เจสัน วอร์ฮีส์ (Jason Voorhees) ผู้ที่ความตายไม่สามารถพรากมันไปจากการเข่นฆ่าสังหารโหดได้!!!
“เจสัน วอร์ฮีส์” (Jason Voorhees) เป็นฆาตกรเหนือธรรมชาติในภาพยนตร์ชุด Friday the 13th ผู้โดดเด่นในฐานะของเครื่องจักรสังหารที่เงียบกริบ ไร้ชีวิตและไร้ความปรานีต่อเหยื่อ เชื่อกันว่าเจสันถูกแรงกระตุ้นให้สังหารใครก็ตามที่พบเพื่อล้างแค้นให้กับการตายของแม่ “พาเมลา วอร์ฮีส์” (Pamela Voorhees) ผู้ถูกฆาตกรรมใกล้กับแคมป์ทะเลสาบคริสทัล (Camp Crystal Lake) ถ้าหากนับกันแบบคร่าว ๆ เจสันได้ทำการสังหารผู้คนในจอภาพยนตร์ไปมากกว่า 200 ราย!?
ต้นกำเนิดของฆาตกรสุดโหดเจสัน
เจสัน ถือกำเนิดในปี 1946 พร้อมกับความผิดปกติของใบหน้าอย่างรุนแรง ศีรษะใหญ่ผิดปกติและอาการทางจิตจากโรคไฮเดรเซฟาลัส (Hydrocephalus) แถมแม่ของเขาเองก็ยังเลี้ยงดูมาแบบผิด ๆ ด้วยการแยกเจสันออกจากชุมชน ให้การศึกษาเองที่บ้าน
เจสันเชื่อฟังทุกคำสั่งของมารดาอย่างเคร่งครัดจนกลายเป็นการทำให้เจสันไม่สามารถตัดสินใจเองในชีวิตได้โดยปราศจากคำแนะนำของแม่ การเชื่อฟังอย่างสุดโต่งนี้เองยังเป็นสิ่งที่ทำให้เจสันจินตนาการว่าเธอยังคงคุยกับเขาอยู่ทั้งที่เสียชีวิตไปแล้ว
ในปี 1957 แม่ของเจสันได้รับการว่าจ้างให้ทำงานเป็นแม่ครัวของค่ายฤดูร้อนของทะเลสาบคริสทัล แต่เธอไม่มีคนช่วยดูแลเจสันขณะไม่อยู่บ้านทำให้ต้องพาเขาไปด้วย การตัดสินใจดังกล่าวกลายเป็นเรื่องผิดพลาดมหันต์ เด็ก ๆ ในค่ายพากันรังแกเจสัน ถึงจะพยายามหนีเจสันก็ยังถูกจับโยนลงไปในทะเลสาบ แต่คนดูแลค่ายกลับมัวแต่มีเซ็กจนไม่ได้มาช่วยเหลือเจสันอย่างที่ควรทำให้ในที่สุดเจสันก็จมน้ำเสียชีวิตอย่างน่าเศร้า
ตำรวจเดินทางมาตรวจสอบแต่ก็ไม่พบศพของเจสัน หลังจากเกิดเหตุการสอบสวนตำรวจกลับสรุปว่าการตายของเจสันเป็นอุบัติเหตุ หลังจากนั้นจึงมีการกลับมาเปิดค่ายใหม่อีกครั้งในปี 1958 ท่ามกลางความโกรธแค้นของมารดาที่เสียลูกชายไป เธอจึงได้สังหารที่ปรึกษาของค่ายเพื่อล้างแค้นทำให้ค่าปิดตัวลงอีก เมื่อเปิดขึ้นอีกเธอก็วางยาพิษสารหนูในแหล่งน้ำของค่าย และมีการซุ่มยิงปริศนาเกิดขึ้น จนค่ายต้องปิดอย่างยาวนาน อันมาจากฝีมือของมารดาที่ไม่ต้องการให้ค่ายนี้เปิดขึ้นมาอีกจนต้องมีเด็กมาตกเป็นเหยื่อความบ้าคลั่งของความไร้ความรับผิดชอบเหมือนกับลูกชายของตัวเองอีก
ความจริงอันน่าตกใจของเจสัน!
ในความเป็นจริงเจสันไม่ได้จมน้ำตาย!!? เขาสามารถรอดชีวิตมาได้แล้วตัดสินใจว่าจะซ่อนตัวรอให้แม่มาตามหาเลยทำการไปอาศัยอยู่ในบ้านร้างในป่าพร้อมกับกินพืชน้ำรอบทะเลสาบเป็นอาหาร ล่าสัตว์ขนาดเล็กและขโมยอาหารเป็นบางครั้ง แต่แม่ของเขากลับไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขายังมีชีวิตอยู่จนกระทั่งถึงลมหายใจสุดท้ายของชีวิต
เจสันยังใช้ประโยชน์จากค่ายร้างสำหรับการหาเสบียงและของใช้บางอย่างจนกระทั่งเขาสามารถเอาตัวรอดเติบโตเป็นผู้ชายฉกรรจ์ได้อย่างเต็มที่ แต่ในปี 1978 ก็มีความพยายามในการปรับปรุงค่ายเพื่อเปิดใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง แต่แม่ของเจสันก็พยายามขัดขวางจนนำไปสู่เหตุการณ์ฆาตกรรมหมู่ แต่ในท้ายที่สุดเธอก็เพลี่ยงพล้ำจนเสียชีวิต
เจสันผู้ที่ได้เห็นมารดาจากไป เขาจึงได้นำศีรษะของแม่และมีดมาเชทเต้ที่ใช้เป็นอาวุธสังหารเธอกลับมายังที่อาศัยกลางป่า พร้อมกับสร้างแท่นบูชาหยาบ ๆ ขึ้นเพื่อเป็นที่วางศีรษะของมารดาอันเป็นที่รัก หลังจากนั้นสองเดือนเข้าก็เข้าไปในเมืองเพื่อตามล่าฆาตกรที่ฆ่าแม่ด้วยความโกรธแค้นและเขาทำได้สำเร็จอย่างน่าสยดสยอง
เปิดฉากการสังหารหมู่ของเจสัน
การสังหารหมู่ของเจสันเริ่มขึ้นในฤดูร้อนปี 1984 เมื่อมีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเข้ามาในพื้นที่ของทะเลสาบ เขาติดตามเฝ้าดูแล้วลงมือสังหารพวกเขาพร้อมกับตำรวจอีกนายหนึ่งโดยใช้กระสอบผ้าคลุมปิดบังใบหน้าอันเสียโฉม ก่อนที่จะได้รับหน้ากากฮอกกี้อันกลายมาเป็นสัญลักษณ์ความน่าสะพรึงกลัวในปัจจุบัน
เจสันฆ่าทุกคนที่พบ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่แสวงหาความน่าตื่นเต้นของตำนานเมืองจนเข้ามาใกล้ทะเลสาบ นักโบกรถโชคร้ายหรือคนที่พยายามจะทำลายศพของมัน อย่างไรก็ตามยามเมื่อเจสันเสร็จสิ้นภารกิจสังหารโหดแล้วก็จะหวนกลับไปที่ทะเลสาบคริสทัลเสมอ
พลังเหนือธรรมชาติของเจสัน
จากการออกอาละวาดของเจสัน ทำให้สามารถสรุปได้ว่าฆาตกรโหดรายนี้มีพลังเหนือธรรมชาติที่น่าสนใจหลายประการ เช่น
1.เจสันกับพลังในการย้ายจิตวิญญาณครอบครองร่างผู้อื่น
เชื่อว่าเจสันมีพลังเหนือธรรมชาติในการย้ายจิตวิญญาณไปครอบครองร่างของผู้คน เช่น ตอนที่เจสันถูกระเบิดร่างโดยอาวุธปืนและระเบิดมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนแหลกเป็นชิ้น เจสันได้ย้ายวิญญาณไปยังเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพกินหัวใจของตัวเองทำให้เจสันได้รับร่างใหม่ที่แข็งแกร่งมากพอจะสังหารเจ้าหน้าที่สามคนที่เฝ้าห้องเก็บศพได้อย่างง่ายดาย
2.เจสันกับความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์
ความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ของเจสัน เป็นสิ่งที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนมากที่สุด เจสันใช้มีดขนาดใหญ่ฟันทะลุร่างเหยื่อราวกับเนย ประตูถูกทำลายด้วยการถีบเพียงครั้งเดียวและโยนผู้ชายที่มีน้ำหนักกว่า 100 กก. ออกนอกหน้าต่างราวกับขนนก เป็นต้น
3.เจสันกับความต้านทานอาการเจ็บปวด
ถึงจะดูเหมือนไม่สะดุ้งสะเทือนยามถูกทำร้าย แต่ที่จริงแล้วเจสันก็ยังคงมีความเจ็บปวดเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป แต่กลับสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดได้อย่างยอดเยี่ยม เหตุผลที่เชื่อว่าเจสันยังมีความรู้สึกหลงเหลืออยู่เป็นเพราะยามเมื่อถูกทำร้ายร่างกายยังมีอาการสะดุ้งสะเทือนอยู่ เป็นการแสดงให้เห็นว่าเจสันไม่ได้ปราศจากความรู้สึกอย่างสิ้นเชิง
4.เจสันกับความสามารถในการสะกดรอยเหยื่อขั้นเทพ
เจสันสามารถเดินตามเหยื่ออย่างช้า ๆ แต่กลับไปปรากฏตัวต่อหน้าเยื่อที่วิ่งหนีเต็มกำลังได้อย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งยังสามารถเข้าไปในสถานที่บางแห่งแล้วจากไปราวกับควันโดยที่เหยื่อแทบไม่ทันรู้ตัว
5.เจสันกับไหวพริบจากนรก
เจสันยังคงแสดงให้เห็นว่ามีความเฉลียวฉลาดอันเป็นพื้นฐานของมนุษย์ หลายครั้งที่เจสันใช้สิ่งกีดขวางให้เกิดประโยชน์กับตัวเองแล้วใช้สิ่งเหล่านั้นให้กลายเป็นอาวุธเพื่อสังหารเหยื่อได้อย่างง่ายดายมากขึ้น
อาวุธประจำกายของเจสัน
เจสัน เป็นฆาตกรที่มีความสามารถในการใช้อาวุธได้อย่างหลากหลาย (บางครั้งก็ใช้มือเปล่า) แต่ดูเหมือนว่าจะชื่อชอบ “มีดมาเชทเต้” มากเป็นพิเศษ และไม่เคยใช้อาวุธประเภทปืนในการสังหารเหยื่อ ยกเว้นปืนตะขอเพื่อใช้ในการจับตัวเหยื่อเอาไว้ให้ง่ายต่อการสังหารด้วยอาวุธแบบประชิดตัว
การป้องกันตัวเองจากเจสัน
ดูเหมือนว่าจุดอ่อนสำคัญของเจสันคือ “น้ำ” เจสันเคยถูกจองจำอยู่ใต้ผืนน้ำของทะเลสาบคริสทัลเป็นระยะเวลายาวนานถึง 7 ปี แต่ดูเหมือนว่าเจสันจะสามารถว่ายน้ำได้ แถมยังเดินเท้าผ่านใต้ทะเลสาบโดยไม่จำเป็นต้องกลับขึ้นมาหายใจได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ภายในจิตใจของเจสันยังคงหวาดกลัวและตกอยู่ในการควบคุมของมารดาอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ดูเหมือนเจสันจะไม่สามารถขัดขืนได้ โดยเห็นได้จากในภาค เฟรดดี้ vs เจสัน ที่เฟรดดี้ได้ปลอมตัวเป็นแม่ของเจสันเพื่อหลอกล่อให้สังหารผู้คนเพื่อให้หวาดกลัวอันเป็นการเปิดทางให้เฟรดดี้กลับมาสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง เจสันก็ทำตามอย่างว่าง่ายและถ้าหากสามารถถอดหน้ากากของเจสันออก ดูเหมือนจะสร้างความสับสนให้กับมันครู่หนึ่งจนเป็นการช่วยเปิดโอกาสให้เหยื่อสามารถหนีรอดจากเงื้อมมือของมัจจุราชได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามการถอดหน้ากากของเจสันออกบางครั้งก็กลายเป็นหายนะ เพราะใบหน้าที่ผุกร่อนเน่าเปื่อยของมันทำให้หลายคนสติแตกจนหนีไม่ทันเช่นกัน...