ความสัมพันธ์ของมนุษย์หมาป่ากับวันคริสต์มาส
คริสต์มาสถือว่าเป็นหนึ่งในช่วงเวลาแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนต่างมีความสุขที่สุดของปี เป็นช่วงเวลาที่เพื่อน ครอบครัว เพื่อนร่วมงานและคนอื่น ๆ ได้เข้าร่วมงานฉลองส่งท้ายปีเก่าด้วยกัน แต่ในขณะเดียวกันค่ำคืนแห่งคริสต์มาสเองก็มีความสัมพันธ์กับการปรากฏตัวของเหล่ามนุษย์หมาป่าด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าแปลกใจที่คริสต์มาสกลับเป็นวันที่มีมนุษย์หมาป่ามากมายออกมาให้เห็นไม่ใช่ในวันฮัลโลวีนอย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกัน
มีตำนานพื้นบ้านและนิทานมากมายที่ได้รับการบันทึกเอาไว้เกี่ยวกับประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์หมาป่ากับวันคริสต์มาสที่น่าสนใจ เช่น บันทึกของ “โอลาอุล แมกนุส” (Olaus Magnus) อาค์บิชอปชาวสวีเดนผู้ที่ได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่ามากกว่า 2-3 เรื่อง ที่ยกมากล่าวถึงนั้นเป็นผลงานของเขาในปี 1555 ชื่อเรื่อง “ประวัติศาสตร์ชาวเหนือ” (The History of the Northern Peoples) ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าอยู่อย่างมากมาย
เรื่องราวที่น่าสนใจคือ มนุษย์หมาป่าดูเหมือนจะมีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในช่วงวันคริสต์มาส เช่น เหล่ามนุษย์หมาป่าในลิโวเนียจะพากันกลายร่าง ตระเวนไปรอบ ๆ หมู่บ้าน บุกค้นห้องใต้ดินเพื่อทำการดื่มเบียร์และเหล้ามี้ด (Mead) ตามบันทึกว่า
“มีหมาป่าจำนวนมหาศาลรวมตัวกัน พวกมันกลายร่างจากมนุษย์และในคืนนั้นก็พากันโหมกระหน่ำอย่างดุเดือดจนชาวบ้านต้องทนทุกข์ทรมานจากพวกมันมากกว่าที่เคยได้รับจากหมาป่าตามธรรมชาติ มนุษย์หมาป่าเหล่านี้พังประตูและลงไปในห้องใต้ดิน ซึ่งพวกมันดื่มเบียร์และเหล้ามี้ด”
หลังจากเมามาย พวกมันก็จะพากันไปรวมตัวที่กำแพงหินสูง ผลัดกันกระโดดข้ามกำแพงเพื่อดูว่าใครจะสามารถกระโดดได้สูงมากที่สุด (มนุษย์หมาป่าที่อ่อนแอที่สุดอาจถูกตัวอื่น ๆ จับกิน) ซึ่งเรื่องราวนี้ได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมากถึงขนาดที่ได้มีการสร้างรูปปั้นของมนุษย์หมาป่าที่กำลังรอการแข่งขันกระโดดข้ามกำแพงในการจัดแสดงงานศิลปะในชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ในหลายประเทศในทวีปยุโรป เช่น อิตาลี โปแลนด์ เยอรมนีและบางพื้นที่ มีความเชื่อว่าการเกิดในช่วงคริสต์มาส โดยเฉพาะวันคริสต์มาสอีฟและวันคริสต์มาสจะทำให้บุคคลนั้นกลายเป็นมนุษย์หมาป่าได้ ในขณะที่บางพื้นที่ในประเทศโรมาเนียเชื่อว่าการตั้งครรภ์ในวันคริสต์มาสก็จะทำให้เด็กกลายมาเป็นมนุษย์หมาป่าเช่นกัน
ประเด็นที่มนุษย์หมาป่าจะปรากฏตัวในวันคริสต์มาสมากกว่าช่วงเวลาอื่นของปีอาจถูกสนับสนุนด้วยแนวคิดว่าโลกมนุษย์และโลกวิญญาณจะมีเส้นแบ่งเขตที่เบาบางลงกว่าปกติ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้มนุษย์หมาป่าสามารถปรากฏตัวขึ้นมากกว่าปกติ
แนวคิดนี้ได้นำไปสู่ความเชื่อเกี่ยวกับ “เด็กขาพิการ” ผู้ที่จะเดินทางไปทั่วดินแดนประเทศโบลิเวีย (ความเชื่อช่วงปี 1560) เขาจะทำการเรียกหาผู้คนแล้วทำการเปลี่ยนคนเหล่านั้นให้กลายเป็นหมาป่าที่ออกล่าวัวและแกะ การกลายร่างดังกล่าวจะกินระยะเวลานาน 12 วัน (12 วันในช่วงเทศกาลคริสต์มาส) เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวผู้คนเหล่านั้นก็จะกลับคืนสู่ร่างของมนุษย์อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่มนุษย์หมาป่าทุกตนที่เป็นอันตราย บางทีพวกมันอาจจะเพียงแค่อยากที่จะทำการดื่มเหล้าและฉลองปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงเท่านั้น...
จูเมน (Jūmen) ภูตผีญี่ปุ่นแสนอัปลักษณ์ ที่มีใบหน้าบูดบึ้งตลอดเวลา