ตำนานเฮี้ยน : ผีแม่ม่าย
“ผีแม่ม่าย” เป็นผีที่ปรากฏตัวขึ้นในแถบภาคอีสาน ในสมัยเด็กผู้เขียนเติบโตขึ้นมาพร้อมกับได้รับฟัง และเห็นความหวาดผวารับมือกับผีแม่ม่ายของคนในจังหวัดขอนแก่น หนองบัวลำภู และอุดรธานี ในเขตชนบทกันอย่างมากมายเลยทีเดียว เพราะทุกครั้งที่ขับรถผ่านหมู่บ้านเหล่านั้น มักจะได้เห็น “หุ่นไล่กา” และ “ปลักขิก” ขนาดเขื่องทาหัวสีแดงแขวนเอาไว้ที่รั้วบ้านกันอย่างหลายหลัง เพราะเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มีความขลังที่จะช่วยปกป้องให้ผู้อยู่อาศัยในบ้านที่เป็น “ชายแท้” อยู่รอดปลอดภัยจากการถูกผีแม่ม่าย กระชากวิญญาณนำไปเป็น “ผัว” นั่นเอง...
ผีแม่ม่าย คืออะไร!?
ผีแม่ม่าย หรือ “ผีแม่ฮ้าง” หมายถึง “ผีไม่มีผัว” เมื่อหญิงม่ายได้เสียชีวิตลง แต่จิตใจยังเฝ้ากังวลคิดถึงสามี ก็อาจกลายเป็นผีแม่ม่ายที่เฝ้าตามหาสามีอยู่ตลอดกาล ผีแม่ม่ายที่มีความคะนึงหาอย่างรุนแรงอย่างมีพลังมากพอที่จะไปเยือนความฝันของพระมหากษัตริย์ได้เลยทีเดียว
ชาวอีสานเชื่อว่า ผีแม่ม่ายเมื่อได้รับการเติมเต็มความสุขจากชายชาตรีแล้ว อาจทำการทิ้งช่วงความต้องการไม่ปรากฎตัวอีก 3-6 ปี ก่อนที่จะหวนคืนกลับมาใหม่ หลังจากนั้นก็จะทำการพรากวิญญาณของผู้ชายตามลักษณะความต้องการของตัวเอง หรือมีชื่อต้นของตัวอักษรว่าอะไรบ้าง ทำให้ผู้ชายที่ตกเป็นเหยื่อของผีแม่ม่าย ณ ช่วงเวลานั้น มักที่จะค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกัน
ความเชื่อในการปรากฏตัวของผีแม่ม่าย
ในสมัยก่อนถ้าหากหมู่บ้านใด มีผู้ชายนอนหลับแล้วเสียชีวิตไปเฉยๆในตอนกลางคืน โดยที่ร่างกายไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยการต่อสู้ให้เห็นแต่อย่างใด มักเรียกการตายในลักษณะนี้ว่า “ไหลตาย” (สาเหตุทางการแพทย์ คือโรคหัวใจล้มเหลว) เมื่อเกิดการเสียชีวิตเหมือนกันตดต่อกันโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง คนสมัยก่อนเชื่อกันว่าเกิดขึ้นจากน้ำมือของผีแม่ม่ายที่ออกมาอาละวาดคร่าชีวิตของผู้ชายในหมู่บ้าน ส่วนใหญ่แล้วผู้ชายที่ตกเป็นเหยื่อของผีแม่ม่าย มักจะมีอายุประมาณ 20-60 ปี โดยเฉพาะคนที่ยังโสดมักตกเป็นเหยื่อของผีแม่ม่ายมากกว่า
คนโบราณเชื่อกันว่า ผีแม่ม่าย ในตอนที่เป็นมนุษย์เป็นหญิงร่านที่นิยมไปเป็นชู้กับสามีของคนอื่น เป็นเหตุให้ครอบครัวของคนอื่นต้องร้าวฉานแยกทาง พรากลูกพรากเมีย บางเชื่อว่าผีแม่ม่ายเป็นวิณญาณของโสเภณี ที่แม้ตายจิตก้ยังคงเต็มไปด้วยกามตัณหาทำให้ไม่สามรถไปผุดไปเกิดจนกระทั่งกลายมาเป็นวิญญาณเร่ร่อน หรือเป็นวิญญาณของหญิงม่ายสามีตั้งแต่ยังสาวที่มีความต้องการทางเพศสูง นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่า ผีแม่หมาย ถูกจัดอยู่ในประเภทของ “ผีบังบด” หรือ “มนุษย์อีกมิติหนึ่ง” ที่อาศัยอยู่ในเมืองลับแล
ผีแม่ม่าย และเมืองลับแล
“เมืองลับแล” เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ภายในโลกทิพย์ เป็นที่อยู่ของจิตวิญญาณที่มีบุญและกรรมน้อย ทำให้มีสภาพอยู่กึ่งกลางระหว่างเทวดากับอสูร ไม่ใช่เมืองของมนุษย์ที่มีกายหยาบ ถ้าหากใครบังเอิญหลงเข้าไปในเมืองลับแลมักจะแยกไม่ออกจากโลกปกติ เพราะสภาพภายในเมืองลับแลมีการทำไร่ ทำนา อยู่อาศัยหากิน คล้ายกับโลกมนุษย์เป็นอย่างมาก สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันคือ เมืองลับแลไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ มีเพียงจิตวิญญาณอาศัยอยู่เท่านั้น โดยเชื่อกันว่าดินแดนของเมืองลับแลตั้งอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์
คนในเมืองลับแลจะรักสงบ ผู้ชายไม่นิยมการสู้รบ ทำให้ต้องย้ายเมืองหนีการรุกรานของเทพและอสูรบ่อยครั้ง ทำให้ไม่เมืองภาวรเป็นของตัวเอง ไม่มีบุญเก่ามากพอที่จะหล่อเลี้ยงตัวเองทำให้ต้องทำงานหนัก และก็ต้องคอยย้ายเมืองหนีการรุกรานสลับกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุดที่จิตวิญญาณของผู้ชายที่กลับมาเกิดใหม่ในดินแดรลับแลซ้ำไปมาหลายครั้งจนกระทั่งถึงจุดที่สูญสลายหายไปจนหมด เหลือเอาไว้แต่เพียงจิตวิญญาณของผู้หญิง จนทำให้เมืองลับแลถูกเรียว่า “เมืองแม่หม้าย”
เมืองลับแลที่กลายมาเป็นเมืองแม่หม้าย ยิ่งทำให้การใช้ชีวิตในเมืองลับแลลำบากขึ้น เพราะผู้หญิงที่อาศัยอยู่ ณ เมืองนี้ มักต้องบาปกรรมที่เคยทำไว้สมัยยังเป็นมนุษย์ที่เคยแย่งสามีคนอื่น หรือหากินด้วยการเป็นโสเภณีจนทำให้ครอบครัวคนอื่นต้องแตกแยก ทำให้กระหายอยากได้ดวงจิตของผู้ชายจนต้องออกไปเสาะแสวงหายังโลกมนุษย์ เมื่อได้ดวงจิตของชายกลับมาก็จะรุมแก่งแย่งผู้ชายกันด้วยความกระหายกาม เป็นเหตุทำให้เมืองลับแลล่มสลายลง จนกระทั่งไม่มีเมืองอาศัยกลายเป็นจิตวิญญาณเร่ร่อน ตกต่ำลงไปอาศัยอยู่ในเมืองมนุษย์เฝ้าตามหาผู้ชายเพื่อเสพกามจนกลายมาเป็น “ผีแม่ม่าย” หรือ “อสูรแม่หม้าย” ที่ผู้ชายต่างหวาดกลัว ยิ่งผีแม่หม่ายได้สูบพลังจากผู้ชายมากเท่าไหร่ ก็จะมีฤทธิ์แก่กล้าร้ายมากขึ้น ทำให้การปราบผีแม่ม่ายยากตามขึ้นไปด้วย เมื่อผีแม่ม่ายตบะแก่กล้ามากจะถูกเรียกว่า “ปีศาจนางคณิกา” ที่มีมนต์ทำให้ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยกำลังจิตลดลง อุดมการณ์ลดลง ความห้าวหาญ กร้าวแกร่งลดลง จนหมดกำลังจิตกำลังใจลงทีละน้อย กระทั่งทำงานหนักจนไหลตายไปในที่สุด
ในเมืองนี้จะมีแต่ผู้หญิง หากเมื่อไหร่ที่ต้องการผู้ชาย ผีแม่ม้ายก็จะออกมาจากเมืองลับแลแล้วใช้ความงดงามมาหลอกล่อให้ผู้ชายติดตามกลับไปด้วย แต่ไปเพียงจิตวิญญาณทิ้งกายหยาบที่เหมือนกับเปลือกนอกเอาไว้ทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่าไหลตาย แต่ที่จริงแล้วเป็นเพียงการที่จิตออกจากภาชนะ แต่เป็นการออกไปแบบถาวรโดยไม่มีโอกาสได้กลับเข้าร่างอีกนั่นเอง สำหรับลักษณะของผีแม่ม่าย เชื่อกันว่ามักเป็นหญิงงาม ผมยาวประบ่า มีทรวดทรงสวยงามต้องตาชาย ทำให้ยากนักที่ชายใดจะปฎิเสธการเข้าหาของผีแม่ม่ายในยามกลางคืน
ลักษณะของผีแม่ม่าย
ผีแม่ม่าย มีจุดเด่นในเรื่องของความคล้ายคลึงกับมนุษย์อย่างมาก การแสดงออก รวมไปถึงกริยามารยาทก็เหมือนกับมนุษย์ทุกประการ ไม่กินของสกปรกเหมือนกับผีประเภทอื่น ผีแม่ม่ายมักปรากฏตัวในฝันของเหยื่อ เป็นสาวงาม ขาว อายุราว 20 ปี บ้างว่าทาเล็บแดงและสวมซิ่น มาขอหลับนอนหลับนอนกับชายหนุ่ม ถ้าใครยอมก็จะเสียชีวิต บ้างว่าผีแม่ม่ายเป็นหญิงสาวสวมชุดภูไทก่อนที่จะหายตัวไป ฝันว่ามีผู้หญิงแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้าน พร้อมกับพาผู้ชายออกไปจากหมู่บ้านหลายคน หรือฝันว่ามีผู้หญิงสาวมาถามหาผู้ชายในบ้าน เมื่อผีแม่ม่ายไปหาเหยื่อที่หมายตาเอาไว้ก็จะทำการเสพสมสูบพลังชีวิตจากชายเหล่านั้น จนกระทั่งเสียชีวิตไปในที่สุด จากนั้นก็จะนำวิญญาณของชายเหล่านั้นไปเป็นผัวในเมืองผี เมื่อมีการปรากฏตัวของผีแม่ม่ายในพื้นที่ใดจะทำให้ผู้ชายหวาดผวาไม่กล้านอนในตอนกลางคืน เพราะถ้าหากเผลอหลับไปอาจจะไม่ตื่นฟื้นกลับคืนมาเห็นแสงตะวันอีก จึงใช้การล้อมวงพูดคุยกันในตอนกลางคืนแล้วเปลี่ยนเวลาไปนอนในตอนกลางวันแทน
เชื่อกันว่าผีแม่ม่าย ที่มาจากเมืองลับแลมักจะสิงสู่อยู่ในผู้หญิงที่มีพฤติกรรมคล้ายกัน ไม่มีสามี แต่ชอบมีเพศสัมพันธ์กับสามีของคนอื่น ทำให้ครอบครัวของฝ่ายชายเกิดความร้าวฉาน แตกแยก เมื่อตกกลางคืนผีแม่ม่ายจะออกไปหากินสูบพลังชีวิตของผู้ชายจนทำให้เกิดการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาที่หาคำตอบไม่ได้
การสังเกตร่างสิงสู่ของผีแม่ม่าย
ด้วยความเชื่อดังกล่าว คนโบราณจึงได้แนะนำวิธีการสังเกตว่า หญิงคนใดเป็นร่างสิงสู่ของผีแม่ม่าย ด้วยการสังเกตว่าหากพื้นที่ใดมีการออกอาละวาดของผีแม่ม่าย ให้สังเกตผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีพฤติกรรมร่าน ชอบแอบเล่นชู้กับสามีของคนอื่น คนนั้นมักจะเป็นที่สิงสู่ของวิญญาณผีแม่หม่ายได้โดยง่าย
การป้องกันตัวจากผีแม่ม่าย
เชื่อกันว่าสามารถป้องกันการรังควาญของผีแม่ม่ายได้ด้วยวัตถุบางอย่าง เช่น นำไม้เนื้ออ่อนมาแกะสลักเป็นปลัดขิกขนาดใหญ่ยาวจนสามารถสังเกตเห็นได้แต่ไกล ที่ทำการทาหัวลึงค์ให้เป็นสีแดง แล้วนำไปตั้งเอาไว้ที่หน้าบ้านเพื่อให้ผีแม่ม่ายทำการเสพสมกับปลัดขิกแทน หรือตั้งเอาไว้ที่ทางเข้าออกของหมู่บ้านทั้งสี่ทิศ การแขวนหุ่นไล่กาที่มีปลัดขิกห้อยอยู่ เพราะเชื่อกันว่าหากผีแม่ม่ายมาพบเห็นหุ่นที่ตั้งอยู่หน้าบ้านจะเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ชายแล้วนำกลับไปเป็นผัว หรือตกใจเตลิดหนีเพราะคิดว่ามีคนยืนเฝ้าบ้าน หรือเข้าใจว่าหุ่นไล่กาเป็นผู้หญิงทำให้ไม่กล้าย่างกรายหรือมาเข้าฝันคนในหมู่บ้านอีก และการนำเอาเสื้อสีแดงมาแขวนเอาไว้หน้าบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้ผีแม่ม่ายมาหมายเอาชีวิตของผู้ชายในครอบครัว ส่วนในพื้นที่ที่ผีแม่ม่ายระบาดหนัก บางบ้านจะแขวนป้ายหน้าบ้านเขียนว่า “บ้านนี้ไม่มีผู้ชาย” และผู้ชายบางคนถึงกับต้องนุ่งผ้าถุง สวมเสื้อม่อฮ่อม ทาเล็บแดงที่นิ้วก้อย (บางพื้นที่ทาเล็บแดงหมดทั้งหมด ทั้งมือแลเท้า) ทาปากแดง เพื่อหลอกผี เมื่อผีแม่ม่ายมาหาในตอนกลางคืนแล้วเห็นว่าเป็นชายแท้ เป็นเพศที่สาม ผีแม่ม่ายก็จะละเว้นแล้วไปเสาะแสวงหาเหยื่อรายอื่นแทนนั่นเอง นอกจากนี้ ถ้าหากผีแม่ม่ายมาปรากฏตัวในฝันแล้วขอร่วมหลับนอน ให้ทำการปฎิเสธห้ามยอมรับอย่างอย่างเด็ดขาด จะช่วยทำให้รอดพ้นจากการตกเป็นเหยื่อของผีแม่ม่าย
วิธีการกำจัดผีแม่ม่าย
การกำจัดผีแม่ม่ายอย่างเด็ดขาด จำเป็นที่จะต้องหาตัว “ราชินีแม่หม้าย” ให้พบแล้วทำการปราบให้ได้เสียก่อน แล้วจึงค่อยทำการจัดการกับบริวาร สำหรับการสังเกตว่าผีแม่ม่ายตนใดเป็นระดับราชินีก็ไม่ยากนัก เพราะผีแม่ม่ายในระดับนี้จะมักใหญ่ใฝ่สูงมีความทะเยอทะยานอยากที่จะเป็นผู้นำ ทำให้พฤติกรรมแสดงออกมาในตอนเป็นมนุษย์มักจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของอำนาจ เช่น อยากเป็นผู้ใหญ่บ้าน กำนัน หรือคนที่มีอำนาจได้รับการนับถือจากคนในพื้นที่ เป็นต้น
ผู้ที่เรียนคาถาอาคมหลายคน ได้ถูกสอนวิธีการจัดการกับผีแม่ม่ายที่แก่กล้าเอาไว้ว่า การกำจัดผีแม่ม่ายสามารถทำได้ด้วย “ผู้ชายที่มีอสูรมังกรดำ” ที่มีพลังในการสูบชีพมารและอสูรได้ ด้วยการมีหรือไม่มีเพสัมพันธ์กับผีแม่ม่ายก็ได้ ส่วนผีแม่ม่ายธรรมดาทั่วไปสามารถใช้การสะกดเอาไว้กับวัตถุโดยใช้มนต์ “นารายกรึงจักร” แล้วนำวัตถุนั้นไปทำลายทิ้งเสียให้สิ้นซาก หรืออาจเมตตาทำการโปรดให้หลุดพ้นจากการเป็นอสูรก่อนเพื่อให้วิญญาณของผีแม่ม่ายหลุดพ้นจากวงเวียนกรรมที่เกิดขึ้น
คนโบราณยังมีความเชื่ออีกว่า ถ้าหากมีผู้ชายในหมู่บ้านไหลตายจากฝีมือของผีแม่ม่าย ให้ทำการกัดนิ้วโป้งเท้าของผู้ตาย แล้วผู้ตายจะฟื้นคืนชีพกลับคืนมา แต่เคยมีคนที่พยายามพิสูจน์ความเชื่อดังกล่าวแล้วปรากฏว่าไม่ได้ผลแต่อย่างใด
การปรากฏตัวของผีแม่ม่ายในปัจจุบัน
ความเชื่อเกี่ยวกับผีแม่ม่าย ยังคงมีอยู่อย่างแพร่หลายอย่างมากในภาคอีสานและกระจายไปยังภาคอื่นใกล้เคียงมาให้เห็นจนถึงปัจจุบัน สำหรับเหตุการณ์เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาหาคำตอบไม่ได้ ที่คนในพื้นที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของผีแม่ม่ายจนทำให้เกิดความแตกตื่นเป็นอย่างมาก อาทิเช่น เหตุการณ์ดังต่อไปนี้
พ.ศ. 2552 อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ชาวบ้านต้อหวาดผวากลัวผีแม่ม่ายหมายตาเอาชายหนุ่มในหมู่บ้านไปอยู่ด้วย หลังจากที่ชาวบ้านเสียชีวิตถึง 11 คน ในหนึ่งปี แม้จะเคยทำการจัดบุญเลี้ยงผีมาแล้วถึงสองครั้งก็ยังคงมีคนตายอยู่ จากฝีมือของ “ผีปอบแม่หม้าย” มาเอาชีวิตของคนในหมู่บ้าน ทั้งที่คนหนึ่งที่เสียชีวิตก็ได้ทาเล็บแดงตามความเชื่อในการป้องกันผีแม่หมายไม่ให้มาเอาชีวิตด้วย
พ.ศ.2559 ชาวบ้านใน อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ หวาดผวากับการปราฏตัวของผีแม่ม่ายจะมาเอาชีวิต หลังจากที่ผู้ชายในหมู่บ้านหลายคนฝันเห็นแม่ม่ายสาวสวยมาขอเป็นเมีย และมีคนตอบรับร่วมหลับนอนจนเสียชีวิตหนึ่งราย
พ.ศ.2561 อ.หนองกรุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ชาวบ้านในพื้นที่หวาดหวากับผีแม่ม่ายที่ปรากฏตัวและทำให้มีคนเสียชีวิตอย่างกะทันหันต่อเนื่องถึง 5 ศพ โดยเชื่อกันว่าเป็นีมือของผีปอบ และผีแม่ม่าย กลับมาอาละวาดอีกครั้ง เพราะเคยเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันเมื่อ 7 ปี ก่อน แถมยังเฮี้ยนจัดมากกว่าเดิม เพราะมีเหยื่อสองคนเป็นชายฉกรรจ์อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน สภาพศพรอบคอมีรอยเขียวคล้ำคล้ายถูกบีบคอ
ในปี พ.ศ.2562 ใน อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ชาวบ้านได้นิมนต์พระสงฆ์เพื่อช่วยขับไล่ผีแม่ม่ายออกไปจากหมู่บ้าน หลังจากที่มีชายสามคนเสียชีวิตอย่างปริศนาติดต่อกันในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ผ่านพิธีกรรมขี้ผึ้งพันน้ำมันหมื่น และนำเปลือกหอยที่ร้อยมารวมกันกลายเป็นเครื่องบูชาปราบผีแม่ม่าย โดยในพิธีกรรมนี้ชาวบ้านทุกคนที่มาเข้าร่วมต้องสวมสายสิญจน์ไว้บนศีรษะตลอดเวลา เมื่อเสร็จพิธี ชาวบ้านนำสายสิญจน์ ธง น้ำมนต์ เทียนไข ผ้ายันต์ และเครื่องรางกลับบ้านเพื่อป้องกันครอบครัวจากผีแม่ม่าย พร้อมกับนำไม้ที่ลงยันต์ไปปักทางเข้าหมู่บ้านุกจุด เพื่อไม่ให้ผีแม่ม่ายย้อนกลับมาเอาชีวิตของคนในหมู่บ้านอีก ในปีเดียวกันที่ อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ก็เกิดปรากฏการณ์หวาดผวาหลังผีแม่ม่าย หลังจากที่มีผู้ชายสองคนเสียชีวิตอย่างปริศนาในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน จนทำให้เกิดข่าวลือว่าเป็นผีมือของผีแม่ม่าย ชาวบ้านจึงได้นำเสื้อแดงมาแขวนไว้หน้าบ้านตามความเชื่อ
นาเลบา (Nale Ba) ผีแม่ม่ายของประเทศอินเดีย
ในประเทศอินเดียมีเรื่องราวของผีแม่ม่ายที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับของประเทศไทย โดยผีแม่ม่ายตนนี้มีชื่อว่า "นาเลบา" (Nale Ba) เริ่มลือกันเป็นอย่างมากในช่วงปี 1990 ในเมืองบังกาลอร์ รัฐกรณาฏกะ ว่ามีแม่มดเดินเตร่ไปตามถนนที่มืดมิดในตอนกลางคืนและเคาะประตูเรียกคนในบ้าน แม่มดตนนี้จะทำการหลอกล่อผู้ชายในบ้านด้วยเสียงที่เหมือนกับผู้หญิงคนสนิท เช่น แม่ ภรรยา น้องสาวหรือหญิงสาวที่พวกเขาหลงรัก เมื่อชายคนนั้นหลงเชื่อเปิดประตูออกมาเห็น นาเลบา (Nale Ba) ก็ถูกล่อลวงให้ตามออกไปข้างนอก หรือบางรายตายทันที! ที่ได้เห็นหน้าของแม่มด บางรายเสียชีวิตอย่างลึกลับภายใน 24 ชั่วโมงต่อมาถ้าหากไม่ยอมออกมาจากบ้าน ข่าวลือที่น่าสะพรึงดังกล่าวได้แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วจนทำให้ความหวาดกลัวเข้าปกคลุมทั่วทั้งเมืองในชั่วพริบตา สิ่งที่ทำให้ผีตนนี้มีความเหมือนกับผีแม่ม่ายของประเทศไทยคือ เฉพาะ "ผู้ชาย" เท่านั้นที่ตกเป็นเหยื่อ
นาเลบา (Nale Ba) ผีม่ายขันหมากแห่งประเทศอินเดีย ใครเห็น! ตาย!!!
บทสรุปส่งท้าย : ผัแม่ม่าย ความตาย ความเชื่อ และผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์
ทางการแพทย์ สาเหตุการตายผิดธรรมชาติที่เกิดขึ้น มาจากอาการเส้นเลือดในสมองแตก หัวใจเต้นผิดหวังหวะ และหัวใจวายเฉียบพลัน ที่สามารถเกิดขึ้นได้จากกลุ่มคนที่ชายแรงงานหนักตลอดทั้งวัน อันสอดคล้องกับลักษณะการใช้ชีวิตของชาวอีสานในต่างจังหวัดที่ขยันทำไร่ ทำนา กันตลอดทั้งวัน เช่นกัน
ถึงแม้ว่าผีแม่ม่ายจะเป็นหนึ่งในผีพื้นบ้านที่ไม่ได้มีความโด่งดังเหมือนกับผีกระแสหลักอย่างกระสือ กระหัง หรือผีปอบ แต่ผีแม่ม่ายก็ยังคงเป็นหนึ่งในวิญญาณสุดเฮี้ยนที่ยังคงปรากฏตัวออกมาหลอกหลอนชาวบ้านในภาคอีสานกันมาอย่างยาวนาน และมีสถิติคนที่เสียชีวิตจากความเชื่อเรื่องผีแม่ม่ายให้เห็นบ่อยครั้ง มากกว่าผีสางประเภทอื่น ควรแก่การจัดอันดับไว้ในฐานะของวิญญาณสุดเฮี้ยน! อันดับต้นๆของเมืองไทยเลยทีเดียว...