อาเบะ โน เซเมย์ (Abe no Seimei) จอมขมังเวท ที่ได้รับการเคารพนับถือในฐานะของเทพเจ้า แห่งประเทศญี่ปุ่น
อาเบะ โน เซเมย์ (Abe no Seimei) อาจเป็น “องเมียวจิ” (onmyōji) ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น เขามีชีวิตอยู่ในช่วงปี 921-1005 ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในฐานะของนักโหราศาสตร์และนักพยากรณ์ ผู้คนต่างพากันยกย่องว่าเขาเป็นอัจฉริยะ ผู้มีพลังวิเศษและรู้แจ้งในศาสตร์ลี้ลับทั้งมวล
ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของจอมขมังเวทเซเมย์
เซเมย์ เป็นลูกศิษย์ของ “Kamo no Tadayuki” และ “Kamo no Yasunori” หลังจากนั้นก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะนักโหราศาสตร์และพยากรณ์ของราชสำนักญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 10 ส่วนใหญ่แล้วหน้าที่ของเขามักจะมีดังต่อไปนี้
- คาดเดาเพศของทารกในครรภ์ของพระมเหสีและสนม
- ค้นหาวัตถุ
- ให้คำปรึกษาด้านความประพฤติ
- ป้องกันและขับไล่วิญญาณชั่วร้าย
- วิเคราะห์และตีความหมายเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า
ในขณะเดียวกันเซเมย์ ก็ได้ทำการเขียนหนังสือออกมาหลายเล่ม ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำนายดวงชะตา รวมไปถึงหนังสือพยากรณ์ที่มีชื่อว่า “Senji Ryakketsu” ที่มีคำทำนายกว่า 6,000 เรื่อง และเทคนิคการทำนายดวงชะตาอีกกว่า 36 เล่ม โดยการใช้ “ชิกิงามิ” และงานแปลของโฮกิไนเดิน ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเทคนิคการทำนายลับอีกด้วย
ความสำเร็จของเขา ทำให้ตระกูลต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนัก “Onmyō” จนกระทั่งถึงปี 1869 เมื่อเซเมย์ได้เสียชีวิตลง หลังจากนั้นข่าวลือเกี่ยวกับจอมขมังเวทผู้นี้ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วแผ่นดินอย่างรวดเร็วและยาวนานเป็นเวลานานหลายร้อยปี ในขณะเดียวกันรายละเอียดชีวิตของเขาก็ได้ถูกหลอมรวมเข้ากับเรองเล่าเหนือธรรมชาติและตำนานมากมาย จนกระทั่งไม่สามารถแยกความจริงออกจากตำนานได้อีกต่อไป
ตำนานและพลังเหนือธรรมชาติของเซเมย์
เชื่อกันอย่างแพร่หลายว่า ความสามารถทางเวทมนตร์ของเซเมย์มาจาก “เชื้อสายเหนือธรรมชาติ” ลือกันว่ามารดาของเขาที่จริงแล้วเป็น “คิซึเนะ” หรือปีศาจจิ้งจอก ทำให้เขาเป็นลูกครึ่งปีศาจ ตำนานนี้ยังเล่าอีกว่า “Abe no Yasuna” พ่อของเซเมย์ ได้ช่วยเหลือสุนัขจิ้งจอกสีขาวที่ถูกไล่ล่าโดยนายพราน หลังจากนั้นสุนัขจิ้งจอกก็ได้กลายร่างมาเป็นหญิงสาวที่สวยงามนามว่า “Kuzunoha” เพื่อขอบคุณผู้ช่วยชีวิต หลังจากนั้นพวกเขาจึงได้แต่งงานกันและมีบุตรชายที่มีพลังเหนือธรรมชาติ
เมื่ออายุได้ 5 ขวบ เซเมย์ ที่มีสายเลือดอันทรงพลังได้เริ่มฉายแววออกมา เขาสามารถสั่งให้ “โอนิ” (ยักษ์) ทำตามคำสั่ง หลังจากนั้นในวันหนึ่ง เขาก็ได้เห็นแม่ของตัวเองในร่างของจิ้งจอก มารดาของเขาจึงได้อธิบายว่าตนเองคือจิ้งจอกที่พ่อของเขาเคยช่วยชีวิตเอาไว้ ก่อนที่จะหนีเข้าไปในป่าโดยที่ไม่กลับมาอีก เพื่อป้องกันไม่ให้เซเมย์ใช้พลังไปในทางที่ชั่วร้าย พ่อของเขาจึงได้พาไปมอบให้เป็นลูกศิษย์ของ “Kamo no Tadayuki” แห่งสำนัก “Onmyō”
เซเมย์ กับการถูกทดสอบพลังอำนาจ
ในช่วงชีวิตของเซเมย์ ขามีคู่แข่งมากมาย หนึ่งในนั้นคือนักบวชที่มีชื่อเสียง “ชิโตคุ” จากฮิโรชิม่า ที่ต้องการทดสอบความเก่งกาจของเขาว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า!? ชิโตคุ จึงได้ปลอมตัวเป็นนักเดินทางและไปเยี่ยมบ้านของเซเมย์ พร้อมกับขอให้สอนเวทมนตร์ให้ แต่เซเมย์กลับมองการปลอมตัวออกได้ในทันที และคนรับใช้ที่ติดตามชิโตคุมาด้วยทั้งสอง ที่จริงแล้วคือชิกิงามิปลอมตัวมา
เซเมย์ แสร้งทำเป็นรับปากที่จะฝึกสอนเพื่อที่จะได้เล่นสนุกกับการท้าทายเล็กน้อย พร้อมกับออกอุบายว่าวันนี้ไม่ใช่ฤกษ์ที่ดีในการสอน ให้มาใหม่ในวันรุ่งขึ้น ชิโตคุจึงเดินทางกลับไปพักผ่อนที่บ้าน โดยที่ไม่ได้รู้ตัวว่าเซเมย์ ได้เรียกชิกิงามิทั้งสองตัวให้ไปอยู่ใต้อาณัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อรุ่งเช้ามาเยือนชิโตคุที่พึ่งรู้ตัวว่าข้ารับใช้ของตัวเองได้จากไปแล้ว จึงได้รับเดินทางไปหาเซเมย์เพื่อขอร้องให้คืนชิกิงามิให้ และเมื่อรู้ตัวว่าเซเมย์มีระดับที่เหนือกว่าตัวเองมากนัก ชิโตคุจึงได้ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของเซเมย์ในที่สุด
คู่แข่งที่น่ากลัวมากที่สุดของเซเมย์ คือ “Ashiya Dōman” โดมาน เป็นจอมเวทที่มีอายุมากกว่าเซเมย์เป็นอย่างมาก และยังเป็นหนึ่งองเมียวจิที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น เมื่อโดมานได้ยินชื่อเสียงความเป็นอัจฉริยะของเซเมย์ จึงได้ขอทำการท้าดวลเวทมนต์ด้วย
ในวันประลองของสองจอมเวท ณ สวนขององค์จักรพรรดิ มีเจ้าหน้าที่จากทางการและพยานเป็นจำนวนมากเข้าร่วมชมเป็นสักขีพยาน โดมานเริ่มก่อน เขาหยิบทรายขึ้นมาหนึ่งกำมือตั้งสมาธิสักครู่แล้วโยนขึ้นไปในอากาศ เม็ดทรายได้กลายเป็นนกนางแอ่นจำนวนนับไม่ถ้วนบินไปรอบสวน หลังจากนั้น เซเมย์เพียงโบกพัดในมือหนึ่งครั้ง พลัน! นกนางแอ่นทั้งหมดก็กลับเป็นเม็ดทรายตกลงสู่พื้นดิน
หลังจากนั้นก็เป็นคราวของเซเมย์ เขาท่องคาถา หลังจากนั้นก็มีมังกรปรากฏตัวบนท้องฟ้าด้านบน พร้อมกับสายฝนที่โปรยปรายลงมา โดมานพยายามท่องคาถาอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถทำให้มังกรหายไปได้สำเร็จ ในขณะเดียวกันสายฝนก็ตกลงมาหนักมากขึ้นจนกระทั่งน้ำท่วมถึงเอว ในที่สุดเซเมย์ก็ต้องร่ายเวทมนตร์อีกครั้งจึงทำให้ฝนหยุดตกและมังกรหายไปจากท้องฟ้า
พวกเขายังคงแข่งขันกันต่อไปจนกระทั่งถึงรอบสุดท้ายที่ต้องเดาว่ามีสิ่งของใดอยู่ในกล้องไม้ โดมานที่ผูกใจเจ็บจึงท้าทายเซเมย์ด้วยความมั่นใจว่า ถ้าหากใครแพ้ในรอบนี้จะต้องเป็น “ข้ารับใช้ของอีกฝ่าย” พร้อมกับประกาศว่าภายในกล่องมีส้มอยู่ทั้งหมด 15 ผล แต่เซเมย์ทายว่ามีหนูอยู่ 15 ตัว
เจ้าหน้าที่และองค์จักรพรรดิค่อนข้างผิดหวัง เพราะพวกเขาใส่ส้มลงไปในกล่อง 15 ผล แต่เมื่อเปิดกล่องปรากฏว่าภายในนั้นมีหนู 15 ตัว กระโดดออกมา ทำให้ชัยชนะตกเป็นของเซเมย์ไปโดยปริยาย
แม้จะพ่ายแพ้ แต่โดมานยังคงผูกใจเจ็บ ถึงขั้นที่พยายามล่อลวงภรรยาของเซเมย์ให้บอกความลับที่มาของพลังมหัศจรรย์ จนกระทั่งมอบหนังสือเวทมนตร์ลับ “Hoki Naiden” ที่ได้รับการสืบทอดมาอย่างยาวนาน เมื่อโดมานโอ้อวดว่าเขามีหนังสือลับ เซเมย์ไม่เชื่อและกล่าวว่าจะยอมให้ตัดศีรษะหากเขามีหนังสือดังกล่าวจริง เมื่อโดมานโชว์หนังสือให้เห็น เซเมย์จึงตระหนักได้ว่าตนเองถูกภรรยาทรยศ จึงได้ยอมให้โดมานตัดศีรษะของตัวเองตามวาจาที่ได้ลั่นเอาไว้
หลังจากที่เซเมย์ ถูกสังหาร “Saint Hokudō” พ่อมดชาวจีน ผู้มอบหนังสือเวทมนตร์ “Hoki Naiden” ให้กับอาจารย์ของเซเมย์ได้สัมผัสถึงการสูญเสียพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ เขาจึงได้เดินทางข้ามทะเลมายังประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับเก็บกระดูกของเซเมย์มาทำการชุบชีวิต เมื่อเซเมย์กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ทั้งคู่จึงได้ออกเดินทางเพื่อทำการแก้แค้นโดมานและภรรยาผู้ทรยศของตัวเอง ที่บัดนี้ได้ทำการแต่งงานอยู่กินกับโดมาน
พ่อมดชาวจีน เดินทาไปเยี่ยมบ้านของเซเมย์ ที่บัดนี้โดมานและอดีตภรรยาของเซเมย์อาศัยอยู่พร้อมกับถามว่าเซเมย์อยู่บ้านหรือเปล่า!? โดมานเล่าให้ฟังว่าเซเมย์เสียชีวิตจากการถูกสังหารไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่พ่อมดชาวจีนกลับทำหน้าตกใจแล้วบอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาพึ่งได้พบกับเซเมย์เมื่อวานนี้เอง
โดมานหัวเราะ พร้อมกับบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้าหากเป็นความจริงโดมานยอมให้ตัดศีรษะของตัวเอง สิ้นคำ เซเมย์ก็เดินมาที่หน้าบ้าน แล้วทำการตัดศีรษะของโดมานและอดีตภรรยาของตัวเองในทันที
อาเบะ โน เซเมย์ กับสถานะดั่งเทพเจ้า ในประเทศญี่ปุ่น
ในปัจจุบัน อาเบะ โน เซเมย์ ได้รับการบูชานับถือในฐานะของเทพเจ้า ณ ศาลเจ้าหลายแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น ส่วนศาลเจ้าหลักของเขาตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต บริเวณที่เป็นบ้านหลังเดิมของเขา....
แอดิเลดอาร์เคด (Adelaide Arcade) สถานที่ช้อปปิ้งที่เต็มไปด้วยผีดุที่สุด หรูที่สุดของประเทศออสเตรเลีย