ยินดีต้อนรับสู่ 5 [ประตูสู่นรก] ที่เปิดให้เข้าเยี่ยมชม แต่... ไม่การันตีว่าทุกคนจะได้กลับมา!!

            ทั่วโลกต่างมีข่าวลือเกี่ยวกับสถานที่จะนำพาผู้คนที่กล้าหาญมาเยี่ยมชมเดินทางไปสู่ “นรก” หรือเป็นสถานที่เชื่อมต่อกับโลกหลังความตาย ทำให้ทุกปีมีคนกล้าหาญจำนวนมากที่เดินทางมายังสถานที่เหล่านี้ โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือความตื่นเต้นและพิสูจน์ว่าการได้พบเห็นกับนรกนั้น เป็นเพียงข่าวลือหรือเปล่า!?

            เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาทำความรู้จักกับ 5 สถานที่น่าสนใจ ที่ถูกเรียกว่าเป็น “ประตูสู่นรก” จากทั่วโลกจากบทความชิ้นนี้กันเลย...

 

1.ประตูสู่นรก: The Gateway to Hades ประเทศตุรกี

            ประตู Ploutonion หรือ Pluto's Gate ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 190 ปี ก่อนคริสตกาล ณ เมือง Hierapolis ทางภาคใต้ของประเทศตุรกี หลังจากที่นักโบราณคดีทำการค้นคว้า ณ ซากโบราณสถานแห่งนี้มาอย่างยาวนานจนถึงปี 1965 พวกเขาก็พบว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ที่ทำให้หายใจไม่ออกมาจากในถ้ำเบื้องล่าง ซึ่งก๊าซพิษเหล่านี้เองที่เป็นที่มาของตำนานนกที่บินเข้าไปในควันประหลาดและตายไปในที่สุด แน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้ยังคงเปิดให้เยี่ยมชม โดยจ่ายค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย

 

2.ประตูสู่นรก:  The Caves to Xibalba

            ตำนานของชาวมายันเชื่อว่าดินแดนหลังความตาย คือ เมืองขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “ซีบาลบา” มันเป็นเมืองที่มีชีวิตเป็นของตัวเอง มีกับดักและบททดสอบมากมายรอคอยให้วิญญาณผ่านไป การที่จะไปถึงเมืองแห่งนี้ได้นั้น ต้องเดินทางผ่านถ้ำและหลุมที่ยุบเป็นทางเข้าและถ้ำที่เป็นทางผ่านของแม่น้ำใต้ดินแห่งนี้เองก็เป็นหนึ่งในสถานที่แห่งหนึ่งที่นำไปสู่ดินแดนแห่งความตายเช่นกัน

            ผู้คนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำจะนำของเซ่นไหว้มาโยนลงไปถ้ำแห่งนี้ เพื่อเป็นเอาใจเหล่าทวยเทพตั้งแต่อาหารไปจนถึงทองคำ บางครั้งก็เป็น “มนุษย์” ถึงแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเปิดให้เข้าชม แต่ก็ทำได้เพียงชั้นต้นเท่านั้น เพราะความคดเคี้ยวของถ้ำทำให้เกิดการหลงทางจนอาจนำไปสู่ความตายได้ง่ายดายมาก

 

3. ประตูสู่นรก: The Mountain of Fear ประเทศญี่ปุ่น

            บริเวณคาบสมุทรชิโมคิตะ ของประเทศญี่ปุ่นมีภูเขาไฟที่เรียกว่า “ยาเกะ-ยามะ” ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของการเดินทางสู่นรก ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากภูมิประเทศที่ไหม้เกรียมและก้อนหินเกลื่อนกลาดจากแรงระเบิดของภูเขาไฟ หลุมเดือดจากลาวาและควันกำมะถันมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่มันจะดูเหมือนกับขุมนรก

            ในขณะเดียวกัน สถานที่แห่งนี้ก็ยังเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์มาอย่างยาวนาน โดยมีลำธารอยู่ใกล้ ๆ ที่ไหลลงทะเลสาบอุโซริ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 4 แม่น้ำซันซุในประเทศญี่ปุ่น ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อในเรื่องของแม่น้ำสามแยกที่วิญญาณคนตายต้องเดินทางผ่านตามความเชื่อทางศาสนา

ทำให้เมื่อเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ ก็จะได้เห็นรูปปั้นของพระโพธิสัตว์ เทพผู้พิทักษ์เด็กจิโซอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำและบรรดาของเซ่นไหว เช่น ของเล่น เสื้อผ้าและกองก้อนหิน ที่เชื่อว่าจะช่วยส่งคนตายให้สู่ชีวิตใหม่

 

4. ประตูสู่นรก: The Gates of Guinee ประเทศสหรัฐอเมริกา

            ตามหลักความเชื่อของนิกายวูดู หลังจากที่มนุษย์เสียชีวิตก็จะไปอาศัยอยู่ใน “กินี” ส่วนหนึ่งของดินแดนแห่งนรกเพื่อเฝ้ารอคอยเหล่าบุคคลอันเป็นที่รักในชีวิตหลังความตาย

            ดินแดนแห่งนี้ถูกปกครองโดย “อารอมเสมดี” เทพแห่งความตายและการเกิดใหม่ โดยทั่วไปมักจะมีการกล่าวถึงประตู 7 บาน ที่เหล่าดวงวิญญาณต้องเดินทางผ่าน ที่เรียกกันว่าสัปดาห์แห่งความตายที่ดวงวิญญาณต้องทำการเดินทางไปสู่ความตาย

            เชื่อกันว่าในนิวออลีนส์ ประเทศสหรัฐอเมริกามีสถานที่ที่นำไปสู่ดินแดนแห่งความตาย ถ้าหากใครเดินทางไปสุสานของ “French Quarter” แล้วทำสัญลักษณ์ไม้กางเขนของซามิดิลงบนถนนของสุสาน ถ้าหากทำอย่างถูกต้องตามลำดับก็จะสามารถเข้าสู่กินีได้ แต่ต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะอาจต้องเผชิญหน้ากับภูตผู้พิทักษ์ที่จะดึงร่างของผู้ท้าทายไปสู่โลกใต้พิภพตลอดกาล

 

5. The Gates of New Jersey ประเทศ

            ในเขตของนิวเจอร์ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการกล่าวถึงอุโมงค์เก่าแก่เพดานหินชื่อว่า “Weasel Brook” ว่ามันอาจเป็นหนึ่งในประตูที่ทอดยาวสู่นรก

            อุโมงค์ที่ทั้งเก่าและสกปรกแห่งนี้ มีผู้คนมากมายที่อ้างว่าจะได้ยินเสียงเคาะที่น่าประหลาด เมื่อตรวจสอบดูกลับพบซากศพที่เน่าเปื่อยถูกแขวนในลักษณะของกางเขนกลับหัว แถมยังมีตำนานของอมนุษย์ที่เรียกว่า Red Eye Mike

            เชื่อกันว่าอุโมงค์แห่งนี้เชื่อมต่อกับอุโมงค์เจ็ดแห่งที่มีลักษณะเป็นเขาวงกต ที่ยิ่งเดินลึกเข้าไปมากเท่าไหร่ก็จะใกล้ชิดกับเหล่าปีศาจมากขึ้นเท่านั้น แถมยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับห้องลับของปีศาจ หรือแม้แค่ข่าวลือว่ามีการจัดประชุมลับของเหล่า KKK (กลุ่มเหยียดสีผิวหัวรุนแรง) ในอุโมงค์อีกด้วย

            อย่างไรก็ตามในความเป็นจริง อุโมงค์แห่งนี้ในช่วงหน้าฝนที่ตกหนักจะมีการระบายน้ำอย่างรวดเร็ว จนเป็นเหตุทำให้วัยรุ่นหลายคนต้องจมน้ำตายจากการพยายามสำรวจเส้นทางที่พวกเขาเชื่อว่ามันคือถนนสู่โลกหลังความตาย...