12 พ่อมดและแม่มดที่มีชื่อเสียงในยุคกลาง
พ่อมดและแม่มดปรากฏตัวให้เห็นอยู่ทั่วไป ทั้งในนิยาย ตำนาน และหน้าประวัติศาสตร์ แม้ว่าเรื่องราวส่วนใหญ่ ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนน่าเชื่อถือที่ช่วยชี้ชัดว่า คนเหล่านี้สมควรถูกเรียกว่าแม่มดหรือเปล่าก็ตาม แต่คนที่สามารถทำอะไรได้เหนือธรรมชาติ ก็ยังคงถูกบันทึกเอาไว้ในสถานะของแม่มดอยู่ดี ในบทความในวันนี้ ผู้เขียนอยากขอทำการเล่าถึง เหล่าคนที่ถูกเรียกว่าแม่มด ที่มีชื่อเสียง จนต้องจารึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ ทั้งแม่มดที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้นำองค์ความรู้อันยิ่งใหญ่ หรือ ผู้ที่ยอมรับสารภาพว่าตัวเองเป็นแม่มด ในช่วงเวลาแห่งการล่าแม่มดในยุคกลาง ณ ทวีปยุโรป
1.พ่อมดและแม่มดที่มีชื่อเสียงในยุคกลาง : Angle de la Barthe (ค.ศ.1230-1275)
Angle de la Barthe เป็นผู้หญิง ที่อาศัยอยู่ในเมืองตูลูส ประเทศ ฝรั่งเศส ในช่วงเวลาที่กำลังมีการกำหนดบทลงโทษสำหรับคาถา Angle de la Barthe เป็นผู้หญิงแรกที่ถูกสอบสวน และลงโทษตัดสินประหารชีวิตในฐานะแม่มดในปี ค.ศ. 1275
เธอนับถือศาสนาคริสต์ นิกาย “Gnostic” ที่ถูกคริสตจักรคาทอลิกมองว่าผิดหลักศาสนา และถูกกล่าวหาว่าเธอมีเพศสัมพันธ์กับปีศาจ หรืออินคิวบัส พร้อมกับให้กำเนิดสัตว์ประหลาดกินเนื้อที่มีหัวเป็นหมาป่า หางเป็นงู ที่กินเด็กๆ รวมไปถึงทารกเป็นอาหาร นอกจากนี้ เธอยังถูกกล่าวหาอีกว่า เป็นผู้ลักพาตัวเด็ก ฆ่าเด็กเหล่านั้น หรือการศพขึ้นมาจากสุสาน พร้อมกับข้อปรักปรำให้ต้องรับผิดชอบต่อการหายตัวไปของทารกจำนวนมากในช่วงสองปีก่อนหน้านี้ หลังจากที่ถูกทรมานอย่างสุดแสนสาหัส ในท้ายที่สุด เธอได้สารภาพว่ามีความสัมพันธ์ทางเพศกับซาตาน เธอจึงถูกพิจารณาว่ามีความผิด และรับโทษประหารชีวิตด้วยการเผาทั้งเป็น
2.พ่อมดและแม่มดที่มีชื่อเสียงในยุคกลาง : Alice Kyteler (ค.ศ.1280-1325)
อลิส เป็นหนึ่งในแม่มดคนแรกๆ ที่ตกเป็นเหยื่อการล่าแม่มดในยุโรป และเป็นแม่มด ที่มีการบันทึกเอาไว้ว่ามีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับปีศาจ อลิส เกิดในปี ค.ศ.1280 ใน Kyteler's House ประเทศไอร์แลนด์ เธอเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวย และสวยงาม ที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วสี่ครั้ง กับ William Outlawe, Adam le Blund, Richard de Valle and, finally และ Sir John le Poers
เมื่อ Sir John le Poers สามีคนสุดท้ายของเธอล้มป่วย ได้มีการตั้งข้อสงสัยว่าอาการป่วยของเซอร์จอนห์นว่าเกิดขึ้นจากการวางยาพิษ เมื่อเขาสิ้นชีวิตลง อลิส ผู้เป็นภรรยาม่าย ได้กลายมาเป็นเป้าสงสัย ว่าเป็นผู้วางยาพิษ และใช้เวทมนตร์ในการสังหาร นอกจากนี้ William Outlawe จูเนียร์ลลิส กับผู้ติดตามอีกแปดคน ยังถูกกล่าวหาว่าปฎิเสธความเชื่อของคริสเตียน ดูหมิ่น และการมีเพศสัมพันธ์กับปีศาจที่ชื่อ “โรบิน” ที่เชื่อกันว่ามักปรากฏกายให้เห็น เป็นสุนัขขนปุยสีดำ พร้อมกับค้นพบส่วนผสมอันแปลกประหลาด ที่น่าจะเกิดจากการทำพิธีกรรม เช่น ขี้ผึ้งที่มีมนต์ขลัง ที่ทำขึ้นจากหนอนขน เสื้อผ้าจากเด็กทารก ผงสเน่ห์ และส่วนผสมประหลาดๆในหัวกะโหลกขัดมันของมนุษย์ ในบ้านของเธอ ในปี ค.ศ.1325 อลิส ถูกตัดสินว่ามีความผิด ต้องโทษประหารด้วยการเผาทั้งเป็น แต่ในคืนก่อนที่จะถูกเผา เธอสามารถหลบหนีไปที่ประเทศอังกฤษได้สำเร็จ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเคยได้ยินข่าวคราวของเธออีกเลย
3.พ่อมดและแม่มดที่มีชื่อเสียงในยุคกลาง : Abramelin the Mage (ศตวรรษที่ 15)
Abramelin เป็นเรื่องเล่าขานกึ่งตำนานของประเทศอียิปต์ เขาเป็นนักเวทมนตร์ ที่ทำหน้าที่สอนเวทมนตร์คาถา พร้อมกับเป็นเจ้าของหนังสือ “The Book of Abramelin” ที่เป็นแนวทางสั่งสอนการใช้เวทมนตร์โบราณ จากตำนานเล่าขาน อับราฮัม เป็นผู้วิเศษ ที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย ใกล้แม่น้ำไนล์ นอกเมือง Arachi ประเทศอียิปต์ โดยมีหลักการ “การรับใช้และความกลัว” ที่มีพิธีกรรมที่ซับซ้อน โดยมีจุดประสงค์ คือ “ความรู้และการสนทนา” ที่ได้รับมาจาก "Holy Guardian Angel" ที่จะปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับเผยความลับให้แก่ผู้ใช้เวทมนตร์
เชื่อกันว่า อับราฮัม มีความสามารถปราบปีศาจให้กลายมาเป็นข้ารับใช้ได้ เพื่อทำหน้าที่ต่างๆ ตามที่ผู้ใช้เวทมนตร์ปรารถนา เช่น ตามหาสมบัติที่ถูกฝังเอาไว้ เวทมนตร์มหาเสน่ห์ ความสามารถในการบิน และความลับในการล่องหน เป็นต้น นอกจากนี้ ในการประกอบพิธีกรรมของ อับราฮัม ยังประกอบไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ และเครื่องรางที่มีมนตร์ขลัง อาทิเช่น ถ้อยคำวิเศษ น้ำมันเจิม เสื้อคลุม ตะเกียงศักดิ์สิทธิ์ จานเงินเจ็ดเหลี่ยม หรือขี้ผึ้ง เป็นต้น
4.พ่อมดและแม่มดที่มีชื่อเสียงในยุคกลาง : Agatha Southeil (ค.ศ.1470-1488)
อกาธา เป็นแม่มดที่มีชีวิตค่อนข้างลึกลับ ไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับประวัติส่วนตัวของเธอมากนัก คนส่วนใหญ่เชื่อว่า อกาธา เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย หลังจากที่ให้กำเนิดลูกสาว ที่มีชื่อว่า “Ursula Southei” ในถ้ำ ใกล้กับยอร์คเชียร์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งตอนนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อของถ้ำ Mother Shipton's เธอได้รับการยกย่องอย่างมากจากบรรดาเหล่าแม่มดส่วนใหญ่
เรื่องราวเกี่ยวกับ อกาธา เท่าที่มีการบันทึกเอาไว้ระบุว่า เธอเป็นเด็กกำพร้า ที่เกียจคร้าน และเกิดมามีลักษณะที่น่าเกลียดน่ากลัว เมื่อเธอตั้งท้องขึ้นโดยไม่มีพ่อของเด็กเมื่ออายุได้ 15 ปี โดยเชื่อกันว่าเธออาจทำงานเป็นโสเภณี ซึ่งเป็นงานที่พบบ่อยมากในหมู่ของผู้หญิงยากจนในสมัยนั้น เธอตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านท้องถิ่น จนต้องหนีไปอาศัยอยู่ในถ้ำ พร้อมกับให้กำเนิดลูกที่พิกลพิการ ลึกลับ และน่าสะพรึงกลัว ดวงตาสีแดงที่ไหลลงมาจากการคลอดของเธอตามหน้าผา ทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัวอย่างมาก ต่อมาเธอได้รับการยกย่องจากเหล่าแม่มด จนเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของ “Shipton” แม่มดที่ทำการสืบพันธุ์กับปีศาจ
5.พ่อมดและแม่มดที่มีชื่อเสียงในยุคกลาง : Mother Shipton (ค.ศ. 1488 – 1561)
Mother Shipton เป็นแม่มดที่ปรากฏตัวขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16 เชื่อกันว่า เธอคือ Agatha Southeil ในวัย 16 ปี ที่โด่งดังจากความพิกลพิการน่าเกลียดน่ากลัว ศีรษะของเธอมีขนาดที่ใหญ่จนเกินไป ดวงตาของใหญ่เหมือนกับแว่นกันลม แถมยังเรืองแสงแดงฉานเหมือนก้อนถ่าน แก้มยุบ แขนขาราวกับถูกบิดงอ และเกิดมาพร้อมกับฟันที่ยื่นออกมาเหมือนกับเขี้ยวของหมูป่า คนท้องถิ่นกล่าวว่า เป็นลักษณะ “ใบหน้าของแม่มด” และ “ใบหน้าระยำของปีศาจ” ในวัยเด็กเธอเติบโตขึ้นมาพร้อมกับคำซุบซิบนินทาของคนรอบกายว่า พ่อของเธอ ที่ให้กำเนิดลูกที่อัปลักษณ์เช่นนี้ได้ จะต้องเป็นปีศาจอย่างแน่นอน
คำนินทา กลายเป็นข่าวลือที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับ Shipton ที่เติบโตเป็นสาว ในขณะเดียวกัน สิ่งแปลกประหลาดต่างๆ ก็มักเกิดขึ้นรอบๆตัวเธอไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นกระท่อมที่เจริญเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านมีการจัดเรียงตัวเองอย่างลึกลับ จานถูกโยนไปมา อาหารหายไปอย่างลึกลับต่อหน้าต่อตาของผู้ที่มาทานอาหารที่บ้าน เชื่อกันว่า เมื่อเธอได้รับแรงกดดันมากๆเข้าด้วยข่าวลือต่างๆ เธอก็จะส่งก็อบลิน หรือแม้แต่มังกรไปทำร้ายคนอื่นๆ หรือออกไปบินเที่ยวหย่อนอารมณ์ในตอนกลางคืน
ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของเธอจะแย่ขึ้นเรื่อยๆ ตามการเติบโต เธอก็สามารถเข้าพิธีแต่งงานกับช่างไม้ นามว่า Toby Shipton ในปี ค.ศ.1512 ถึงแม้ไม่ได้มีบุตร แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่เชื่อว่า เธอได้ใช้ยาเสน่ห์ เพื่อทำให้ฝ่ายชายหลงรัก
Mother Shipton มีความสามารถในการพยากรณ์ และอำนาจในการหยั่งรู้ การคาดการณ์ของเธอแม่นยำ จนถูกจัดให้อยู่ในระดับเดียวกันกับสุดยอดนักพยากรณ์แห่งยุคอย่างนอสสตาดามุสเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีหลายเหตุการณ์ที่เธอได้ทำการพยากรณ์เอาไว้ แล้วกลายมาเป็นความจริงในภายหลัง เช่น ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในกรุงลอนดอน ในปี ค.ศ.1666 เป็นต้น ผู้คนทั้งในท้องถิ่น และสถานที่ห่างไกล ต่างดั้นด้นเดินทางมาปรึกษาเรื่องราวต่างๆ เธอมีชื่อเสียงมากขึ้น ในการแก้ไขข้อพิพาทต่างๆ ระหว่างบุคคลธรรมดา เมื่อเวลาผ่านไป เธอกลับมีความทะเยอทะยานมากขึ้น ด้วยความต้องการที่จะมีความสัมพันธ์ฉันมิตรกับชนชั้นผู้นำของประเทศ ของพระเจ้าเฮนรี่ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอเสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1561 หรือ 1567 พร้อมกับถูกฝังเอาในเขตชานเมืองของประเทศอังกฤษ เธอก็ยังคงได้รับการจดจำมาอย่างยาวนานหลายศตวรรษ ในฐานะของนักพยากรณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ
6.พ่อมดและแม่มดที่มีชื่อเสียงในยุคกลาง : Edward Kelley (ค.ศ.1555 – 1597)
เอ็ดเวิร์ด เคลลี่ เป็นพ่อมดผู้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางของจิตวิญญาณ เพื่อตัดสินความผิดทางอาญา ในยุคสมัยแห่งการฟื้นฟูศิลปวิทยาในประเทศอังกฤษ เอ็ดเวิร์ด ร่วมกับ ดร.จอห์น ดี ในการสืบสวนที่สุดแสนจะพิเศษของเขา ที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถเรียกวิญญาณ หรือเหล่าเทวดา ให้มาสถิต ณ ลูกบอลคริสทัล นอกจากนี้ เอ็ดเวิร์ด ยังอ้างว่า ตัวเขากุมความลับของนักเล่นแปรธาตุ ในการเปลี่ยนแปลงโลหะให้กลายเป็นทองคำ ต่อมาในภายหลัง เขาได้กลายเป็นที่มาเป็นแรงบันดาลใจของภาพ Folkloric “นักเล่นแร่แปรธาตุจอมปลิ้นปลอน”
ชีวิตในวัยเด็กของเอ็ดเวิร์ด ค่อนข้างคลุมเครือ เชื่อกันว่าเขาน่าจะเกิดใน Worcester ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ.1555 และได้เป็นเด็กฝึกงานของเภสัชกร เขาได้รับการศึกษา รู้ภาษาละติน กรีก อีกทั้งยังอาจได้เรียนสูงถึงมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด โดยใช้ชื่อว่าทัลบอต อาชีพเริ่มต้นของเขา คือ ทนายความฝึกหัด
เอ็ดเวิร์ด พบกับ ดร.จอนห์น ดี ใน ค.ศ.1582 ครั้งแรกโดยใช้ชื่อว่า เวิร์ด ทัลบอต หลังจากที่ร่วมกันพยายามติดต่อกับเทวดาด้วยการใช้ลูกแก้วคริสทัลเป็นสื่อกลางของคนทั้งสอง ที่อุทิศเวลาหลังเลิกงานทุกวัน ในการ “ประชุมทางจิตวิญญาณ” ร่วมกัน ทั้งสองอ้างว่าสามารถทำการติดต่อสื่อสารกับเทวดา ในระดับชั้นเทวฑูตได้สำเร็จ โดยข้อความเหล่านั้นต้องผ่านการตีความ หรือถอดรหัส เสียก่อน นอกจากนี้ พวกเขายังอ้างว่า จากการติดต่อเหล่านี้ ทำให้ทราบถึงความลับในการเปลี่ยนโลหะให้กลายเป็นทองคำ ด้วยการใช้ “ทิงเจอร์สีแดง” ซึ่งพวกเขาแสดงพลังแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเหล่านี้เพียงไม่กี่ครั้ง ในโบฮีเมีย (สาธารณะรัฐเช็ค)
ในช่วงปี ค.ศ.1583-1586 ทั้งสอง ได้ใช้ชีวิตเหมือนกับคนเร่รอนไปทั่วทวีปยุโรป เพื่อการประชุมทางจิตวิญญาณ และแยกจากกันในปี ค.ศ.1587 หลังจากที่ เอ็ดเวิร์ด พยายามเกลี้ยกล่อม จอน์น ดี ว่า เทวฑูตได้มีคำสั่งให้ทั้งสองแบ่งปันทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างกัน รวมไปถึงภรรยาของพวกเขาด้วย แต่ที่จริงแล้ว เชื่อกันว่ามันเป็นเพียงข้ออ้าง ที่จะทำให้ เอ็ดเวิร์ด สามารถแยกตัวออกมามีสมาธิในการเล่นแร่แปรธาตุ ภายใต้การอุปถัมภ์ของ เคาท์ Rozmberk ผู้ร่ำรวย ที่ช่วยทำให้ เอ็ดเวิร์ด ร่ำรวยอย่างมากในเวลาต่อมา ใขณะที่ เอ็ดเวิร์ด เลือกที่จะนำความรู้จากการวิจัยด้านจิตวิญญาณไปใช้เป็นช่องทางทำกำไร จอนห์น ดี ได้เลือกเก็บความรู้ส่วนใหญ่เอาไว้กับตัวเอง แล้วใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบสงบ
ในปี ค.ศ. 1590 เอ็ดเวิร์ด ใช้ชีวิตอย่างหรูหราอย่างมากในโบฮีเมีย และกลายมาเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอิทธิพลอย่างมาก เนื่องจากเชื่อกันว่าเขาสามารถผลิตทองคำได้ เขาได้รับที่ดินมากมาย รวมไปถึงยศ “บารอน” จากสมเด็จพระจักรรพรรดิ รูดอร์ฟที่สอง ที่ทรงประทับอยู่ในกรุงปาร์ก อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ.1591 เอ็ดเวิร์ด ไม่สามารถตอบสนองความต้องการจักรพรรดิ ในการผลิตทองคำจากการเล่นแร่แปรธาตุ เขาถูกคุมขัง และเปลี่ยนสถานที่คุมขังไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียชีวิตจากการพยายามหลบหนี ในปี ค.ศ.1597 รวมอายุได้ 42 ปี
7.พ่อมดและแม่มดที่มีชื่อเสียงในยุคกลาง : Cornelius Agrippa (ค.ศ.1486-1535)
Heinrich Cornelius Agrippa von Nettesheim ชาวเยอรมัน เป็น นักพ่อมด นักเขียนเรื่องลึกลับ นักบวช โหราจารย์ และนักเล่นแร่แปรธาตุ เขาไม่เคยเรียกตัวเองว่าเป็นพ่อมด แต่ได้รับการรู้จักกันเป็นอย่างดีในฐานะของผู้ที่ปกป้องเหล่าเม่มด นอกจากนี้ เขายังเป็นนักสืบสวนมือฉมังด้านศาสนาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องลึกลับต่างๆ
เขาเกิดในปี ค.ศ.1486 ที่โคโลญ เยอรมัน ครอบครัวของเขาได้สอนวิธีการวางตัวอย่างเหมาะสม หลังจากการศึกษาจนได้รับปริญญา แล้วทำงานเป็นเลขา ควบคู่ไปกับสายลับของจักรวรรดิโรมันอันศักดอ์สิทธิ์ ในสมัยจักรพรรดิ แมกซิมิเลี่ยนที่ 1 หลังจากนั้น เขาได้ทำการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยปารีส และให้ความสนใจในเรื่องลึกลับ ไม่นานหลังจากนั้น เขาได้จัดงาน “สมาคมลับ” โดยมีสมาชิกที่ไว้ใจได้เป็นเหล่านักศึกษา นักวิชาการ และขุนนางที่เชื่อในความมหัศจรรย์ของเวทมนตร์
การศึกษาศาสตร์เวทมนตร์ต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบันทึกลึกลับของ Johannes Trithemius จนกระทั่งนำไปสู่การเขียนผลงานเกี่ยวกับเวทมนตร์ชิ้นเอกของตัวเอง แต่ในช่วงปลาย ค.ศ.1511 หลังการเข้าร่วมกับคณะมนตรี และได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ เขากลับถูกวิพากษ์วิจารว่า “ผิดปกติ” จากนั้น เขาได้เดินทางไปทั่วเยอรมันนี สเปน อิตาลี และฝรั่งเศส ก่อนที่จะปักหลักเป็นอาจารย์สอนที่ฝรั่งเศส ไปพร้อมกับการจัดตั้งห้องปฏิบัติการเล่นแร่แปรธาตุ เขาทุ่มเททำการวิจัยด้านการแพทย์ ภาษาฮิบรูที่มีมนต์ขลัง และศึกษาเทววิทยา มีข่าวลือว่าเขาใช้เวทมนตร์ในการรักษาตำแหน่งของตัวเองเอาไว้อย่างเหนียวแน่น และเชื่อว่า เขาทำการฝึกฝนเวทมนตร์ เพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านจิตวิญญาณของคนตาย
ผู้สนับสนุนแม่มดรายนี้ แต่งงาน และมีลูกในขณะอยู่ในประเทศอิตาลี พร้อมกับทำงานเป็นวิทยากรของเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุ และทนายความ ในปี ค.ศ.1519 เขาได้ทำการปกป้องผู้หญิงที่ได้รับการที่กล่าวหาโดยท้องถิ่น ในรัฐโดมินิกัน ว่าเป็นแม่มด เขาสามารถหาหลักฐานมายืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นแม่มดได้สำเร็จ แต่จากความสำเร็จที่อื้อฉาวนี้ ทำให้เข้าถูกเนรเทศออกจากเมือง พร้อมกับถูกข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีกับเขาในฐานะลูกน้องพวกนอกรีต จนต้องย้ายหนีไปยังตั้งถิ่นฐานใหม่ ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
หลังจากได้ทำอาชีพเป็นแพทย์ ผู้รักษาผู้ป่วยจากโรคระบาด ในประเทศฮอนแลนด์ แต่จากการพยายามพิมพ์หนังสือที่ถูกมองว่านอกรีต 3 เล่ม ในที่สุดเขาต้องหนีกลับไปยังฝรั่งเศส และเสียชีวิตในปี ค.ศ.1533 หลังจากที่เขาเสียชีวิต “หนังสือเล่มที่สี่ ของ Agrippa” ได้กลายมาเป็นที่นิยมอย่างมาก ในฐานะของหนังสือสุดคลาสสิคของแม่มด หนังสือเล่มนี้ ยังเป็นคู่มือหลีกเลี่ยงนักล่าแม่มดที่เหล่าคนนอกรีตจำเป็นจะต้องมีติดตัวเอสไว้ อย่างไรก็ตามเชื่อกันว่าหนังสือเล่มนี้ Agrippa ไม่ได้เขียนขึ้นด้วยตัวเอง แต่แค่ถูกนำชื่อเสียงของมาใช้โปรโมทหนังสือให้โด่งดังมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
8.พ่อมดและแม่มดที่มีชื่อเสียงในยุคกลาง : Walpurga Hausmwnnin (ราว ค.ศ.1597)
Walpurga Hausmwnnin หญิงม่ายผู้เคยทำหน้าที่เป็นพยาบาลผดุงครรภ์ในประเทศออสเตรเลีย ถูกตัดสินประหารชีวิต จากข้อหาการใช้เวทมนตร์คาถาทำการ “ดูดเลือด” และ “ฆาตกรรมเด็ก” ในปี ค.ศ.1587 เมื่อถูกจับกุม พร้อมกับมอบความทรมานให้ เธอได้ทำการสารภาพว่า เมื่อปี ค.ศ.1556 และเมื่อไม่นานก่อนการถูกจับกุม เธอกับพรรคพวก ได้นัดพบปะกันเพื่อประกอบพิธีกรรม ที่มีปีศาจมาร่วมงาน พร้อมกับมีเพศสัมพันธ์กับพวกเธอ
ในคืนต่อมา ปีศาจ ที่มีนามว่า “Federlin” ซึ่งเธอได้บรรยายเอาไว้ว่า มีลักษณะเป็นชายร่างใหญ่ มีเคราสีเทา แต่งกายแบบคนร่ำรวย นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าที่สง่างามราวกับเจ้าชาย ได้กลับมาหาเธออีกครั้ง พร้อมกับสัญญาว่าจะช่วยเหลือให้พ้นจากความยากจน ถ้าหากเธอทำการสาบานทำสัญญากับซาตาน หลังจากนั้น ชายคนดั่งกล่าวได้ทำการยืนยันสัญญา ด้วยการให้ดื่มไวน์ กินทารกคั่ว และมีเพศสัมพันธ์กับเขาอีกครั้ง
ปีศาจ ยังได้มอบครีมที่มีฤทธิ์ในการทำร้ายผู้คน และสรรพสัตว์ให้กับเธอ ให้นำไปใช้ตามใจปรารถนา หลังจากนั้น ปีศาจ มักมาเยือนเธอบ่อยๆ พร้อมกับมีเพศสัมพันธ์กับเธอทุกครั้ง แม้จะเป็นบนถนนในเวลากลางคืน หรือแม้แต่ในคุก เธอสารภาพอีกว่า ได้ลงมือฆ่าเด็กสี่สิบคนในระหว่างการทำงานเป็นพยาบาลผดุงครรภ์ แล้วทำการดูดเลือดจากเด็กทารกเหล่านั้นเหมือนกับแวมไพร์ พร้อมกับขโมยนำเนื้อของเด็กทารกไปให้แม่มดคนอื่นๆกิน และนำกระดูกของเด็กทารกไปใช้เป็นอุปกรณ์เวทมนตร์อีกด้วย
คริสตจักรภายใต้การนำของอาร์คบิชอปออกซ์ และราชสำนัก ลงโทษตัดสินประหารชีวิตจากคำสารภาพผิดอันเต็มไปด้วยความวิปริต เธอถูกจำคุก ก่อนจะถูกนำไปแห่ประจานผ่านเมือง แล้วทำการหยุดขบวนหกครั้ง เพื่อทรมาน และก่อนที่จะถึงลานประหาร เจ้าหน้าที่ได้ทำการตัดมือขวา ที่เธอได้เคยใช้สาบานว่าจะทำหน้าที่ช่วยเหลือชีวิตผู้อื่นในฐานะพยาบาลผดุงครรภ์ออกไป แล้วนำเธอมัดตรึงกับเสา แล้วเผาทั้งเป็น ส่วนเถ้าถ่านที่หลงเหลืออยู่ของเธอ ถูกโยนทิ้งลงไปในกระแสน้ำเชี่ยวกรากที่อยู่ใกล้ที่สุด
9.พ่อมดและแม่มดที่มีชื่อเสียงในยุคกลาง : Isobel Gowdie (ราว ค.ศ.1662)
อีโซเบล โกวดาย เป็นแม่มดที่มีชื่อเสียงในฐานะ “ราชินีแม่มดแห่งสก็อต” ในช่วง ค.ศ.1662 เธอสารภาพเกี่ยวกับการใช้เวทมนตร์ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นที่จะต้องรับการทรมานแต่อย่างใด ว่าได้ทำสัญญากับซาตานมานานกว่า 15 ปี พร้อมกับเปิดเผยรายละเอียดในการใช้เวทมนตร์คาถามากที่สุด ในช่วงท้ายของยุคการล่าแม่มดในทวีปยุโรป
ตามเรื่องราวที่เธอได้เล่านั้น เธอได้พบกับซาตานครั้งแรกที่คริสตจักร Auldearne และตกลงทำสัญญาด้วยการเลิกนับถือศาสนาคริสต์ จากนั้น ปีศาจ ได้ทำเครื่องหมายสาวกซาตานลงบนไหล่ของเธอ แล้วดูดเลือด พร้อมกับมอบชื่อใหม่ให้เธอว่า “เจแน็ต” เธอยอมรับชื่อใหม่ของตัวเอง ในขณะที่มือข้างหนึ่งวางอยู่บนศีรษะ ส่วนอีกข้างหนึ่งอยู่ด้านล่างเท้าของเธอเอง
เธออ้างว่า หลังจากที่เข้ามาเป็นสาวกของซาตานประมาณ 6 สัปดาห์ เธอสามารถบินผ่านอากาศ โดยนางฟ้าเป็นผู้สอนการบินให้ และเข้าร่วมการประชุมกับแม่มด 13 คน และปีศาจ ซึ่งภายหลังได้กลายมาเป็นจำนวนแม่มดในกลุ่มแบบมาตรฐาน เธอได้ทำหน้าที่ในฐานะสาวกของปีศาจได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการฆ่าคริสเตียนทุกคนที่ตัวเองเดินผ่าน นอกจากนี้ เธอยังอ้างอีกว่า สามารถแปลงกายเป็นสัตว์ต่างๆ เช่น แมว กระต่าย เป็นต้น รวมไปถึงใช้เวทมนตร์ควบคุมสภาวะอากาศได้อีกด้วย
คำสารภาพของเธอค่อนข้างสอดคล้องกับสิ่งที่แม่มดทั่วไปในยุคนั้นทำกัน ถึงแม้จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับพิธีกรรม ข้อปฏิบัติของแม่มดมากมาย แต่หลายครั้ง ในขณะที่เล่าเรื่อง แม่มดรายนี้ ก็มักมีความเพ้อฝันเกี่ยวข้องกับบทกวี ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาในยุคหลังมองว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้เธอสารภาพ อาจเกิดจากอาการทางจิต อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาได้สรุปสั้นๆ ว่า “มีความผิดจริง” เธอจึงถูกตัดสินด้วยการประหารชีวิต บันทึกบางชิ้นระบุว่าเธอถูกแขวนคอ แต่ในอีกหลายบันทึกได้กล่าวว่าเธอถูกเผาทั้งเป็น อันเป็นวิธีการสังหารแม่มด ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ณ ช่วงเวลานั้น
10.พ่อมดและแม่มดที่มีชื่อเสียงในยุคกลาง :La Voisin (ค.ศ.1640-1680)
Catherine Monvoisin เป็นแม่มดชาวฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในหัวโจกประจำเรือนจำ “affaire des poisons” ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 สามี ของ แคทเธอรี เป็นพ่อค้าเพชรพลอยที่ประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นการช่วยเกื้อหนุนความสำเร็จของสามี เธอได้เรียนรู้เทคนิคการทำนาย และการเสริมดวงชะตาผ่านการอ่านใบหน้า หลังจากนั้น เธอค่อยๆเพิ่มข้อปฏิบัติด้านเวทมนตร์ ด้วยความช่วยเหลือของนักบวชทุรศีลธรรมEtienne Guibourg ผู้เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลอง “มวลสีดำ” ที่เป็นข้อห้ามของศาสนาคริสต์
แคทเธอรี มีประสบการณ์ทางการแพทย์ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการผดุงครรภ์ ทำแท้ง และการปรุงยาเสน่ห์ จากส่วนผสมของกระดูกค้างคาว ฟันของตุ่น แมลงวันสเปน ผงตะไบเหล็ก เลือดมนุษย์ และฝุ่นละอองที่เกาะอยู่บนซากศพ รวมถึงยาพิษ ต่างๆ นอกจากนี้ เธอยังขึ้นชื่อในเรื่องของการสำส่อน เธอมีชู้รักหลายคนตลอดช่วงระยะเวลาที่แต่งงานอยู่ หนึ่งในชู้รักของเธอที่น่าสนใจ คือ นักเวทมนตร์ “Lesage”
ในที่สุด เธอก็ถูกจับได้ว่านำยาพิษมาใช้ จนนำไปสู่คดีฆาตกรรมอื้อฉาวในฝรั่งเศส ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เธอถูกตัดสินโทษประหารชีวิต ในข้อกล่าวหาว่าเป็นแม่มด จากคำสารภาพว่าเธอได้ขายผงเสน่ห์ให้กับภรรยาของกษัตริย์ เพื่อให้เป็นที่ทรงโปรดปราน ด้วยการเผาทั้งเป็นในที่สาธารณะ ณ Place de Gr ใจกลางของกรุงปารีส ใน ค.ศ.1680
11.พ่อมดและแม่มดที่มีชื่อเสียงในยุคกลาง :Moll Dyer (ราว ค.ศ.1697)
โม ดีเยอร์ เป็นตำนานท้องถิ่นในสมัยศตวรรษที่ 17 ของ Leonardtown เมืองเซนต์แมรี่ส์เคาน์ตี้ รัฐแม่รีแลนด์ สหรัฐอเมริกา เธอถูกกล่าวหาว่าใช้เวทมนตร์ และถูกไล่ออกจากบ้านของตัวเอง ด้วยฝีมือของชาวบ้านท้องถิ่น ในคืนฤดูหนาวอันมืดมิด ความหนาวเหน็บทำให้เธอถึงแก่ความตายในที่สุด หลังจากเหตุการณ์สุดแสนน่าเวทนาดังกล่าว เรื่องราวของเธอได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง “The Blair Witch Project” ในปี 1999
ไม่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ใดๆ ที่กล่าวถึงการมีตัวตนอยู่ของเธอ แต่เชื่อกันว่า ต้นกำเนิดของเธอเป็นหญิงสูงศักดิ์ชาวไอริส ผู้มีอดีตอันลึกลับ ที่ได้หลบหนีมาตั้งรกรากอยู่ภายในกระท่อมบริเวณทางแยก นอกเมือง Leonardtown พร้อมกับความสามารถในการเป็นหมอยาสมุนไพร ซึ่งสร้างความสงสัยให้กับชาวบ้าน และเริ่มลือกันว่าที่จริงแล้วเธอเป็นแม่มด เมื่อเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น หรือเพียงแค่บังเอิญโชคร้าย ชาวบ้านที่กำลังพยายามมมองหาคนผิด ทุกคนก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเกิดขึ้นจากคำสาปของเธอ
ฤดูหนาวในปี ค.ศ.16797ที่ รุนแรงมากกว่าทุกปี ทำให้สภาวะขาดแคลนอาหาร และเครื่องนุ่งห่มกันหนาว จนหลายคนเสียชีวิต แถมยังมีโรคระบาดแพร่กระจายไปทั่ว ในที่สุดกลุ่มศาลเตี้ยก็ตัดสินใจที่จะกำจัดเธอ เพราะเชื่อว่าเป็นต้นเหตุของความเลวร้ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด พวกเขาจุดไฟเผากระท่อม ใช่วงกลางดึก เธอพยายามหนีเข้าไปในป่า แต่ด้วยความหนาวเย็น อ่อนล้า ทำให้เธอหนีไปได้ไม่ไกลนัก
ตำนานหลายบทเล่าว่า เธอได้คุกเข่าลงใกล้กับก้อนหินขนาดใหญ่ แล้วทำการสาปแช่งเหล่าคนที่ข่มเหงรังแกเธออย่างไร้เหตุผล ก่อนสิ้นลมท่ามกลางพายุหิมะด้วยความเคียดแค้นชิงชัง หลังจากนั้น ในคืนที่หนาวที่สุดของปี มักมีรายงานว่า มีผู้พบเห็นผู้หญิงผมยาวสีขาว สวมชุดสีขาว เดินผ่านทุ่งนา และป่าใกล้เมือง พร้อมด้วยสุนัขสีขาว
12.พ่อมดและแม่มดที่มีชื่อเสียงในยุคกลาง : Agnes Waterhouse
หนึ่งในแม่มดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศอังกฤษ กับความสามารถเวทมนตร์ดำในการสาปแช่ง และการสั่งให้ปีศาจไปทำการฆ่าศัตรู รวมไปถึงปศุสัตว์ เมื่อถูกจับได้ เธอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมกับท้าทายว่าซาตานได้ให้คำมั่นว่าจะไม่ให้เธอตายเพราะการแขวนคอ หรือถูกเผาทั้งเป็น แต่สุดท้าย ก่อนที่จะถูกแขวนคอ เธอก็ได้สารภาพว่าเคยพยายามฆ่าชายคนหนึ่งด้วยมนต์ดำแต่ล้มเหลว เพราะเขามีความเชื่อมั่นในพระเจ้าอย่างมาก พระเจ้าจึงปกป้องเขาจากมนต์ดำ เธอถูกแขวนคอ ไปพร้อมกับการภาวนาให้พระเจ้าอภัยให้กับตัวเอง นอกจากนี้ เธอยังเป็นแม่มดคนแรกที่ถูกตัดสินให้ประหารชีวิตจากศาลคริสตจักรของประเทศอังกฤษ