอีกต่างหาก
รู้จักสวดคาถาบูชากุมารทองทุกวัน
ก่อนเข้านอนทุกคืน ควรทำการสวดคาถาบูชากุมารทอง เพื่อช่วยทำให้กุมารทองสงบ มีความอ่อนน้อมเชื่อฟัง และเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์มากขึ้นกว่าเดิม และควรหมั่นพูดคุยเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีกับกุมารทองเอาไว้เสมอ
รู้จักหมั่นทำบุญ
การหมั่นทำบุญยิ่งบ่อยครั้งเท่าใด ผลบุญที่ทำไปก็ยิ่งช่วยเสริมเติมฤทธิ์ของกุมารทองให้มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้คำขอกับกุมารทองสัมฤทธิผลอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
วิธีการทดสอบว่ากุมารทองยังอยู่ในบ้านหรือไม่
สำหรับวิธีการทดสอบเบื้องต้นว่ากุมารทองยังคงสถิตอยู่ในบ้านหรือเปล่าสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งคาถา หรือของเซ่นไหว้ประกอบพิธีกรรมแต่อย่างใด ให้ไปที่หิ้งบูชาของกุมารทอง จากนั้นตั้งจิตสมาธิแล้วทำการถามว่า
“กุมารทองยังอยู่ไหม หากยังอยู่ขอให้กระดิกหู” หรือ “กุมารทองยังอยู่ไหม ถ้ายังอยู่ขอให้ขนลุก” ซ้ำอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นจำนวน 3 รอบ ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ตามที่ตั้งจิตกล่าว แสดงว่ากุมารทองยังคงสิงสถิตอยู่ดีภายในบ้าน
บันทึกการปรากฏตัวของกุมารทองที่มีฤทธิ์เดช
"ขุนแผนกรีดท้องนางบัวคลี่"
กุมารทอง เคยมีการกล่าวถึงเอาไว้ในวรรณคดีไทยชื่อดัง “ขุนช้างขุนแผน” โดยกุมารทองในวรรณคดีเรื่องนี้ เป็น “เด็กผี” ที่เป็นลูกของขุนแผนกับนางบัวคลี่ เมื่อขุนแผนทราบแผนร้ายว่านางบัวคลี่จะลอบวางยาพิษฆ่าตนเอง ด้วยแรงรักปนเปกับความแค้นเมื่อนางบัวคลี่นอนหลับ ขุนแผนจึงได้ใช้มีดทำการผ่าท้องแล้วควักเอาลูกในท้องไปทำพิธีย่างไฟให้แห้งสนิทในโบสถ์พระประธาน ปลุกเสกด้วยอาคมขลังจนลุกขึ้นนั่งได้ ขุนแผนตั้งชื่อว่า “กุมารทอง” ที่คอยคิดตามขุนแผนไปทุกแห่งโดยที่คนอื่นมองไม่เห็นตัว พร้อมกับทำหน้าที่ในการรายงานเรื่องราว เหตุการณ์ต่างๆให้ขุนแผนทราบ ในบางครั้งก็ทำการแปลงร่างเป็นคน ไปเด็กเดินชวนพรายชุมพลที่หนีออกจากย่าไปหาพ่อแม่ที่กาญจนบุรี จนกระทั่งถึงบ้านของขุนแผนอย่างปลอดภัย เป็นต้น แต่ถ้าหากกล่าวถึงกุมารทองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ กุมารทองของ “หลวงพ่อเต๋ วัดสามย่าน จังหวัดนครปฐม” ที่ได้รับการยอมรับอย่างมากว่าขึ้นชื่อในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก
"กุมารทองของ “หลวงพ่อเต๋ วัดสามย่าน"
ภาพจาก : uauction3.uamulet.com
พิธีปลดปล่อยกุมารทอง
ภาพจาก thairath.co.th
ถ้าหากคนที่ทำการบูชากุมารทองแล้วต้องการเลิกเลี้ยง จำเป็นที่จะต้องทำ “พิธีปลดปล่อย” ไม่ควรผลักภาระโดยการทิ้งขว้างกุมารทองเหมือนกับเป็นสิ่งของอย่างเด็ดขาด สำหรับพิธีนี้สามารถขอความช่วยเหลือจากผู้ที่มีคาถาอาคมจากสำนัก หรือให้พระสงฆ์ช่วยในการปลดปล่อยกุมารทองให้เป็นอิสระก็ได้เช่นกัน
ความเชื่อเรื่องกุมารทอง ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและความเชื่อของคนไทยมาอย่างช้านาน ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะเจริญก้าวหน้ามากแค่ไหน หรือวัสดุที่ใช้ปลุกเสกสร้างกุมารทองจะเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด แต่ดูเหมือนเรื่องราวและการยึดมั่นในกุมารทองจะไม่เคยลดน้อยลงไปจากความเชื่อของคนไทยเลยแม้แต่น้อย...