เก้าอี้นวมของปีศาจ (The Devil's Armchair) ใครนั่งมันสามวันตายแห่งประเทศเม็กซิโก

ในปี 1550 “อัลฟอนโซ โรดริเกซ” (Alfonso Rodríguez) หนึ่งในแพทย์ที่เก่งที่สุดในยุคนั้น เขาเรียนจบจากโรงเรียนแพทย์ของประเทศอิตาลี มีชื่อเสียงในประเทศของยุโรปหลายแห่งและยังเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านกานวิภาคศาสตร์ เขาได้เดินทางมาที่เมืองบายาโดลิด ประเทศเม็กซิโก เพื่อทำหน้าที่เป็นอาจารย์ ณ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยบายาโดลิด
หลักสูตรแพทย์ดังกล่าวเองก็มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก สามารถดึงดูดเหล่าแพทย์ ผู้สำเร็จการศึกษา นักศึกษาและเด็กฝึกงานจากทั้งในประเทศต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนักศึกษาที่เก่งกาจจนมีความโดดเด่นเหนือกว่าทุกคนก็คือ “อันเดรส เด โปรอาซา” (Andres de Proaza) ชาวโปตุเกสวัย 22 ปี ที่ดูเหมือนว่าจะมีพรสวรรค์ทางด้านกายวิภาคตามธรรมชาติ เขามีความโดดเด่นมากกว่านักศึกษาคนอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน อีกทั้งยังมีความรู้และเทคนิคที่กว้างขวางมากเสียจนดูเหมือนจะเหนือกว่าอาจารย์เสียอีก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายเดือนที่มีการจัดหลักสูตรการเรียนการสอน มีรายงานการหายตัวไปของเด็กวัย 9 ขวบ รายหนึ่ง ซึ่งเพื่อนบ้านของอันเดรสกลับมีการตั้งข้อสงสัยว่ามักได้ยินเสียงผู้คนร้องไห้และตะโกนอยู่บ่อย ๆ จากที่พักของเขาจนทำให้เพื่อนบ้านเริ่มสงสัยและมีข่าวลือว่าเขาทำข้อตกลงกับปีศาจ
ข้อสงสัยดังกล่าวได้รับการยืนยัน หลังจากที่พวกเขาได้เห็นแม่น้ำที่ไหลผ่านที่พักของอันเดรสถูกย้อมเป็นสีแดงเป็นบางครั้ง ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ตัดสินใจที่จะเข้าไปทำการตรวจสอบบ้านของอันเดรสเพื่อดูว่ามีสิ่งใดผิดปกติเกิดขึ้น
เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปในบ้าน พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว มีการพบศพของเด็กที่หายตัวไปถูกแยกชิ้นส่วนปักหมุดเอาไว้บนกระดานไม้ นอกจากศพของเด็กน้อยที่น่าเวทนาแล้วยังพบสัตว์ต่าง ๆ ถูกแยกออกเป็นชิ้น ๆ รวมไปถึงชิ้นส่วนศพของคนอื่น ๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร บ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ เลือด ศพมนุษย์และสัตว์ ที่น่าขนหัวลุกกว่านั้นคือเหยื่อบางรายยังมีชีวิตอยู่!
อันเดรสถูกจับกุมตัวในทันที ก่อนที่จะให้การว่าเพื่อที่จะสามารถเป็นแพทย์ฝึกหัดเขาจำเป็นที่จะต้องทำการผ่าตัดร่างกายของคนหรือสัตว์ที่มีชีวิตอยู่เพื่อดูว่าร่างกายจะตอบสนองอย่างไร
ในระหว่างการพิจารณนาคดี เจ้าหน้าที่ที่ได้ไปเยือน ณ บ้านนรกดังกล่าวได้อธิบายให้ผู้พิพากษาฟังว่าได้เห็นสิ่งใด เรื่องราวดังกล่าวทำให้ผู้คนพากันแตกตื่นเป็นอย่างมาก ทุกคนลงความเห็นว่าเขาวิกลจริตพร้อมกับประณามในสิ่งที่เกิดขึ้นและเรียกร้องให้ลงโทษด้วยการประหาร
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าอันเดรสจะยิ่งทำให้เรื่องราวที่ชวนสยองอยู่แล้วให้หนาวสันหลังมากยิ่งขึ้นไปอีก เขาให้การว่ามีหมอผีมอบเก้าอี้นวมต้องคำสาปให้กับเขา หมอผีดังกล่าวฝึกฝนมนต์ดำที่เกี่ยวข้องกับความชั่วร้าย เขาได้รับมอบมันมาหลังจากที่ได้ช่วยชีวิตของหมอผีเอาไว้ เมื่อนั่งลงที่เก้าอี้เขาจะได้รับความรู้ทางการแพทย์ขั้นสูงที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับเพื่อนร่วมชั้นและอาจารย์ได้
นอกจากนี้ เขายังบอกอีกว่ามีเพียงแพทย์ผู้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมเท่านั้นที่จะสามารถนั่งลงบนเก้าอี้นวมที่ถูกสาปชั่วนิรันดร์ได้ ถ้าหากคนอื่นที่ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอนั่งลงบนเก้าอี้ดังกล่าวก็จะต้องพบกับความตายในอีกสามวันต่อมา ถ้าหากใครโง่พอที่จะทำลายมันก็ต้องพบจุดจบเดียวกัน
จุดจบอาชญากรรมที่น่าสยดสยองของอันเรสคือตะแลงแกง!
หลังการประหาร มีการนำเอาข้าวของของเขามาทำการประมูลโดยมีคนชอบของแปลกเพียงไม่กี่คนที่สนใจซื้อมันไป แต่มีหลายชิ้นที่ได้ถูกย้ายนำไปเก็บเอาไว้ในโกดังของทางมหาวิทยาลัยรวมไปถึงเก้าอี้นวมดังกล่าว
หลายปีผ่านไป เรื่องราวเกี่ยวกับเก้าอี้ของปีศาจก็ได้ถูกลืมเลือนไป จนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 19 มีภารโรงของมหาวิทยาลัยได้เดินไปสะดุดกับเก้าอี้ตัวนี้แล้วนั่งลงพักผ่อน สามวันหลังจากนั้นเขาก็เสียชีวิตบนเก้าอี้ที่บ้าน ต่อมาก็มีภารโรงที่ไม่ระวังตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนี้อีกและเสียชีวิตลงเช่นกัน
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องราวที่ชวนสลดขึ้นอีก เก้าอี้ดังกล่าวจึงได้ถูกย้ายนำไปเก็บเอาไว้ในโบสถ์ของทางมหาวิทยาลัย มันถูกแขวนคว่ำลงจากกำแพงและอยู่อย่างนั้นจนถึงปี 1890 ก่อนที่จะถูกย้ายไปยังพิพิธภัณฑ์บายาโดลิด (Museo de Valladolid) หลังจากที่โบสถ์พังยับเยิน
เก้าอี้ของปีศาจได้ถูกผูกริบบิ้นสีแดงเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้มาเยือยชมเผลอนั่ง และในขณะเดียวกันก็เป็นการป้องกันเก้าอี้เก่าแก่ที่หายากจากศตวรรษที่ 16 ไม่ให้ถูกทำลายอีกด้วย...
เนลัปซี (Nelapsi) หนึ่งในแวมไพร์ที่อันตรายที่สุดของโลก ประเทศเชคโกสโลวาเกีย

