ผีเป้า ผีดิบตะกละล่าของสด แห่งแดนอีสาน
“ผีเป้า” เป็นหนึ่งในผีขึ้นชื่อของภาคอีสาน โดยถูกจัดอยู่ในกลุ่มของผีดิบ ที่มีความชื่นชอบการลิ้มรสของสด ของคาวมากเป็นพิเศษคล้ายกับ “ผีปอบ” บางคนเชื่อว่าที่จริงแล้วผีเป้าไม่ใช่วิญญาณ แต่เป็นมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่กลายสภาพมาเป็นเป้า เพราะคำว่า “เป้า” มีความหมายครอบคลุมถึงคนและสัตว์ ที่กินพืชและอาหารปรุงสุกเป็นอาหาร แต่กลับเปลี่ยนไปมีรสนิยมชอบอาหารดิบๆ โดยไม่ผ่านกระบวนการปรุง ซึ่งผีเป้า สามารถเป็นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่โดยทั่วไปเชื่อกันว่าผีเป้ามักจะเป็นเพศชายมากกว่า จากการศึกษา ผู้เขียนขอทำการจำแนกผีเป้าออกได้เป็น 4 ประเภท ดังต่อไปนี้
ผีเป้าว่าน
เป็นผีเป้าที่เกิดขึ้นมาจากว่านศักดิ์สิทธิ์ประเภทหนึ่ง อาทิเช่น ว่านกระจาย และว่านสามพันตึง บ้างเชื่อว่าเป็นว่านเลือด (ว่านเป้า) ที่ยางว่านจะมีสีแดงและกลิ่นความเหมือนกับเลือด ว่านเหล่านี้ เหล่าผู้ที่มีคาถาอาคมนิยมปลูกเอาไว้ใช้ประกอบพิธีกรรม เชื่อว่าจะช่วยให้อยู่ยงคงกระพัน ปกติแล้วว่านเหล่านี้จะถูกปลูกเอาไว้ข้างรั้วบ้านและมักอยู่อย่างสงบ แต่ถ้าหากเจ้าของไม่ได้ทำการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม ว่านผีเป้าก็จะออกหากินจับกบ จับเขียด เป็นอาหารในตอนกลางคืน บางครั้งอาจถึงกับทำร้ายมนุษย์เพื่อดื่มเลือด
แมวเป้า
แมวเป้า เป็นแมวบ้านที่กลายสภาพมาเป็นแมวป่า เนื่องจากเจ้าของไม่ค่อยใส่ใจเลี้ยงดู และให้อาหารอย่างเหมาะสม เมื่อแมวเหล่านี้ทวีความหิวมากขึ้นก็จะออกไปหาจับสัตว์ขนาดเล็กกินเองเป็นอาหาร จนกระทั่งติดใจในรสชาติของดิบ ของสด และกลายมาเป็นแมวเป้าไปในที่สุด
ผีเป้าคนเป็น
ผีเป้าคนเป็น คือ มนุษย์ที่ยังมีชิวิต แต่มีนิสัยแปลกประหลาดชอบกินของสด ของดิบ รวมไปถึงพวกกบ เขียด ตับสัตว์ อาหารทะเลสด ในตอนเวลากลางคืน ทำให้ชาวอีสานมีการสั่งสอนลูกหลานไม่ให้กินของดิบไม่เช่นนั้นจะกลายมาเป็นผีเป้า
ผีเป้า
ผีเป้า สามารถเกิดขึ้นได้จาก 2 สาเหตุ ดังต่อไปนี้
1.ผีเป้า ที่เคยเป็นผีเป้าคนเป็นมาก่อน
ผีเป้า ประเภทนี้คือ คนที่เคยเป็นผีเป้าคนเป็นที่ชอบกินของสดของดิบ เมื่อเสียชีวิตก็จะกลายเป็นวิญญาณจรจัดไม่มีที่อยู่ คอยเร่ร่อนไปตามหมู่บ้านต่างๆ พอตกกลางคืน ผีเป้าก็จะเข้าสิ่งร่างของคนที่ชอบกินอาหารดิบๆ ออกหาจับกบ จับเขียดกินตามท้องนา แต่ถ้าหาไม่ได้ก็จะเข้าไปจับไก่ในเล้ากินแทน ทำให้หลายครั้งที่ไก่ในเล้าตายคนมักคิดว่าเป็นฝีมือของผีปอบ แต่ที่จริงแล้วหลายครั้งกลับเป็นฝีมือของผีเป้า
2.ผีเป้า จากการผิดข้อคะหลำ
ผีเป้า ประเภทนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีอาคมแก่กล้า แต่กลับไม่สามารถทำการรักษา หรือควบคุมวิชาของตนเองได้ หรือที่เรียกกันว่า “ผิดข้อคะหลำ” เช่น ทำการเก็บค่ายกครูเกินกำหนดด้วยความโลภ จนกระทั่งของเข้าตัวกลายมาเป็นผีเป้า แล้วออกหากินเหมือนกับผีเป้าคนเป็น แต่ผีเป้าประเภทนี้ที่มีความดุร้าย บางครั้งอาจทำร้ายมนุษย์จนถึงแก่ชีวิต
ผีเป้า ผีน่าสงสารของชาวอีสาน
ความเชื่อของชาวอีสาน ผีเป้าเป็นผีที่น่าสงสาร ขี้กลัว ตกใจง่าย ไม่สุงสิง และไม่สู้คน เมื่อออกเดินทางหากินในตอนกลางคืน ผีเป้าจึงมักทำการพกเอาของมีค่าเงินทอง หรือผ้าไหมติดตัวไปด้วย เพื่อใช้ติดสินบนที่เจอไม่ให้บอกคนอื่น เพราะกลัวว่าจะถูกรังเกียจ ทำให้มีเรื่องเล่าว่า ในสมัยก่อนมีคนหัวใสใช้โอกาสนี้ออกเดินลาดตระเวนตามหาผีเป้าในเวลากลางคืน เมื่อพบผีเป้าก็จะแสดงตัวให้เห็นพร้อมกับข่มขู่ให้ผีเป้าพยายามหาเงินทองทรัพย์สมบัติมาปิดปาก จนทำให้ผีเป้าต้องขยันทำงานหาค่าปิดปากอย่างมาก จนกลายมาเป็นที่มาของวลีชาวอีสานเปรียบเปรยคนขยันว่า “ขยันเหมือนผีเป้า” แต่ในบางครั้ง ผีเป้าอาจขู่คนที่เห็นว่าไม่ให้บอกใครกันแบบดื้อๆ เลยทีเดียว
ในบางพื้นที่เชื่อว่า ผีเป้า ไม่ได้ออกหากินเฉพาะตอนกลางคืน บางครั้งผีเป้าก็จะออกหากินในตอนกลางวันเช่นกัน เช่น ออกไปหาปลา ล่าสัตว์ เหมือนกับชาวบ้านทั่วไป แต่หากสบโอกาสเห็นว่าปลอดคนก็จะลงมือกันเหยื่อที่ล่ามาได้แบบสดๆ ด้วยความหิวกระหาย แต่เหตุผลที่ผีเป้าชอบออกหากินในตอนกลางคืน น่าจะเป็นเพราะอาศัยความมืดลงมือกินเหยื่ออย่างเอร็ดอร่อยได้โดยไม่ต้องกลัวว่าคืนอื่นจะเห็นนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม หากใครรับทรัพย์จากผีเป้าไปแล้วกลับไม่รักษาสัญญาปากโป้งบอกคนอื่น ผีเป้าก็จะแสดงความอาฆาต ด้วยการโยนของอัปมงคลข้ามหลังคาบ้าน เพื่อเป็นการสาปแช่งให้ล่มจมบ้าง พ่นน้ำลายที่มีฤทธิ์เป็นกรดใส่หน้าบ้าง บางตัวที่มีวิชาก็จะทำคุณไสย์ใส่เป้าหมาย หรือบางครั้งอาจเข้าสิงเหยื่อเพื่อกัดกินตับไส้พุง ให้เหลือเพียงร่างเปล่าไร้อวัยวะให้สุดแสนอนาถเลยทีเดียว
เชื่อกันว่าเมื่อผีเป้าในตอนกลางวันจะมีรูปร่างลักษณะและการใช้ชีวิตเหมือนกับมนุษย์ทุกประการ แต่เมื่อตกดึกในคืนเดือนมืด ที่ตรงกับวันพระ ผีเป้าจะรู้สึกหิวโหยของดิบ เมื่อออกหากินจะมีแสงเรืองๆที่ปลายจมูก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เจอคนแสดงนั้นก็จะพลันดับไปในทันที ซึ่งการมีแสงที่ปลายจมูกนั้น ทำให้มีหลายคนเชื่อว่าผีเป้า กับ “ผีโพง” เป็นผีชนิดเดียวกัน หรืออาจเป็นผีตัวเดียวกัน เพียงแค่แตกต่างกันในชื่อเรียกเท่านั้น
การป้องกันตัวจากผีเป้า
"ว่านกระจาย" ภาพจาก : www.facebook.com/SamruachKhok
การป้องกันตัวเองจากการคุกคามของผีเป้าสามารถทำได้ด้วยการปลูก “ว่านกระจาย” อันเป็นว่านศักดิ์สิทธิ์ของชาวข่า ชาวโซ่ หมอผีจะทำการปลูกกระจายเอาไว้ทั่วหมู่บ้านเพื่อช่วยในการป้องกันภูตผีปีศาจ หรือนำมาปลุกเสกให้กลายเป็นของขลังสำหรับพกพาติดตัว อย่างไรก็ตามว่านกระจายจัดอยู่ในกลุ่ม “ผีว่าน” ทำให้จำเป็นที่จะต้องเลียงดูเซ่นไหว้ด้วยกบ เขียดเป็นๆ มาโยนเลี้ยงในดงว่านทุกช่วงกลางเดือน จนกว่าก้านใบว่านจะแห้งเหี่ยวในเดือน กุมภาพันธ์ – มีนาคม แล้วจึงค่อยทำการหยุดเลี้ยง แล้วทำการขุดว่าน (กู้ว่าน) ขึ้นมาเก็บรักษาเอาไว้โดยทำพิธีในวันอังคาร ตอบพลบค่ำ และต้องทำพิธีบวงสรวงเซ่นไหว้ผีด้วยหัวหมู เป็ดไก่ เหล้าขาว เมื่อขุดหัวว่านขึ้นมาให้ทำการห่อด้วยผ้าขาวแล้วนำเก็บรักษาไว้บนหิ้งบูชาผีในบ้าน เมื่อได้ฤกษ์งามอันดี หมอผีเจ้าของว่านจะนำว่านไปปลุกเสกเพื่อทำเป็นของขลัง ช่วยให้อยู่ยงคงกระพัน ช่วยป้องกันภูตผี หรือทำเป็นยาสั่ง หรือสักว่านกระจายใส่ลิ้นจะสามารถทำการขับไล่ผีปอบ ผีเป้า ผีโพง ผีพราย ออกไปจากร่างของคนป่วย หรือคนที่ถูกผีเข้าสิงได้ แต่ถ้าหากไม่สามารถรักษาข้อห้าม คือ ไม่จับต้องผ้านุ่งของผู้หญิง ไม่กินผลน้ำเต้า ไม่ลอดราวตากผ้า ไม่ลอดใต้ถุนบ้าน ไม่ด่าทอพ่อแม่ของตนหรือภรรยา เป็นต้น ก็จะกลายเป็น “ผีปอบ” เที่ยวเข้าสังร่างผู้คนจนกว่าเจ้าของผีฟอบจะตายไป หรือจนกว่าจะผ่านพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ที่มีชื่อว่า “พระธรรมเจ้าไล่ผี”
ผีเป้า มีความคล้ายคลึงผีโพง และผีปอบ เป็นอย่างมากทำให้หลายครั้งที่ผีเป้าถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผีประเภทอื่น แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าผีเป้าจะเป็นหนึ่งในความเชื่อที่ไม่เคยเลือนหายไปจากความเชื่อของชาวอีสาน และยังมักถูกนำมาใช้เปรียบเปรยกับคนที่ชอบกินของดิบนับตั้งแต่อดีตมาจนกระทั่งปัจจุบันเช่นเดิม...