ใครบ้างที่เป็นมนุษย์หมาป่า? รวมวิธีการสังเกตจากตำนานและความเชื่อที่น่าสนใจ
ในช่วงศตวรรษที่ 7 ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับการกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าเป็นอย่างมากจนทำให้มีการเขียนตำราทางการแพทย์ที่ได้ระบุลักษณะของบุคคลที่เป็นมนุษย์หมาป่าเอาไว้เพื่อให้ง่ายต่อการจำแนกออกจากคนธรรมดาทั่วไป อ้างอิงจากนายแพทย์ “พาวรอต อาจิน่า” (Paulos Agina) ที่อาศัยอยู่ในอเล็กซานเดรีย ได้มีการอธิบาpอาการของบุคคลที่มีแนมโน้มว่าอาจจะเป็นมนุษย์หมาป่าเชื่อกันว่าจะมีลักษณะภายนอกที่สามารถทำการสังเกตได้ ดังต่อไปนี้
- ผิวซีด
- การมองเห็นที่ด้อยกว่าปกติ
- ปราศจากน้ำตา น้ำลาย ปากแห้งมากกว่าปกติ
- มีความกระหายน้ำเป็นอย่างมาก
- มีบาดแผลถลอdบริเวณแขนและขาที่ไม่ยอมหาย เชื่อกันว่าบาดแผลเหล่านี้เกิดขึ้นจากการเดินสี่เท้า
- มีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเดินไปรอบ ๆ สุสานในตอนกลางคืน
- มักร้องไห้จนรุ่งสาง
นอกจากวิธีการสังเกตทางการแพทย์ที่ได้กล่าวถึงกันไปแล้วในตอนต้น ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่เชื่อว่าจะช่วยให้สามารถทำการแยกเหล่ามนุษย์หมาป่าออกจากคนทั่วไปได้ง่ายดายยิ่งขึ้นที่ถูกผู้คนในสมัยแห่งความหวาดกลัวคิดขึ้นมา อาทิเช่น
- นิ้วชี้ยาวกว่านิ้วกลางเป็นอย่างมาก
- ขนคิ้วแบบ “มอนนาบราว” (Monobrow) หรือมีขนคิ้วยาวเพียงข้างเดียวแทนที่จะเป็นสองข้าง
- มีเครื่องหมายดาวห้าแฉกบนร่างกาย รอยสัก/ตราประทับ อันเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย ส่วนใหญ่แล้วมักจะพบที่บริเวณหน้าอกหรือมือ
- มีแสงสีแดงในดวงตาสีเข้ม
- สัตว์ป่าที่มีดวงตาเป็นของมนุษย์
- หากมนุษย์หมาป่าได้รับบาดเจ็บ อาการบาดเจ็บเหล่านั้นก็จะแสดงให้เห็นในร่างของมนุษย์ด้วยเช่นกัน
ความเชื่อเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีรากฐานมาจากความหวาดกลัวของผู้คนในสมัยก่อนที่เชื่อกันว่ามีมนุษย์หมาป่าปลอมตัวซ่อนอยู่ท่ามกลางมนุษย์ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากความชั่วร้ายจึงได้มีการกำหนดลักษณะผิดปกติของคนอื่น ๆ ขึ้นมา เพียงเพื่อที่จะทำการแยกบุคคลต้องสงสัยออกและอาจนำไปสู่การตามล่าสังหารคนเหล่านั้นทิ้งเสียเพื่อความสบายใจของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม หากทำการอ้างอิงตามคติชนวิทยา ความเชื่อและประวัติศาสตร์ของมนุษย์หมาป่าที่ได้ทำการบันทึกเอาไว้นับตั้งแต่อดีตจะเห็นได้ว่าเมื่อมนุษย์หมาป่าอยู่ในร่างของมนุษย์มักจะไม่มีสัญญาณใด ๆ ภายนอกที่ช่วยบ่งบอกว่าพวกเขาคือมนุษย์หมาป่า ไม่มีกลิ่นเหม็นสาบ ไม่มีลักษณะทางกายภาพแปลก ๆ บางคนถึงขนาดที่เจ้าตัวเองได้กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าโดยที่ไม่ทันรู้ตัวอีกด้วย หากอ้างอิงตามความเป็นจริงเหล่านี้จะพบว่าการแฝงตัวของเหล่ามนุษย์หมาป่าในสังคมของมนุษย์จึงเป็นเรื่องที่แสนแนบเนียนเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ในนิทานพื้นบ้านบางเรื่องโดยเฉพาะกรีกและโรมัน บางครั้งมนุษย์หมาป่าที่ออกเดินทางไปกับคนอื่น ๆ ในร่างของมนุษย์จะมีการเปิดเผยตัวตนของตัวเองให้เพื่อนร่วมงานรับรู้ แถมพวกมันยังออกไปทำการล่าสัตว์เพื่อนำกลับมาให้เพื่อน ๆ กินเป็นอาหารเพื่อบรรเทาความหิวโหยจากการเดินทางเป็นระยะเวลานาน ถึงแม้ว่าคนอื่น ๆ ดูจะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นบ้าง แต่ในที่สุดก็ยอมรับได้ เนื่องจากในช่วงเวลานั้นมนุษย์หมาป่าไม่ได้ถูกมองว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายเหมือนกับในปัจจุบัน
ดร. เวอร์เนอร์ โบเคลมาน (Dr. Werner Bokelman) นักมานุษยวิทยาชาวออสเตรเลีย ผู้ที่ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่ามาอย่างยาวนานเป็นเวลากว่า 30 ปี ได้ทำการพัฒนาแบบทดสอบที่เชื่อว่าจะช่วยให้สามารถระบุตัวของมนุษย์หมาป่าที่ซ่อนตัวอยู่ในสังคมอย่างน่าสนใจเอาไว้ ดังต่อไปนี้
- มนุษย์หมาป่ามักมีกลิ่นเหมือนส่วนผสมของหญ้าแห้งและมูลม้า กลิ่นน่ารังเกียจเหล่านี้เกิดขึ้นจากต่อมกลิ่นตัวแบบพิเศษที่มีเฉพาะในมนุษย์หมาป่าเท่านั้น
- มนุษย์หมาป่าจะมีคิ้วในร่างมนุษย์ที่บรรจบกันบริเวณตรงกลางของหน้าผาก
- บุตรหลานของคนเหล่านั้นมักจะมีเสน่ห์ที่ดึงดูดเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มากเป็นพิเศษเมื่อพวกเขามีอายุราว 7-8 ขวบ เพราะเชื่อว่าเหล่ามนุษย์หมาป่าจะเริ่มมีวุฒิภาวะทางเพศเมื่อถึงช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเร็วกว่ามนุษย์โดยทั่วไปประมาณ 5 ปี
- นิ้วนางบนมือทั้งสองข้างของมนุษย์หมาป่าจะยาวมากกว่านิ้วกลาง
- เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่ที่มักจะหายตัวไปแล้วแทนที่ด้วยสัตว์ใหญ่ตัวใหม่ เพราะพวกมันมีความอยากอาหารเป็นอย่างมากและชื่นชอบที่จะฝังเขี้ยวลงในร่างของสัตว์ขนาดใหญ่
- มีเสียงหอนหรือเสียงร้องครวญครางแปลก ๆ ดังขึ้นในละแวกบ้านของบุคคลต้องสงสัยในช่วงพระจันทร์เต็มดวงโดยที่ไม่ได้มีสุนัขอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น
- ผิวของบุคคลนั้นมีการเปลี่ยนสีไปจากปกติ มนุษย์หมาป่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ในการกลายร่างจากมนุษย์ไปเป็นสัตว์ทำให้ผิวจะคล้ำมากขึ้นกว่าปกติ
- บุคคลนั้นมักเดินไปรอบ ๆ สุสาน ห้องเก็บศพหรืออยู่ในบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงบ่อย ๆ เชื่อกันว่าซากศพเหล่านี้เป็นแหล่งอาหารของเหล่ามนุษย์หมาป่า
- เลือดเป็นสีแดงอมฟ้า ปัสสาวะเป็นสีม่วงเข้ม
-
ซิฮัวเตเตโอ (Cihuateteo) วิญญาณน่าสะพรึงกลัวที่คอยช่วยเหลือนักรบ ตำนานแอซเท็ก
ซิฮัวเตเตโอ (Cihuateteo) วิญญาณสตรีน่าสะพรึงกลัวที่ได้รับความเคารพจากชาวแอซเท็ก