ทามาโมะ โนะ มาเอะ (Tamamo no Mae) เปิดตำนานจิ้งจอกเก้าหาง ปีศาจแห่งการทำลายล้างที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
ทามาโมะ โนะ มาเอะ (Tamamo no Mae) เป็นหนึ่งในภูตจิ้งจอกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และยังเป็นปีศาจที่ทรงพลังมากที่สุดตนหนึ่งเท่าที่เคยมีบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ นอกเหนือจากพลังเหนือธรรมชาติอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทามาโมะ โนะ มาเอะยังเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและความหลงใหลในพลังอำนาจอย่างมาก
เชื่อกันว่าทามาโมะ โนะ มาเอะปรากฏตัวในประเทศญี่ปุ่นในสมัยเฮอัน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ประสบความสำเร็จในการสังหารจักรพรรดิเพื่อเข้าสืบทอดตำแหน่งอย่างที่หวังเอาไว้ แต่การกระทำของมันก็ทำให้ประเทศญี่ปุ่นต้องสั่นสะเทือน นำไปสู่การเกิดสงครามกลางเมืองนองเลือดที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ทำให้ทามาโมะ โนะ มาเอะได้รับการขนานนามว่าเป็น “หนึ่งในสามภูตผีผู้น่ากลัวของญี่ปุ่น”
ตำนานที่น่าสนใจของทามาโมะ โนะ มาเอะ
ทามาโมะ โนะ มาเอะ ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้เมื่อ 3,500 ปีก่อน ในประเทศจีน ไม่มีใครรู้ว่ามันใช้ชีวิตวัยเด็กอย่างไร แต่ดูเหมือนว่ามันจะได้รับพลังเหนือธรรมชาติจนกลายมาเป็นแม่มดที่ทรงพลัง หลังจากนั้นหลายร้อยปีต่อมา มันก็กลายมาเป็นจิ้งจอกที่มีหน้าสีขาว ขนสีทองและมีเก้าหาง
เชื่อกันว่าถ้าหากภูตจิ้งจอกยิ่งมีจำนวนหางมากเท่าไหร่ก็จะทรงพลังอำนาจมากเท่านั้น นอกจากนี้ทามาโมะ โนะ มาเอะยังเต็มไปด้วยไหวพริบและรู้จักการใช้เสน่ห์ในการสร้างอำนาจด้วยการเข้าไปอยู่ในสถานะที่สามารถมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของโลกได้อย่างแนบเนียน
ในสมัยราชวงศ์ซาง ทามาโมะ โนะ มาเอะ รู้จักกันในชื่อของ “ดาจิ” (Daji) หญิงสาวสวยงามที่กลายมาเป็นสนมคนโปรดขององค์จักรพรรดิ ในช่วงเวลานั้น เธอเป็นผู้หญิงที่เป็นต้นแบบแห่งความเลวทรามที่ชอบดูการทรมานและคิดค้นวิธีการทรมานมนุษย์ให้ได้รับความเจ็บปวดมากมาย ในที่สุดเธอก็กลายมาเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ราชวงศ์ซางล่มสลาย อย่างไรก็ตาม ทามาโมะ โนะ มาเอะสามารถหลบหนีการถูกประหารชีวิตและหนีไปยังอาณาจักรมากาเดยะในประเทศอินเดีย 1046 ปี ก่อนคริสต์ศักราชได้อย่างง่ายดาย
ในอาณาจักรแห่งนี้ มันได้ปลอมตัวเป็น “ท่านหญิงคาโย” (Kayō) ผู้งดงามและไปต้องตากษัตริย์ “กัลมาชาภาดา” เข้าจนกระทั่งกลายมาเป็นมเหสีไปในที่สุด มันใช้ความงามและเสน่ห์ของตัวเองครอบงำกษัตริย์จนทำให้เขาหลงเชื่อทำเรื่องเลวร้ายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการกินเนื้อเด็ก สังหารนักบวชและแพร่กระจายความหวาดกลัวให้กับประชาชนไปทั่วอาณาจักรอย่างที่ไม่สามารถบรรยายได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นกษัตริย์ได้หันไปนับถือศาสนาพุทธ ทำให้มันเริ่มหมดความสำคัญเป็นเหตุให้ทามาโมะ โนะ มาเอะหนีกลับไปเยือนประเทศจีนอีกครั้ง
ทามาโมะ โนะ มาเอะ หวนกลับมาแผ่นดินใหญ่ตรงกับสมัยราชวงศ์โจว ช่วง 779 ปี ก่อนคริสต์ศักราช คราวนี้มันปลอมตัวโดยใช้ชื่อว่า “บาวซิ” (Bao Si) พร้อมกับได้เป็นสนมของจักรพรรดิโหย่ว ก่อนที่จะใช้มารยาทำให้จักรพรรดิยอมปลดพระมเหสีองค์เดิมลงจากตำแหน่งและขึ้นสืบทอดแทน
อย่างไรก็ตามแม้มันจะปลอมตัวเป็นสาวงามหยดย้อย แต่มันก็เป็นโฉมงามที่ไม่ค่อยยิ้ม องค์จักรพรรดิที่ลุ่มหลงมเหสีอย่างโงหัวไม่ขึ้นจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้รอยยิ้มปรากฎ ถึงขนาดที่กระทำการที่เหี้ยมโหดอย่างมากกับประชาชน แต่เมื่อทำเช่นนั้นในที่สุดขุนนางก็ละทิ้งเขา ในที่สุดองค์จักรพรรดิก็ถูกสังหาร ส่วนมเหสีผู้ชั่วร้ายก็ถูกจับกุมตัว แต่มันก็หนีรอดไปได้อีกครั้ง พร้อมกับซ่อนตัวเงียบเป็นเวลานานหลายปี
ข่าวคราวเกี่ยวกับทามาโมะ โนะ มาเอะเงียบหายไปจนถึงช่วง 700 ปี ก่อนคริสตกาล คราวนี้มันปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งเป็นเด็กสาวอายุ 16 ใช้ชื่อว่า “วากาโม” ที่หลอกล่อผู้นำคณะทูตของประเทศญี่ปุ่นคนที่ 10 “คิบิโนะ มากิอาเบะ โนะ มากามาโร” ที่มาประจำการในประเทศจีนสมัยราชวงศ์ถัง ที่กำลังเตรียมตัวจะกลับประเทศญี่ปุ่น มันขอขึ้นเรือกลับไปกับพวกเขาด้วยและซ่อนตัวหลังจากนั้นอย่างยาวนานอีกกว่า 300 ปี
ในช่วงทศวรรษที่ 1090 ทามาโมะ โนะ มาเอะ ปรากฏตัวอีกครั้ง คราวนี้มันแปลงกายเป็นทารกที่ถูกทิ้งเอาไว้ข้างถนน สามีภรรยาคู่หนึ่งเดินทางผ่านมาพบเข้าจึงได้ช่วยเหลือนำมันไปเลี้ยงดูในฐานะของลูกสาว พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่า “มิคุซึเมะ” ที่เติบโตมาเป็นหญิงสาวที่สง่างามทำให้ต้องตาจักรพรรดิโทบะและให้เข้ามาเป็นเด็กสาวรับใช้ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ แถมยังแสดงความสามารถอันโดดเด่นโดยเฉพาะในเรื่องของบทกวี จึงไม่น่าแปลกใจที่มันจะกลายมาเป็นคนโปรดได้อย่างง่ายดาย
ในขณะที่ทำงานในราชสำนักมันก็ทำตัวราวกับฟองน้ำดูดความรู้ ไม่ว่าใครจะถามอะไรมันก็ตอบได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดนตรี ประวัติศาสตร์ ของคลาสสิกจากประเทศจีน นอกจากนี้การแต่งกายยังงดงามเสื้อผ้าสะอาดไม่เคยยับแถมยังมีกลิ่นหอมหวาน เมื่อโตเป็นสาวเธอก็งดงามอย่างมาก จนถึงขนาดที่ได้รับการขนานนามว่ามีใบหน้าที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ถ้าหากใครเห็นก็หลงรักเธอ
หลังจากอายุได้ 18 ปี ช่วงฤดูร้อน ทามาโมะ โนะ มาเอะ ได้รับการบรรยายบทกวีพร้อมการบรรเลงดนตรีเพื่อเป็นเกียรติ ในระหว่างนั้นอยู่ๆก็มีพายุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ณ ราชวัง ทำให้เทียนทั้งหมดในห้องดับลง ตอนนั้นเองที่เธอประกาศว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือสัญญาณจากเบื้องบนให้มีชีวิตที่ดี ทำให้ขุนนางทุกคนประทับใจในไหวพริบเป็นอย่างมากโดยเฉพาะองค์จักรพรรดิ ในที่สุดมันก็ได้เป็นพระมเหสีในที่สุด
เกือบจะในทันทีที่มันเข้ารับตำแหน่งมเหสี องค์จักรพรรดิก็ล้มป่วยลงอย่างปริศนา ไม่มีแพทย์คนใดสามารถระบุสาเหตุได้ ในที่สุดจึงต้องเชิญองเมียวจิที่มีชื่อเสียงมาช่วยเหลือ “อาเบะ โนะ ยาซูนาริ” ได้เข้ามาช่วยทำนายโชคชะตาขององค์จักรพรรดิ หลังจากที่นักบวชขั้นสูงสุดภาวนาสวดมนต์ให้ไม่ได้ผล เขาทำนายแล้วพบว่าที่จริงแล้วทามาโมะ โนะ มาเอะเป็นภูตจิ้งจอกปลอมตัวมาและทำการย่นอายุของจักรพรรดิให้น้อยลงเพื่อหวังปกครองประเทศแทน
องค์จักรพรรดิลังเลที่จะเชื่อในคำทำนาย แต่ก็ตกลงที่จะทำการทดสอบทามาโมะ โนะ มาเอะเพื่อให้มั่นใจ ในขณะที่ยาซาริได้เตรียมพิธีกรรมต่ออายุให้กับองค์จักรพรรดิ และเกลี้ยกล่อมให้มันเข้าร่วมด้วยการบอกว่าจะทำให้รับการชื่นชมจากศาลมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีในภายหลังหากได้ครองอำนาจทำให้ในที่สุดมันก็ยอมตกลง
ในระหว่างการทำพิธีกรรมทามาโมะ โนะ มาเอะ แต่งตัวสวยงามมากกว่าปกติ และวางตัวสมบทบาทได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ในขณะที่มันกำลังจะโบกมือให้กับเจ้าหน้าที่ในพิธี มันก็หายตัวไปทำให้คำทำนายที่ว่าที่จริงแล้วมันเป็นภูตจิ้งจอกปลอมตัวมาได้รับการเติมเต็มและทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นอย่างมาก
หลังจากนั้นไม่นานนักเริ่มมีข่าวว่ามีผู้หญิงและเด็กมากมายหายตัวไปอย่างลึกลับในเมืองสุนาโนะ จังหวัดชิโมสึเกะ นักเวทย์หลวงลงความเห็นว่าทามาโมะ โนะ มาเอะ คือต้นเหตุของเหตุการณ์นี้ พร้อมกับคำแนะนำว่าจะต้องกำจัดมันที่เป็นรากเหง้าแห่งความชั่วร้ายเสียให้สิ้นซาก
องค์จักรพรรดิได้เรียกรวมตัวเหล่านักรบที่เก่งกาจที่สุดจากทั่วแผ่นดินญี่ปุ่น ในจำนวนนั้นมี “คาสึ ซาโนะสุเกะ “และ “มิอุระ โนะสุเกะ” เป็นผู้นำทัพจำนวน 80,000 คน ไปตามหาทามาโมะ โนะ มาเอะ พวกเขาพบมันอย่างรวดเร็วและไล่ตามอย่างไม่ลดละวันแล้ววันเล่า แต่จิ้งจอกเก้าหางก็ใช้พลังเหนือธรรมชาติกับไหวพริบในการหลบหนีได้ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างง่ายดายทำให้เหล่านักรบเริ่มหมดกำลังใจ อีกทั้งยังหงุดหงิดกับติดตามที่ราวกับไม่มีวันจบสิ้น แต่สองผู้นำทัพไม่คิดเช่นนั้น พวกเขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ฝึกฝนตัวเองมากขึ้น ศึกษากลยุทธ์มากขึ้น จนกระทั่งในที่สุดพวกเขาก็สามารถจับทางของทามาโมะ โนะ มาเอะได้สำเร็จ
คืนหนึ่งมิอุระได้ฝันว่ามีเด็กสาวที่งดงามมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาและร้องๆได้อ้อนวอนขอชีวิต เพราะวันพรุ่งนี้เธอจะต้องเสียชีวิตเพื่อเขาอย่างน่าสงสาร แต่มิอุระใจแข็งพอที่จะปฏิเสธ เมื่อรุ่งเช้ามาเยือนพวกเขาก็ออกตามหาทามาโมะ โนะ มาเอะแล้วจับมันได้สำเร็จ ด้วยฝีมือของการยิงธนูของมิอุระที่ยิงศรออกไปสองดอก ดอกแรกปักเข้าที่สีข้าง ส่วนอีกลูกปักเข้าที่คอของทามาโมะ โนะ มาเอะทำให้มันตกลงมาบนพื้นดิน ในจังหวะนั้นเองที่คาสึก็ได้เหวี่ยงดาบคู่กายลงไปปลิดชีพของทามาโมะ โนะ มาเอะได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าความตายจะไม่สามารถหยุดยั้งความชั่วร้ายของทามาโมะ โนะ มาเอะเอาไว้ได้ หนึ่งปีหลังจากนั้นองค์จักรพรรดิก็สิ้นพระชนม์ โดยไร้ผู้สืบทอด อีกหนึ่งปีต่อมาพระมเหสีก็เสียชีวิต วิกฤตการณ์นี้ทำให้ขุนนางแบ่งออกเป็นสองตระกูลใหญ่แล้วทำการรบพุ่งกันจนนำไปสู่มหาสงครามเก็นเป อันเป็นจุดจบของสมัยเฮอัน กระจายอำนาจไปสู่เหล่าโชกุนในยุคแรก และวิญญาณของทามาโมะ โนะ มาเอะก็ยังคงสิงสถิตหลอกหลอนคร่าทุกชีวิตที่เข้าไปใกล้หินก้อนใหญ่ ใกล้กับจุดที่มันถูกลูกศรตกลงมาบนพื้นโลกต่อไปอย่างยาวนานหลายปี...
มารู้จักกับเมืองผีสิง Bodie ชุมชนทำเหมืองที่กลายมาเป็นเมืองร้างสุดเฮี้ยน! ใครมือบอนหยิบของไปไม่ส่งคืนระวังเจอดี!