แอสโมเดอุส (Asmodeus) จ้าวแห่งตัณหาราคะ หนึ่งราชาปีศาจทั้ง 9 แห่งขุมนรก
แอสโมเดอุส (Asmodeus) ตามความเชื่อของชาวคริสเตียนในช่วงฟื้นฟูศิลปวิทยาเชื่อว่า มันเป็นหนึ่งในเจ้าชายแห่งนรกทั้ง 9 และเป็นหนึ่งใน 7 ผู้ปกครองของนรก โดยมีตัวตนในฐานะสัญลักษณ์ของบาป 7 ประการของมนุษย์อย่าง “ตัณหา”
ถึงแม้ว่าจะได้รับการขนานนามว่าเป็น “เจ้าชายแห่งราคะ” แต่รูปลักษณ์หน้าตาของแอสโมเดอุสกลับไม่ได้น่าดึงดูดใจสักเท่าใดนัก มันเป็นปีศาจที่มีรูปร่างเหมือนสัตว์สามหัว หัวหนึ่งเหมือนแกะ อีกหัวเหมือนวัวและหัวหนึ่งเป็นมนุษย์ หูแหลม ฟันขรุขระ แถมยังพ่นไฟได้อีกด้วย หัวทั้งหมดของมันซ้อนกันอยู่บริเวณหน้าอกที่ร่างดูเหมือนกับมนุษย์ผู้ชาย ขาเป็นของไก่ หางเป็นงู
มันเชี่ยวชาญด้านการกระจายความใคร่ ต่อให้เป็นราชา ราชินีหรือสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ก็หาได้รอดพ้นจากความใครอันดำมืดเมื่อถูกมันสัมผัส
ในหนังสือพันธสัญญาแห่งโซโลมอน กษัตริย์โซโลมอนถามแอสโมเดอุสเกี่ยวกับหน้าที่ของมัน ซึ่งมันได้อธิบายว่ามันมีหน้าที่ทำลายความจงรักภักดีระหว่างสามีภรรยา ทำให้มนุษย์เบี่ยงเบนจากวิถีความดีงามและทำลายความงดงามของหญิงพรหมจารี
เดิมทีกษัตริย์โซโลมอนเรียกมันออกมาบนพื้นโลกเพียงเพื่อต้องการให้มันช่วยสร้างวิหารของโซโลมอน แต่น่าเสียดายที่แอสโมเดอุสมีพลังมากจนเกินไป อีกทั้งมันยังหลงรักภรรยาคนงามของโซโลมอนเข้า แถมยังวางแผนจับโซโลมอนไปปล่อยเอาไว้กลางทะเลทรายไกลหลายร้อยกิโลเมตร แล้วปลอมตัวเป็นกษัตริย์เข้าครอบครองราชินีและวัง อย่างไรก็ตามในภายหลังโซโลมอนได้กลับมาพร้อมกับขับไล่มันออกไปได้สำเร็จ
นอกจากนี้ ตามบันทึกของชาวฮีบรู แอสโมเดอุสยังเป็นสามีของ “ลิลิธ” ราชินีแห่งกามตัณหา มารดาของเหล่าปีศาจราคาะ “ซัคคิวบัส” และ “อินคิวบัส”
ในยุคกลาง แอสโมเดอุสยังตกเป็นปีศาจต้องสงสัยอันดับหนึ่งที่แม่มดมีความสัมพันธ์ทางเพศด้วยเพื่อแลกเปลี่ยนกับพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ รวมทั้งยังเป็นปีศาจผู้อุปถัมภ์เหล่าพ่อมด แม่มดที่ร้องของให้มันช่วยทำลายล้างศัตรูทั้งมวล
การถือกำเนิดของแอสโมเดอุส
หนังสือพันธสัญญาแห่งโซโลมอนอธิบายต้นกำเนิดของแอสโมเดอุสเอาไว้ว่า มันเกิดขึ้นมาจากเชื้อสายของทูตสวรรค์ “แชมดอน” กับลูกสาวของมนุษย์คนหนึ่งที่เต็มไปด้วยตัณหา ถ้าหากเรื่องราวนี้เป็นความจริงแอสโมเดอุสอาจเป็นเชื้อสายของทูตสวรรค์ลำดับชั้นสูงสุด แต่ร่วงตกจากสวรรค์กระทั่งกลายเป็นปีศาจร้ายไป
การป้องกันตัวและขับไล่แอสโมเดอุส
กษัตริย์โซโลมอนได้ทำการมัดร่างของแอสโมเดอุสเอาไว้ด้วยเหล็ก ทำให้เชื่อว่าเหล็กเป็นโลหะที่มักใช้ในการผูกมัดปีศาจ นอกจากนี้ตามความเชื่อในประเทศอังกฤษเหล็กยังสามารถขับไล่หรือทำอันตรายกับสิ่งเหนือธรรมชาติได้เช่นกัน
ตำนานและเรื่องเล่าที่น่าสนใจของแอสโมเดอุส
ตำนานของชาวยิวเล่าว่าแอสโมเดอุสตกหลุมรัก “ซาร่าห์” บุตรสาวผู้งดงามของ “ราเกล” มันต้องการครอบครองหญิงสาวเป็นของตัวเองไม่ยอมให้แต่งงานกับมนุษย์ แต่เธอก็ยังคงแต่งงานและแอสโมเดอุสจะไปที่เตียงนอนในเรือนหอพร้อมกับลงมือสังหารสามีของเธอ เรื่องราวการสังหารด้วยการหึงหวงนี้เกิดขึ้นถึงเจ็ดครั้ง
หลังจากนั้นก็ได้มีทูตสวรรค์ได้มาเยี่ยมเยือนชายที่ชื่อว่า “โทเบียส” พร้อมกับบอกวิธีการจัดการกับปีศาจ เขาแต่งงานกับซาร่าห์และพากันหนีไปยังดินแดนที่ไกลที่สุดในขณะที่ทูตสวรรค์ “ราฟาเอล” มัดแอสโมเดอุสเอาไว้
[[รีวิวหนังสยองขวัญ แต่ไม่สปอย]] The Skeleton Key เปิดประตูหลอน ความอยากรู้อยากเห็นที่อาจต้องแลกความจริงด้วย “ความตาย!”