ไซโนเซฟาลา (Cynocephali) เผ่านักรบหัวสุนัข ที่ปรากฏตัวในตำนานทั่วโลก
“ไซโนเซฟาลา” (Cynocephali) ชื่อของมันมีความหมายถึง “หัวสุนัข” พวกมันเป็นสัตว์ประหลาดที่ร่างกายเป็นมนุษย์ (มักเป็นเพศชาย) บางบันทึกกล่าวว่าพวกมันมีขนดก ส่วนส่วนหัวเป็นสุนัข พวกมันเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์สุนัขที่ปรากฏตัวในตำนานจากหลายส่วนของโลก เช่น อียิปต์โบราณ อินเดีย กรีซและจีน รวมไปถึงบางส่วนของตะวันออกกลางกับยุโรป แต่ในประเทศจีนเชื่อว่าพวกมันคือเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่สามารถแปลงร่างเป็นสุนัขได้ แต่ยังคงลักษณะของสัตว์บางส่วนเอาไว้เมื่อกลับร่างมนุษย์ ซึ่งในกรณีนี้คือหัวของสุนัขนั่นเอง
เชื่อกันว่าเหล่าไซโนเซฟาลาอาศัยอยู่สถานที่ไหนสักแห่งในดินแดนป่าทางตะวันตกของทิเบตหรือทางเหนือของเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน)
ไซโนเซฟาลาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ “Saint Christopher” ของศาสนาคริสต์ ที่ปรากฏตัวในหนังสือหลายเล่ม โดยอธิบายว่าร่างกายเป็นผู้ชาย ส่วนหัวเป็นสุนัข นักบุญคนนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นนักรบที่ดุร้ายที่ถูกจับในการสู้รบ ณ “Cyrenaica” แต่ในที่สุดเขาก็ได้พบกับพระเยซูและได้เรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเองจนกลับใจจากวิถีเดิม ๆ มาเข้ารับศีลบัพติศ ในที่สุดก็ได้กลายมาเป็นนักบุญ ภาพประวัติศาสตร์หลายภาพเองก็แสดงให้เห็นว่านักบุญคริสโตเฟอร์ที่มีหัวเป็นสุนัขเช่นกัน
การปรากฏตัวและพฤติกรรมของไซโนเซฟาลา
เชื่อกันว่าไซโนเซฟาลาเข้าใจภาษามนุษย์แต่ไม่สามารถพูดโต้ตอบได้ แต่เรื่องเล่าเกี่ยวกับพวกมันส่วนใหญ่มีความคล้ายคลึงกันกล่าวคือ พวกมันเป็นอมนุษย์ที่ดุร้าย มีชีวิตอยู่เพื่อล่าและสังหารสิ่งมีชีวิตอื่นที่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่ก็ยังมีการทำการค้าแลกเปลี่ยนเฉพาะกับคนที่ไว้วางใจเท่านั้น
ราว 400 ปี ก่อนคริสตกาล แพทย์ชาวกรีกนามว่า “ซีทีเลียส” (Ctesias) ได้เขียนเรื่องราวถึงเผ่าพันธุ์หนึ่งที่อาจจะเป็นไซโนเซฟาลา เอาไว้ดังต่อไปนี้
“พวกมันพูดภาษาอะไรไม่ได้ แต่เห่าเหมือนกับสุนัข เป็นภาษาที่พวกมันเข้าใจด้วยกันเอง ฟันของมันใหญ่กว่าของสุนัข เล็บของมันเหมือนกับสัตว์ แต่ยาวกว่าและกลมกว่า พวกมันอาศัยอยู่ในภูเขาไกลสุดลูกหูลูกตา”
พวกมันผิวสีคล้ำ มีหางอยู่เหนือสะโพกเหมือนสุนัข แต่ยาวกว่าและมีขนดกกว่า เป็นด่างเหมือนกับชาวอินเดีย สื่อสารผ่านการเห่าหอนและทำสัญลักษณ์ด้วยมือ พวกมันกินเนื้อดิบ มีจำนวนประมาณ 120,000 ตัว เก่งกาจอย่างมากในการใช้ธนูกับหอก ยากต่อการพ่ายแพ้ในสงครามเพราะที่อยู่อาศัยของพวกมันอยู่บนภูเขาสูงตระหง่านที่สามารถเข้าถึงได้ ทุก ๆ ห้าปี พระราชาจะส่งธนู 300,000 คัน หอก โล่ 120,000 ชิ้น และดาบ 50,000 เล่ม ให้กับพวกมัน
พวกมันไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้าน แต่อยู่ในถ้ำ ออกเดินทางล่าสัตว์ด้วยธนูและหอก เดินทางด้วยความรวดเร็วมาก ถ้าหากถูกพวกมันไล่ตามก็จะถูกตามทันในไม่ช้า เพศหญิงจะอาบน้ำเดือนละครั้งส่วนผู้ชายไม่อาบน้ำเลยจะล้างเพียงมือเท่านั้น เจิมตัวเองด้วยน้ำมันที่ทำจากนมและเช็ดตัวเองด้วยหนัง คนที่มีฐานะนุ่งห่มผ้าป่าน วัดฐานะจากจำนวนของแกะ มักนอนกันบนใบไม้หรือหญ้า
พวกเขามีความยุติธรรม มีอายุยืนยาวกว่ามนุษย์ ถึง 170 – 200 ปี...
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเผ่าพันธุ์เล็ก ๆ แต่ทรงพลังนี้ เชื่อว่าหลังจากที่อาณาจักรโดยรอบขยายออกทำให้พวกมันถูกทำลายล้าง จากวิถีแห่งนักรบที่ยอมสู้ตายมากกว่ายอมจำนนต่อวัฒนธรรมอื่น หรืออาจจะเพียงแค่ซ่อนตัวอยู่ในสถานที่อันห่างไกลจากสายตาของมนุษย์เพื่อรอคอยวันที่จะได้หวนคืนสู่อำนาจอีกครั้ง