“ปีศาจครอบงำ” เหตุการณ์ฆาตกรรมในตำนาน ที่ถูกนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์สยองขวัญ The Conjuring - The Devil Made Me Do It
“ปีศาจให้ผมทำมัน..”
นับว่าเป็นคดีแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ผู้ต้องหาให้การว่าถูกปีศาจเข้าครอบงำ และเพื่อเป็นการป้องกันตัวชายหนุ่มคนหนึ่งจึงลงมือสังหารชายอีกคนหนึ่งอย่างโหดเหี้ยม จึงไม่น่าแปลกใจนักที่ประเด็นนี้จะจุดประกายความสนใจให้กับชาวสหรัฐในช่วงปี 1980 เป็นอย่างมาก แถมดูเหมือนว่าเรื่องนี้ยังเป็นที่สนใจมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน
จุดเริ่มต้นของการฆาตกรรมโหดที่เกี่ยวพันกับอาถรรพ์ที่น่าพิศวง
Arne Cheyanne Johnson
ในเมืองบรู๊คฟิลล์ คอนเนคดิกัล. ปี 1980 คู่รักหนุ่มสาว “เด็บบี้และอาร์น” (Debbie Glatzel และ Arne Cheyanne Johnson) ได้เช่าซื้อบ้านหลังใหม่ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้พวกเขาต้องติดตัวแดงด้านการเงิน แต่พวกเขาก็ดูจะดีใจอย่างมากที่จะได้ย้ายเข้ามาอาศัยในบ้านหลังนี้ พวกเขาเลยพยายามทำความสะอาดบ้านทุกซอกทุกมุม โดยได้รับความช่วยเหลือจากเดเวิด (David) น้องชายของเด็บบี้
ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ลี้ลับจะเกิดขึ้นแทบจะทันทีที่เดวิดก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ เขารีบออกไปจากบ้านด้วยความหวาดกลัวและบอกกับพี่สาวว่าเห็นชายชราคนหนึ่งในบ้านที่เตือนเขาว่าให้ “ระวัง” ถึงแม้เดวิดจะแสดงความหวาดกลัวออกมาเพียงใด พวกเขาก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่นัก เพราะคิดว่าน้องชายตัวแสบเพียงแค่หาเรื่องอู้ไม่ยอมช่วยทำความสะอาดบ้านเท่านั้น
หลังจากที่ทำความสะอาดบ้านเสร็จในวันแรก เด็บบี้กับเดวิดก็กลับไปยังบ้านของพ่อแม่ แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ ชายชราจากบ้านหลังนั้นได้ติดตามเดวิดกลับมาที่บ้านด้วย คืนนั้นเดวิดเห็นชายชราปริศนา แต่ดูแตกต่างไปจากที่เห็นในครั้งแรก ผิวของเขาเป็นสีดำราวกับถูกไฟเผาจนไหม้เกรียมและยังเดินด้วยเท้าเปล่า สิ่งที่น่าขนหัวลุกอีกอย่างคือ เท้าของชายชราดูเหมือนกับของกวางและมีกีบ!
ผู้ใหญ่ในบ้านได้ยินเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นที่ห้องใต้หลังคา แต่กลับไม่มีใครเห็นชายชราคนนั้นนอกจากเดวิด ต่อมาชายชราคนนี้ถูกเรียกว่า “สัตว์ร้าย” (The Beast) ในภายหลังได้มีการพรรณนาลักษณะของมันว่าเป็นชายที่มีดวงตาสีดำขนาดใหญ่ ใบหน้าผอมบางและมีลักษณะเหมือนกับสัตว์ ฟันหยัก หูแหลมและมีเท้าเป็นกีบ
Debbie Glatzel
เดวิดบอกพี่สาวที่ฟังดูเหมือนคำทำนายถึงรอบข่วนที่เหมือนกับฝีมือของสัตว์ที่จะเกิดขึ้นกับประตูบ้านหลังนั้น ในวันรุ่งขึ้นเมื่อพวกเขากลับไปที่บ้าน ปรากฏว่ามีรอยข่วนที่ด้านในของประตู สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ตัดสินใจว่าจะไม่ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้าน
หลังจากนั้นอาการของเดวิดก็ทรุดลง เขาอ้างว่าชายชราคนนั้นยังคงวนเวียนมาหา บางครั้งดูเหมือนกับสัตว์ร้าย บางครั้งก็บ่นพึมพำเป็นภาษาละตินและข่มขู่เขาว่าจะทำร้ายหรือขโมยจิตวิญญาณของเขา สิ่งเหล่านี้ทำให้เดวิดหวาดกลัวตอนกลางคืนเป็นอย่างมาก พร้อมกับแสดงพฤติกรรมแปลกประหลาดที่ไม่เคยทำมาก่อนและมักที่จะเกิดร่องรอยฟกช้ำ รอยขีดข่วนที่อธิบายไม่ได้ขึ้นบนร่างกาย
เด็บบี้และอาร์น ต่างอ้างเหมือนกันว่าเคยเห็นเดวิดถูกทำร้ายร่างกายจาก “สิ่งที่มองไม่เห็น” มันดูเหมือนกับเขาถูกทุบ ฟาดและรัดคอ หลังจากนั้นก็จะเกิดรอยแดงขึ้นบนผิวหนัง นอกจากนี้เดวิดยังเริ่มคำราม ขู่ฟ่อราวกับเป็นสัตว์ป่า ที่น่ากลัวคือเขาท่อข้อความในพระคัมภีร์และงานวรรณกรรมอื่นๆที่เด็กหนุ่มทั่วไปไม่น่าจะรู้จัก
เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน
เรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นเหล่านี้ทำให้ครอบครัวของพวกเขาวิตกกังวลอย่างมาก จึงได้ขอความช่วยเหลือไปทางคริสตจักรที่ได้ทำการปรึกษาหารือกัน ในช่วงเวลานี้เองที่ เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน ผู้เชี่ยวชาญด้านปรากฎการณ์อาถรรพ์ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง
หลังจากที่เดวิดต้องทนทุกข์ทรมานกับการเผชิญหน้าต่อเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเป็นเวลา 12 วันเต็ม เมื่อลอร์เรนมาถึง เธอก็สัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่อยู่ในร่างของเด็กและความน่าสะพรึงกลัวของบ้านหลังนั้น นอกจากนี้ เธอยังอ้างว่าเห็นหมอกสีดำก่อตัวขึ้นข้างๆเดวิด ทำให้เธอเชื่อในทันทีว่าตอนนี้ ครอบครัวตรงหน้าของเธอต้องเผชิญหน้ากับบางสิ่งที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายเพียงอย่างเดียว!
การขับไล่ปีศาจร้าย
ไม่มีการกล่าวถึงรายละเอียดในการทดสอบว่าสิ่งที่เดวิดกำลังเป็นอยู่ว่าเกิดขึ้นจากอาการทางจิตเวชหรือไม่มากนัก แต่ก็ได้มีการแนะนำให้ทำพิธีขับไล่วิญญาณร้าย ซึ่งโดยปกติแล้วก่อนที่จะมีการอนุมัติในเรื่องนี้ทางคริสตจักรจะเข้ามาทำการตรวจสอบอย่างละเอียดเสียก่อน แต่เมื่อประเมินความเสี่ยงของเดวิดที่อันตรายร้ายแรง ตระกูลวอร์เลนจึงได้แนะนำให้ทำพิธีขนาดเล็กที่สามารถขออนุมัติเร่งด่วนได้ โดยไม่ต้องรอคอยความช่วยเหลือนานนัก
ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ เดวิดมีอาการชักกระตุกเป็นระยะทุกคืน ทำให้ครอบครัวต้องผลัดกันคอยดูแลเขา ในที่สุดความเครียดบวกกับการได้พักผ่อนเพียงน้อยนิด ในที่สุดคริสตจักรก็อนุมัติคำขอไล่ผี นักบวชหลายคนและเอ็ดกับลอร์เลนได้เข้าร่วมด้วย พิธีกรรมนี้เกิดขึ้นนานหลายวัน การไล่ผีเกิดขึ้นหลายครั้งพร้อมกับปรากฏการณ์ธรรมชาติมากมายที่น่าเหลือเชื่อ
ลอร์เรนบรรยายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการขับไล่วิญญาณร้ายโดยอ้างว่า ร่างของเดวิดลอยขึ้นกลางอากาศ มีการหยุดหายใจชั่วขณะหนึ่งและมีการรับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า โดยเฉพาะเหตุการณ์ฆาตกรรมด้วยฝีมือของอาร์น เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เธอกังวลมากถึงขนาดติดต่อกับตำรวจเพื่อเตือนพวกเขาถึงสถานการณ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้น
เมื่อความตึงเครียดในพิธีกรรมมาถึงจุดสูงสุด อาร์นที่รู้สึกหมดหนทางที่จะช่วยเหลือน้องชายของแฟนสาวจึงได้ท้าทายปีศาจที่สิงอยู่ให้เขามาครอบงำร่างของเขาแทน ถึงแม้ว่าเขาจะทำไปด้วยความปรารถนาดี และเอ็ดได้เตือนเขาแล้วว่าอย่าท้าทายปีศาจ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันการณ์ เพราะปีศาจยอมรับการท้าทายไปเสียแล้ว
ไม่กี่วันหลังจากนั้น ในขณะที่อาร์นกำลังขับรถไปทำธุระปรากฏว่าเขาไม่สามารถควบคุมรถได้ เขาอ้างว่าเห็นร่างที่มืดมิดโผล่ขึ้นและทันใดนั้นเองรถก็ชนเข้ากับต้นไม่ โชคยังดีที่เขารอดพ้นจากอันตรายถึงชีวิตมาได้
หลังจากเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เขาจึงได้ตัดสินใจกลับไปที่บ้านหลังนั้นเพื่อสำรวจบ่อน้ำที่เดวิดเคยกล่าวถึงบริเวณด้านหลังบ้าน ดูเหมือนว่าไอเดียนี่จะยอดแย่ เพราะเขาอ้างว่า ณ บ่อน้ำแห่งนั้นเองที่เขาได้พบกับปีศาจ เมื่อสบตากัน ปีศาจก็เข้าสิงสู่ร่างของเขา
เมื่อเกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติมากมาย พวกเขาจึงตัดสินใจย้ายออกจากบ้านอันน่าขนลุก แล้วไปอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ ที่เช่าจากชายที่ชื่อ “อลัน โบโน” (Alan Bono) ที่เป็นเจ้านายของเด็บบี้ ที่ทำธุรกิจให้การดูแลสุนัข และในช่วงเวลานี้เองที่อาร์นเริ่มแสดงพฤติกรรมประหลาดเหมือนกับที่เดวิดเคยเป็น
16 ก.พ. 1981 วันแห่งการสังหารโหด!
อาร์นบอกเจ้านายว่าเขารู้สึกป่วย และใช้เวลาทั้งวันอยู่กับเด็บบี้ กับกลุ่มเพื่อนและลูกพี่ลูกน้อง พวกเขามีแผนที่จะเดินทางไปพบอลันที่บาร์ท้องถิ่นเพื่อทานอาหารกลางวัน ดูเหมือนว่าอลันจะดื่มหนักจนเมามายซึ่งเป็นพฤติกรรมตามปกติของเขา
เมื่อทานอาหารเสร็จพวกเขาก็กลับไปที่สถานที่ดูแลสุนัข ในช่วงบ่ายเด็บบี้พา “แมรี่” ลูกพี่ลูกน้องออกไปซื้อพิซซ่า แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเครียดมากจนอยากที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนั้นให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้มากกว่า โดยทิ้งอาร์นกับอลันเอาไว้ เมื่อกลับมาถึงดูเหมือนอาร์นจะบอกให้ลูกพี่ลูกน้องสาวขึ้นไปรอบนอพาร์ตเมนท์ชั้นบนของสถานดูแลสุนัขที่เป็นที่พักของพวกเขา
ในตอนนั้นเองที่อลันคว้าตัวแมรี่ไว้ แต่เด็บบี้ก็ช่วยเธอให้หลุดออกมาได้ หลังจากนั้นอาร์นได้เริ่มต้นการทะเลาะวิวาทกับอลัน จากคำกล่าวอ้าง อาร์นคำรามและทำตัวเหมือนกับสัตว์ป่าก่อนที่จะควักมืดพกความยาว 5 นิ้ว แทงใส่ร่างของอลัน 4-5 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นการแทงเข้าที่บริเวณหน้าอก มีแผลหนึ่งที่ทะลุท้องน้อยเข้าไปจนถึงฐานหัวใจ อลันต้องทนทุกข์ทรมานกับบาดแผลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
อาร์น อ้างว่าเขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ เขาเดินไปในป่าหลังจากที่ลงมือและถูกควบคุมตัวในเวลาต่อมาโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจห่างออกไปจากสถานที่เกิดเหตุถึง 3 ก.ม. เขาถูกจับไปไว้ในสถานราชทัณฑ์ในท้องที่ เหตุการณ์นี้กลายเป็นการฆาตกรรมครั้งแรกของเมืองแห่งนี้
ลอร์เรน ได้ติดต่อกับตำรวจในวันรุ่งขึ้น เพื่อแจ้งให้ทราบว่าอาร์นอาจถูกปีศาจเข้าสิงในขณะที่ก่อเหตุฆาตกรรม คำกล่าวนี้ถูกนำมาใช้ในชั้นศาลโดยทนายของอาร์น สร้างกระแสความสนใจอย่างมากจากชาวอเมริกัน บรรดาสื่อเองก็ได้ปั่นข่าวเรื่องนี้ให้ยิ่งโด่งดังมากขึ้นไปอีกด้วยการพาดหัวว่า "Demon Murder Trial"
ทนายความของอาร์นเดินทางไปยังประเทศอังกฤษเพื่อขอคำปรึกษากับผู้ที่เคยทำคดีที่มีลักษณะคล้ายกัน ถึงแม้ว่ากรณีเหล่านี้จะไม่เคยถูกนำมาเป็นประเด็นให้คณะลูกขุนพิจารณา แต่ดูเหมือนว่าทนายรายนี้จะทุ่มสุดตัวถึงขนาดขอความร่วมมือจากนักไล่ผีชื่อดังจากยุโรป และขอหมายเรียกนักบวชที่ประกอบพิธีไล่ผีให้กับเดวิดมาให้ข้อมูลในฐานะผู้เชี่ยวชาญ
การพิจารณาคดีสังหารโหด จากการครอบงำของปีศาจ
เดือนตุลาคม ปี 1981 ศาลเปิดการพิจารณาคดีขึ้น ณ ศาลสูงแห่งเดนเบอรี รัฐคอนเนตทิคัล ทนายของอาร์นพยายามโน้มน้าวว่าลูกความของเขาไม่ผิด เพราะอ้างว่าถูกปีศาจครอบงำขณะที่เกิดเหตุฆาตกรรม แต่ผู้พิพากษาปฏิเสธข้อแก้ต่างนี้ โดยอ้างว่าคำแห้ต่างดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นในศาลยุติธรรมเนื่องจากขาดหลักฐาน โดยอธิบายว่า “ไม่เกี่ยวข้องและไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์”
ทนายจึงพยายามอีกครั้งให้ศาลเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการป้องกันตัว ซึ่งคณะลูกขุนก็ได้พิจารณาประเด็นนี้อย่างเข้มข้นถึง 15 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 วัน แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะพิจารณาตามกฎหมายได้ว่า การครอบงำของปีศาจจะถูกนำมาใช้เป็นคำอธิบายที่สามารถยอมรับได้ตามกฎหมายในเหตุฆาตกรรม!?
หลังจากทำการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดอาร์นก็ถูกตัดสินลงโทษในข้อหาฆาตกรรม ให้จำคุก 10-20 ปี ในระหว่างที่ติดคุกอาร์นได้ลงเรียนจนได้รับใบประกาศนียบัตรจบการศึกษาระดับมัธยมปลายและใบรับรองการศึกษาอื่นๆ เมื่อรับโทษได้ 5 ปี จากที่เป็นนักโทษชั้นดี นักโทษต้นแบบ เขาก็ได้รับการปล่อยตัวในที่สุด และแต่งงานกับเด็บบี้ในเวลาต่อมา
การฟ้องร้องตระกูลวอร์เรน
ดูเหมือนว่าน้องชายของเด็บบี้ “คาร์ล” จะไม่ค่อยพอใจกับการมีส่วนร่วมของตระกูลวอร์เรนในคดีนี้นัก เขาเลยทำการฟ้องร้องว่าตระกูลวอร์เรนหาผลกำไรจากการเข้าร่วมโดยทำการตีพิมพ์หนังสือที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยอ้างว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกเสริมเติมแต่งขึ้นอย่างไม่เป็นความจริง
อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันเด็บบี้กับอาร์นกับให้การสนับสนุนตระกูลวอร์เรน รวมไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพราะพวกเขาคิดว่าการกระทำของคาร์ลเป็นเพียงการหาชื่อเสียงและเงินจากการฟ้องร้องเท่านั้น
และ... เรื่องราวทั้งหมดที่ได้กล่าวถึงไปในตอนต้นนี้เอง คือ ความจริงของเหตุการณ์ที่ถูนำมาดัดแปลงกลายเป็นภาพยนตร์ผีสยองขวัญ The Conjuring - The Devil Made Me Do It คนเรียกผี 3 นั่นเอง...