เหล่านักล่าแม่มดในตำนาน
การตามล่าแม่มดในช่วงยุคกลาง กลายมาเป็นกิจกรรม “ล่ามนุษย์” สุดโปรดของเหล่า “เพียวริแทน” หรือกลุ่มผู้เคร่งศาสนา เรียกได้ว่ามีการปลุกความวิปริตดิบเถื่อน ที่ซุกซ่อนของมนุษย์ออกมา ด้วยการอ้าง ว่าทำเพื่อพระเจ้า แถมยังเป็นสิ่งที่สามารถทำได้อย่างชอบธรรม ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวกฏหมาย แถมยังได้รับความเคารพจากคนทั่วไปอีกต่างหาก จึงไม่น่าแปลกใจนัก ที่ในยุคนี้ มีนักล่าแม่มดถือกำเนิดขึ้นมาอย่างมากมาย แม้คนส่วนใหญ่อ้างว่าทำเพื่อพระเจ้า เพื่อความยุติธรรม แต่บางคนทำด้วยเหตุผลที่ดำมืดมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการแก้แค้น หรือแม้แต่ทำเพื่อ “เงิน” ในบทนี้ ผู้เขียนอยากขอพาคุณผู้อ่าน ไปทำความรู้จักกับเหล่านักล่าแม่มด ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่ปรากฏตัวขึ้นจริงๆ ในประวัติศาสตร์กันครับ
กลุ่มของผู้ทำการสอบสวนแม่มดอย่างเป็นทางการ
ผู้ที่ทำหน้าที่สอบสวน ผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นแม่มดอย่างเป็นทางการ โดยส่วนใหญ่มักเป็นทางการท้องถิ่น หรือคณะผู้ดำเนินการปราบปรามจากส่วนกลางที่ ถูกแต่งตั้งจากพระสันตะปาปา แห่งศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกพวกเขาถูกเรียกกันว่า “สำนักศักดิ์สิทธิ์” (INQUISITION) ที่ได้รับการแต่งตั้งจากองค์สันตะปาปา นอกจากการทำหน้าที่สอบสวนแล้ว คนกลุ่มนี้ ยังควบตำแหน่งผู้พิพากษา และเพชฌฆาตไปพร้อมกันอีกด้วย
เหล่านักล่าแม่มดที่มีตัวต้นอยู่จริงในประวัติศาสตร์
Martin Luther
เหล่านักล่าที่คอยทำการค้นหา จับกุม ลากตัวแม่มดมาลงโทษด้วยการเผาทั้งเป็น ที่โดดเด่นในประวัติศาสตร์มีอยู่หลายคนทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น สังฆนายกคนแรกของ ศาสนาคริสต์ นิกายเชิร์ช ออฟ อิงลันด์ (Church of England) ในพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แห่งประเทศอังกฤษ ที่ให้คำแนะนำแก่เหล่าสาวกของเขาว่า “เจ้าต้องสอบสวนทุกคนที่รู้ว่าใช้เวทมนตร์ คุณไสย พยากรณ์ หรือคำสาปแช่งอื่นๆที่เกิดจากปีศาจ”
มาร์ติน ลูเธอร์ (Martin Luther) นักต่อต้านศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก และเป็นผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหวของนิกายโปรเตสแตนต์ทั้งหมด ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือของตัวเอง ต่อแนวคิดในการล่าแม่มดที่เด็ดขาดว่า “ข้าจะไม่ปรานีต่อเหล่าแม่มด ข้าจะเผาพวกมันให้สิ้นซาก...” จีงไม่น่าแปลกใจ ที่ในช่วงยุคกลางของศตวรรษ์ที่ 15 นักล่าแม่มดเหล่านี้ ถูกยกย่องบูชาราวกับวีรบุรุษในสายตาของชาวบ้านที่หวาดกลัวเหล่าแม่มดอย่างมากเลยทีเดียว สำหรับนักล่าแม่มด สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 พวก ใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้
นักล่าแม่มดสามัญชน (Witchfinder General)
1.นักล่าแม่มด: แมธธิว ฮอปกินส์ (Matthew Hopkins)
แมธธิว ฮอปกินส์ เป็นหนึ่งในนักล่าแม่มดตัวยง ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และฉาวโฉ่มากที่สุดของประเทศอังกฤษ ใน ค.ศ.17 เขาล่าแม่มดอย่างเมามันไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะในแคว้นเอสเสกซ์ ก่อนมาทำหน้าที่ตามล่าแม่มดแบบเต็มตัว เขาเคยมีอาชีพเป็นทนายที่ไม่ประสบความสำเร็จมาก่อน หลังจากมองหารายได้เสริม ไม่นานนักก็พบว่า การล่าแม่มด เป็นแหล่ง “รายได้ชั้นดี” เนื่องจากช่องว่างของกฏหมายสุดคลั่ง ที่เอื้อให้การล่าแม่มดเป็นไปได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เขากับพรรคพวกทำการแขวนคอแม่มดไปถึง 60 ราย ภายในปีเดียว นอกจากนี้ยังได้อ้างว่า ตลอดระยะเวลา 9 ปี ในการตามล่าแม่มด เขาสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยกว่า 4,000 คน ถ้าหากคำกล่าวอ้างนั้นเป็นจริง ย่อมหมายความว่า เขาได้ทำการสังหารคนไปแล้วกว่า 4,000 คน เนื่องจากคนที่เขาจับกุมไม่เคยมีใครเป็นอิสระอีกเลย
เหตุผลที่ทำให้ ฮอปกินส์ ตามล่าแม่มดอย่างดุดัน มาจากเงินรางวัลในการนำจับกุมแม่มด เพื่อนำไปขึ้นศาล ในราคาคนละ 20 ชิลลิ่ง ต่อมาในภายหลังมีการจับได้ว่าเขาทำการตรวจหาสัญลักษณ์ของปีศาจด้วยกลแหกตา ด้วยการใช้กริชกลเล่มหนึ่งที่ใบมีดสามารถเลื่อนกลับลงไปในด้ามได้เหมือนกับที่นักมายากลนิยมใช้กัน แทงลงไปในร่างกายของผู้ถูกกล่าวหา เมื่อผู้ถูกกล่าวหาถูกแทงจนมิดด้ามแต่กลับไม่แสดงอาการเจ็บปวดใดๆเลย หลักฐานนั้นก็มากเพียงพอแล้วที่จะประกาศว่าคนผู้นั้น คือ แม่มด
นอกจากมายากลแหกตาดังกล่าวแล้ว แมธธิว ฮอปกินส์ ยังทำการหาหลักฐานผูกมัดแม่มดที่ตัวเองสงสัย ด้วยการแอบซุ่มดูบ้านของคนเหล่านั้น ขอเพียงแค่มีสัตว์ต่างๆที่คุ้นเคยกันดี อย่างเช่น แมว แมลงวัน หรือตัวด้วง เป็นต้น เดินเข้าบ้าน พวกเขาก็ไม่รีรอที่จะบุกเข้าจับกุม แถมเขายังมีชื่อเสีย ชื่นชอบการทรมานแม่มดที่จับกุมได้ ด้วยการบังคับให้อดนอน และเดินตลอดทั้งคืน โดยให้เหตุผลว่า ความเหนื่อยล้าทำให้แม่มดไม่สามารถสำแดงเดชได้ ยังไม่ร่วมวิธีการทรมานแบบสุดเหี้ยม เพื่อให้เหยื่อเคราะห์ร้ายเหล่านี้ทำการรับสารรภาพ อย่างเช่น การจับกดน้ำ เพื่อที่เขาจะได้โกยเงินใส่กระเป๋าได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
กว่าที่กฎหมายของอังกฤษ และสก็อตแลนด์ที่ต่อต้านวิชามนต์ดำจะยกเลิกไปใน ค.ศ.1736 ก็มีผู้บริสุทธิ์ที่ถูกตัดสินว่าเป็นแม่มด และถูกนำไปประหารด้วยความเหี้ยมโหดจำนวนหลายร้อยคนด้วยฝีมือของเขา ในบั้นปลายชีวิตของนักล่าแม่มดชื่อเสียงฉาวโฉ่คนนี้มีบันทึกไม่มากนัก หนึ่งในข่าวลือที่น่าสนใจคือ ตัวฮอปกินส์ ได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดเช่นกัน ทำให้เขาต้องทิ้งตัวตน และหลบเร้นซ่อนตัวหายไปอย่างไร้ร่องรอยในที่สุด
2.นักล่าแม่มด:จอห์น สเตียรนี่ (John Stearne)
จอห์น สเตียรนี่ เป็นเพื่อนร่วมงานของแมธธิว ฮอปกินส์ นักล่าแม่มดผู้เลื่องชื่อในช่วงสงครามกลางเมืองของประเทศอังกฤษ เขามีชื่อเสียงเป็นรู้จักกันดีในฐานะฉายา “นักล่าแม่มด” และ “หนามที่คอยทิ่มแทงแม่มด” เหตุผลที่ทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยของฮอปกินส์ เริ่มต้นในปี เมื่อ ค.ศ.1645 ด้วยการกล่าวหาคน 29 คน ใน Chelmsford ประเทศแคนาดา ว่าเป็นผู้ฝักใฝ่ในลัทธิซาตาน ผู้ที่ถูกกล่าวหา 4 คนเสียชีวิตในคุกก่อนที่จะมีการพิจารณาคดี 16 คน ถูกแขวนคอ ที่เหลืออีก 9 คนหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา และถูกปล่อยตัวเนื่องจากผ่านการทดสอบความบริสุทธิ์ของจิตวิญญาณ หลังจากที่ฮอปกินส์ เสียชีวิตได้ 9 ปี จอห์น สเตียรนี่ ได้เดินทางไปที่ฟาร์มของฮอปกินส์ และเขียนบันทึกยืนยันว่าเวทมนตร์คาถานั้นมีอยู่จริง
นักล่าแม่มดระดับนักบวช ผู้พิพากษา และเจ้าเมือง
1.นักล่าแม่มด:Balthasar von Dernbach
เจ้าชายผู้ควบตำแหน่งเจ้าอาวาสของเมือง Fulda ในประเทศเยอรมันนี เป็นหนึ่งในนักล่าแม่มดที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่มากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ เขาได้ทำการล่าแม่มดในระหว่างปี ค.ศ.1603-1606 จับกุม กวาดต้อน และจัดการสังหารผู้ต้องสงสัยว่าเป็นแม่มดอย่างบ้าคลั่งไปมากถึง 200-250 คน เลยทีเดียว ก่อนที่ตำนานเลือดจะทวีความเหี้ยมโหดไปมากกว่านี้ เขาได้เสียชีวิตไปเมื่อปี ค.ศ.1605 ไปเสยก่อน โดยมีลูกศิษย์รับสืบทอดความคลั่งได้ไม่นานนัก ก็ถูกจับได้ว่าลูกศิษย์คนนี้ มีการใช้ข้ออ้างในการพิพากษาแม่มด เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ และเงินทอง จนกระทั่งถูกตัดสินให้ตัดหัวทิ้งเสีย ปิดตำนานโหดในดินแดนแห่งนี้ในที่สุด
2.นักล่าแม่มด:Pierre De Lancre
ใน ค.ศ.1609 เขต Labourd ประเทศฝรั่งเศส ผู้พิพากษา Pierre De Lancre ได้รับอำนาจในการล่า และพิพากษาแม่มดอย่างเต็มที่ เขาใช้เวลาเพียงแค่ 4 เดือน ในการจับกุม 80 คน แล้วจัดการเผาผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดอย่างเลือดเย็น โชคยังดี ที่ความกระหายเลือดของเขาถูกหยุดยั้งอย่างรวดเร็ว เขาถูกไล่ออกจากตำแหน่ง แต่ยังไม่วายเขียนหนังสือสามเล่ม ที่เกี่ยวกับข้อสังเกตในการจับกุมเหล่าแม่มด เพื่อเป็นคู่มือให้เหล่านักล่าแม่มดสืบทอดความเหี้ยมโหดต่อไป
3.นักล่าแม่มด:Peter Binsfeld
หนึ่งในนักล่าแม่มด ที่มีอิทธิพลอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 16 เขาเป็นนักบวชชาวเยอรมัน ที่ได้รับการยกย่องว่ามีความรอบรู้อย่างมากในเรื่องของเวทมนตร์คาถา หนังสือที่เขาเขียนในชื่อของ “คำสารภาพของผู้ละเมิดและผู้กลายเป็นแม่มด” จากประสบการณ์พิพากษาจริง ได้กลายมาเป็นที่นิยมอย่างมากในยุโรป แถมเขายังมีความรู้สึกว่ากระบวนการตัดสิน รวมไปถึงการทรมานเพื่อให้ได้มาซึ่งคำสารภาพของแม่มดหย่อนยาน และไม่เป็นมาตรฐาน อิทธิพลของเขานี่เอง ที่ทำให้มีการยอมรับให้ทำการทรมานได้ทันที หากมีหลักฐานที่เพียงพอ อีกทั้งยังเปิดช่องให้สามารถทำการทรมานเด็กตัวเล็กๆได้อีกด้วย
4.นักล่าแม่มด:Nicholas Remy
นักล่าแม่มด ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์อีกคนหนึ่ง ในศตวรรษที่ 16 ผู้พิพากษาชาวฝรั่งเศส ผู้นี้ อ้างว่าได้จัดการกับแม่มดไปไม่น้อยกว่า 900 ราย ขอเพียงแค่มีหลักฐานที่เพียงพอ เขาก็พร้อมที่จะจับบุคคลเหล่านั้นเผาทั้งเป็นอย่างไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว มูลเหตุที่ทำให้เกิดผู้พิพากษาสุดเหี้ยมคนนี้ขึ้น เพราะลูกชายคนคนโตของเขาถูกฆ่าตายด้วยฝีมือของขอทานในท้องถิ่น เขาเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มาจากฝีมือการใช้เวทมนตร์บงการของแม่มด ด้วยฝีมือบวกกับความเกลียดชังผลักดันให้เขาคว้าตำแหน่งขุนนางชั้นสูงเอาไว้ได้ในที่สุด แล้วกลายมาเป็นผู้พิพากษาสุดโหด ที่พร้อมเผาแม่มดทิ้งทั้งครอบครัวทันที เพราะเชื่อว่าหากมีแม่มดอยู่ในครอบครัวใดก็ตาม ครอบครัวนั้นย่อมแปดเปื้อนไปด้วยเวทมนตร์คาถา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
5. นักล่าแม่มด:Alonso De Salazar
นักล่าแม่มด ที่เรียกได้ว่า “แปลกที่สุด” ในกลุ่มของนักล่าแม่มดด้วยกัน เขาเป็นที่รู้จักกันในฐานะ “ตัวตลก” และ “ผู้สนับสนุนแม่มด” ถึงแม้เขาจะเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้พิพากษาสามคนชาวสเปน ที่ทำหน้าที่สอบสวนแม่มด ในนาวาร์ เมื่อช่วงต้นศตวรรษที่ 17 ก็ตาม เหตุผลที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่น คือ ความเชื่อที่ว่า ผู้เป็นแม่มด ไม่จำเป็นที่จะต้องถูกประหารชีวิตเสมอไป เขาให้ความสำคัญในการตัดสินโทษจากคำสารภาพ และหลักฐานที่แน่นหนาเพียงพอ ผู้ถูกใส่ความที่ได้เขามาเป็นผู้สอบสวนจึงถือว่าโชคดีมากๆ เพราะคดีกว่า 7,000 ราย ที่ผ่านมือเขา มีเพียง 31 คน ที่ถูกตัดสินลงโทษ และมีราว 11-12 คน เท่านั้น ที่ถูกเผาทั้งเป็น
6. นักล่าแม่มด:Johann Von Schonenberg
บาทหลวงนักล่าแม่มด ในช่วงศตวรรษที่ 1581 – 1593 มีการฉวยโอกาสใช้ความวุ่นวายจากสถานการณ์ความเป็นหมันของประชากร ในเมืองเทรียร์ ประเทศเยอรมันนี มีการโทษว่าเกิดขึ้นจากฝีมือของแม่มด ทำให้เกิดการล่าแม่มดอย่างจริงจังขึ้น ในช่วงเวลานี้เอง นักบวชรูปนี้ ใช้อำนาจของตัวเองปรักปรำคู่แข่ง บรรดาศัตรูทางการเมือง จับกุม ทรมาน และฆ่าคนเหล่านั้นให้ตาย พร้อมกับถือโอกาสชำระล้างฆ่าชาวยิว และโปรแตสแตนท์ในดินแดนของตัวเอง จนทำให้มีคนถูกประหารชีวิตเท่าที่บันทึกเอาไว้กว่า 368 คน แต่เชื่อกันว่าในส่วนที่ไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้ มีจำนวนมากกว่านั้นหลายเท่าเลยทีเดียว
นักล่าแม่มดเหล่านี้ สองมือล้วนแล้วแต่เปื้อนเลือด และเสียงกรีดร้องของผู้บริสุทธิ์นับร้อย นับพันคน ถ้าหากเป็นคนที่มีศีลธรรม และจิตที่ปกติ คงไม่มีใครที่สามารถทนกับความน่าเวทนา ของเหยื่อ ที่เกิดขึ้นจากความวิปลาสของคนเหล่านี้ได้...