5 ฆาตกรต่อเนื่องสุดโหด ที่ถูกจับเพราะ... โคตรโง่!!!
ฆาตกรฆ่าต่อเนื่อง... ในภาพลักษณ์ของคนทั่วไปมักจะมองว่าเป็นคนที่โหดเหี้ยมและเจ้าเล่ห์ มักวางแผนการหลอกล่อ ปกปิดตัวเอง ทำลายหลักฐานที่ตำรวจจะสามารถตามรอยเพื่อจับกุมได้อย่างแนบเนียน เพื่อที่จะได้ลงมือก่อคดีซ้ำแล้วซ้ำเล่าและหนีไปอย่างลอยนวล ในประวัติศาสตร์มีฆาตกรต่อเนื่องไอคิวสูงมากมายที่ทำเช่นนั้นได้สำเร็จ คดีฆาตกรรมมากมายกลายเป็นปริศนา แต่ในขณะเดียวกันก็มีฆาตกรฆ่าต่อเนื่องจำนวนไม่น้อยที่ถูกจับกุมได้เพราะ “ความโง่เขลา” ของตัวเอง... มาทำความรู้จักกับฆาตกรเหล่านั้นกัน
1.อาร์เธอร์ ชอว์ครอส (Arthur Shawcross)

อาร์เธอร์ ชอว์ครอส ได้รับสมญานามว่า “Genesee River Killer” เป็นฆาตกรฆ่าต่อเนื่องชาวอเมริกันที่มีฐานการล่าสังหารเหยื่ออยู่ที่เมือง Rochester รัฐนิวยอร์ก ที่มุ่งเป้าหมายไปยังเด็กเป็นหลัก ในช่วงแรกของการก่ออาชญากรรมเขาถูกจับกุมตัวได้และถูกตัดสินจำคุก 25 ปี ในข้อหาฆ่าเด็กอายุ 10 ขวบ แต่หลังจากสู้กันในชั้นศาล ฆาตกรเหลี่ยมจัดรายนี้ก็เรียกร้องความเห็นใจจากคณะลูกขุนได้ว่าเขาไม่เป็นภัยคุกคามใครอีกต่อไป ส่งผลให้ได้รับการลดโทษและถูกปล่อยตัวออกมาก่อนกำหนดหลังจากรับโทษจริงเพียง 14 ปี หลังจากนั้น สัตว์ร้ายตนนี้ก็ได้ลงมือสังหารผู้หญิง 12 คน อย่างไร้รูปแบบ แถมยังไม่ทิ้งหลักฐานเอาไว้จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปวดหัวเป็นอย่างมาก

จากคำแนะนำของนักสืบวัยเกษียณ ให้ลองกลับไปซุ่มรอ ณ สถานที่พบศพ ดูเหมือนว่าประสบการณ์ของนักสืบวัยเก๋าจะถูกต้องเป็นอย่างมากเมื่อตำรวจพบอาร์เธอร์กำลังยืนปัสสาวะอยู่ในจุดเกิดเหตุ ตำรวจจึงใช้เฮลิคอปเตอร์เฝ้าระวังติดตามจนกระทั่งถ่ายภาพของเขากำลังนั่ง “กินอาหารกลางวัน” เหนือร่างวิญญาณของเหยื่ออีกคนหนึ่ง ทำให้ตำรวจบุกไปรวบตัวได้สำเร็จและหลังจากนั้นสัตว์ร้ายตนนี้ก็ได้รับการขังลืมในเรือนจำแบบถาวรตลอดชีวิต ต้องขอบคุณความหิวโหยของเขาที่ทำให้ต้องนั่งทานอาหารกลางวัน ไม่เช่นนั้นก็คงจะหนีรอดไปก่อความผิดได้อีกครั้งและอีกครั้ง
2. Richard Kuklinski

ในสายตาของคนทั่วไป Richard Kuklinski เป็นชายวัยกลางคน ฐานะปานกลางที่สามารถพบได้ทั่วไปในรัฐนิวเจอร์ซี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่หลังจากที่เขาถูกจับกุมในปี 1986 ชายแสนธรรมดาคนนี้กลับได้รับการเปิดเผยว่าเป็นหนึ่งใน “นักฆ่าที่น่าขนลุกที่สุด” คนหนึ่งของประเทศ
ก่อนที่เขาจะถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องกุมขมับกับฆาตกรฆ่าต่อเนื่องที่ถูกตั้งสมญานามว่า “มนุษย์น้ำแข็ง” (the Iceman) หลังจากที่มักพบร่างไร้วิญญาณของเหยื่อฆาตกรรมในตู้แช่เย็นอุตสาหกรรม เชื่อว่ามันเป็นวิธีการบิดเบือนเวลาการเสียชีวิตของเหยื่อได้อย่างฉลาดล้ำ ที่กลายมาเป็นหายนะของนักนิติวิทยาศาสตร์อาชญากรรม ณ ช่วงเวลานั้น เป็นอย่างมาก
หลังจากที่มีเหยื่อเกิดขึ้นหลายสิบครั้ง ในที่สุดตำรวจก็ได้ทำการปะติดปะต่อหลักฐานบางส่วน ในขณะเดียวกันฆาตกรสุดโหดก็เริ่มย่ามใจกับความฉลาดของตัวเอง ตำรวจพบว่าริชาร์ดมีการติดต่อเป็นครั้งสุดท้ายกับผู้ที่สูญหายอย่างเป็นปริศนา 5 คน แต่ก็ขาดหลักฐานที่จะจับได้อย่างอยู่หมัด จนกระทั่งตำรวจขอให้สายลับ ATF แฝงตัวไปเป็นอาชญากรข้างถนน โดยมีพื้นหลังเป็นนักฆ่าที่ชื่นชอบในการสังหารผู้คน แต่ก่อนที่ตำรวจจะทันเขียนบทละครสร้างอุบายเพื่อหว่านล้อม ริชาร์ดกลับคิดว่าตัวเองได้พบเกลอที่มีรสนิยมเดียวกันทำให้เริ่มโอ้อวดกับวิธีการฆ่า “สุดสร้างสรรค์” ของตัวเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกคำพูดทั้งหมดเอาไว้และส่งเขาไปโม้ต่อหลังลูกกรงกับเพื่อนนักโทษในเรือนจำแบบตลอดกาล
3.อิสราเอล คีย์ส (Israel Keyes)

อิสราเอล คีย์ส เป็นอาชญากรที่แท้จริงที่มีคดีติดตัวยาวเป็นหางว่าว ไม่ว่าจะเป็นการฆาตกรรมต่อเนื่องง ข่มขืน วางเพลิงและปล้นธนาคาร เป็นต้น การฆาตกรรมโดยฝีมือของอิสราเอล คีย์ส ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ 3 ครั้ง แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าจำนวนการลงมือฆ่าแท้จริงน่าจะมากกว่า 8 ครั้ง เพราะฆาตกรรายนี้ให้การรับสารภาพหลังจากที่ถูกจับกุมว่าได้ฆ่าคนอีก 4 คนในกรุงวอชิงตัน 1 คนในนิวยอร์กและสถานที่อื่นที่ตำรวจไม่ได้ตั้งข้อหา
ในปี 2012 เขาได้ทำการลักพาตัวสาวน้อยวัย 18 ปี Samantha Koenig มาทำการข่มขืนและสังหารในวันรุ่งขึ้น ก่อนจะทำการเรียก “ค่าไถ่” จากครอบครัวของเธอเป็นจำนวน 30,000 ดอลล่าสรัฐ โดยให้โอนไปที่บัตรเดบิตของเหยื่อสาว แต่เห็นได้ชัดว่าเขาโง่พอที่จะไม่รู้ว่าตู้ ATM ได้รับการติดตั้งกล้องเอาไว้และทางธนาคารก็ได้ทำการบันทึกธุรกรรมทางการเงินเอาไว้เสมอ หลังจากนั้นเขาก็ใช้บัตรของเหยื่อใช้จ่ายระหว่างเดินทางไปทั่วรัฐด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศและบัตรใบนี้เอง ที่กลายมาเป็น “เงื่อนรัดคอ” ของเขาในภายหลัง สุดท้ายแล้วจุดจบของอิสราเอล คีย์ส คือ “ความตาย” เขาทำการฆ่าตัวตายในระหว่างการรอพิจารณาคดี
4.เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ (Jeffrey Dahmer)

เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ เป็นฆาตกรโหดที่เหี้ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ในระหว่างปี 1978 – 1991 เขาลงมือข่มขืนและสังหารผู้ชายไปกว่า 17 คน จนกระทั่งถูกจับกุมตัวได้สำเร็จในปี 1991 หลังจากที่ล่อลวงให้ Tracy Edwards วัย 32 ปี มาที่อพาร์ตเมนต์ของ โดยให้เหตุผลว่าต้องการถ่ายภาพลับเฉพาะ หลังจากที่หลอกล่อใส่กุญแจมือให้กับเหยื่อสำเร็จ เจฟฟรีย์ ค่อยๆใช้มีดปลายแหลมกดลงบนหน้าอกของเหยื่อและเล่าแผนว่ากำลังจะลงมือสังหารอย่างโหดเหี้ยม
โชคดีที่เอ็ดเวิร์ดควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เขาแสร้งพูดกับฆาตกรโรคจิตตรงหน้าด้วยเสียงอันเรียบเฉยว่าพวกเขายังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ความไม่สับสน หวาดกลัวต่อความตายสร้างความสับสนให้กับฆาตกรที่หลงใหลในเสียงกรีดร้องเป็นอย่างมาก จนทำให้ให้บางครั้งเขาก็ละสายตาไปจากเหยื่อเพื่อหันไปมองโทรทัศน์และพึมพำกับตัวเองด้วยบทสวดแสดงความเคารพต่อซาตาน!
หลังจากซื้อใจฆาตกรโหดได้ เอ็ดเวิร์ดขอให้เจฟฟรีย์ปลดกุญแจมือให้เพื่อไปเข้าห้องน้ำ เมื่อเครื่องพันธนาการถูกปลด เขาใช้โอกาสทองนี้ชกเข้าไปที่หน้าของฆาตกรเต็มแรงและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับตำรวจสองนาย พวกเขางุนงงเป็นอย่างมากที่พบเจฟฟรีย์ยังคงนั่งอยู่ในห้อง จากการตรวจค้นพบว่าในลิ้นชักของเขาเต็มไปด้วยรูปถ่ายโพลารอยด์ชิ้นส่วนอวัยวะของมนุษย์
5.เดนนิส เรเดอร์ (Dennis Rader)

เดนนิส เรเดอร์ ได้รับฉายาว่า “The BTK Killer” เป็นฆาตกรฆ่าต่อเนื่องชาวอเมริกัน ที่ทำการสังหารผู้คนในระหว่างปี 1974-1991 มีคนตกเป็นเหยื่ออย่างน้อย 10 ราย ในเมืองวิชิตา รัฐแคนซัส ฆาตกรรายนี้มีความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ทำการส่งจดหมายยั่วโมโหและเต็มไปด้วยคำเหน็บแนมไปยังตำรวจ รวมไปถึงหนังสือพิมพ์ พร้อมกับอธิบายรายละเอียดในการก่ออาชญากรรมอันเลวร้ายของตัวเองเป็นเวลานานถึง 30 ปี
อย่างไรก็ตาม การเรียกร้องความสนใจที่มากจนเกินความเกินความพอดีจากตำรวจและสื่อมวลชน ทำให้ฆาตกรที่ดูเหมือนจะ “ด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่” แต่ยังพยายามจะแสดงตัวเพื่อเรียกร้องความสนใจจากตำรวจ ได้ส่งจดหมายถามตำรวจว่าการส่งข้อมูลผ่านฟล็อปปี้ดิสก์ สามารถติดตามได้หรือเปล่า!? ตำรวจประหลาดใจกับคำถามดังกล่าวเป็นอย่างมาก แน่นอนตำรวจตอบกลับไปว่าการฟล็อปปี้ดิสก์ติดตามไม่ได้ แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องโกหก!!!
แต่... เรื่องโกหกคำโตกลับได้ผล หลังจากที่ได้รับฟล็อปปี้ดิสก์จากฆาตกรโหดไม่นาน ตำรวจก็ใช้มันเป็นเบาะแสติดตามกลับไปและพบกับหลักฐานจำนวนมากมายที่มัดตัวให้ เดนนิส เรเดอร์ ดิ้นไม่หลุดจากความผิดที่ก่อขึ้น อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงสงสัยว่าทำไม่ตนเองถึงถูกเปิดโปงได้ แต่เมื่อตำรวจบอกว่าเบาะแสที่สาวตัวมาถึงเขาคือฟล็อปปี้ดิสก์ เขาทำตามโตและบอกกับตำรวจว่า
“ไหนบอกว่ามันติดตามไม่ได้ คุณจะโกหกทำไม!?”
ดูเหมือนว่าเขาจะยังคงไม่เชื่อว่าผู้รักษากฎหมายจะยอมโกหกเพื่อจับกุมเขา นักฆ่าที่หลบซ่อนตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมมาตลอด 30 ปี ที่เกือบจะได้เป็นหนึ่งในตำนานของนักฆ่าต่อเนื่องปริศนา ที่ตำรวจไม่สามารถปิดคดีได้....
