“เรดัง” (Redang Island) เกาะต้องสาปที่กระชากวิญญาณทุกคนที่มาเยือน ตำนานเมืองชวนสยองของประเทศมาเลเซีย
กลุ่มเพื่อนชายหญิง 6 คน ได้ตัดสินใจเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อน ณ ประเทศมาเลเซีย ถือว่าเป็นการเดินทางครั้งแรกในฐานะของแฟนของเหล่าคนหนุ่มสาวสามคู่ พวกเขาลงเครื่องที่ประเทศสิงคโปร์และเข้าพักผ่อนในโรงแรม
คืนนั้นพวกเขาไปนั่งดื่มที่บาร์ของโรงแรมกันอย่างสนุกสนาน แต่ในตอนนั้นเองที่พวกเขาได้ยินเสียงสนทนาที่น่าสนใจจากชายชราสองคนที่นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง พวกเขากำลังแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ฟังดูน่าประหลาดเป็นอย่างมาก พวกเขาเลยตั้งใจฟังอย่างสนใจ
พวกเขาจับใจความได้ว่าพวกเขากำลังกล่าวถึง “เกาะต้องสาป!” ที่มีรูปร่างเหมือนกับพระจันทร์เสี้ยว ที่มีชายหาดที่สวยงามมากที่สุดเท่าที่เคยเห็น เกาะแห่งนี้มันเงียบสงบในตอนกลางวัน แต่ทุกคนที่มาเยือนเกาะแห่งนี้กลับเสียชีวิตอย่างน่าสยดสยอง
คนแรกที่อ้างสิทธิบนเกาะนี้มีชื่อว่า “ชีมมิ่ง มาโกต” (Cheeming Magot) ชายชาวมาเลเซียที่สร้างท่อมบนเกาะพร้อมกับหว่านพืชผลลงบนแผ่นดินที่เต็มไปด้วยหินเพื่อให้ภรรยาของเขาอยู่อาศัย แต่เขากลับถูกสังหารโดยบุคคลที่ไม่รู้จักและภรรยาเองก็จมน้ำตายในทะเล
หลายปีต่อมา มีคู่รักหนุ่มสาวย้ายไปอาศัยอยู่บนเกาะพร้อมกับสาวใช้ ต่อมาสามีกลับหลงรักสาวใช้จนทั้งคู่กลายมาเป็นชู้กัน เมื่อภรรยารู้เรื่อง สามีกับสาวใช้ก็วิ่งไปที่ป่าและฆ่าตัวตายด้วยกัน ส่วนเรือของฝ่ายภรรยาถูกพบบนทะเล แต่ปราศจากร่างของเธอ
พวกเขารู้สึกทึ่งกับเรื่องราวสยองขวัญที่ได้แอบฟังมา ด้วยความอยากรู้อยากเห็นในเช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาไปที่ท่าเรือเพื่อเช่าเรือให้พาไปที่เกาะ ชาวประมงไม่มีใครกล้าไปที่นั่น บางคนไม่กล้าแม้แต่จะพูดถึงเกาะด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ในที่สุดพวกเขาก็พบชาวประมงที่ยอมพาไปที่เกาะ
ตอนเที่ยงของวันนั้น พวกเขานั่งเรือลำน้อยออกทะเลไป และเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้เห็นว่าพวกเขามีชีวิตอยู่!
10 วันต่อมา หน้าแรกของหนังสือพิมพ์มาเลเซียได้มีการออกข่าวว่า ตำรวจกำลังค้นหากลุ่มวัยรุ่น 6 คน ที่หายตัวไปจากเกาะเรดัง ยังไม่ทราบที่อยู่ของพวกเขา พร้อมกับรูปภาพของวัยรุ่นกลุ่มนั้น
ในวันที่ 12 มีศพสามศพถูกซัดขึ้นมาเกยฝั่งของเกาะหนึ่งที่ตั้งอยู่รอบ ๆ เกาะเรดัง เป็นร่างของเด็กหนุ่มสามคน คนหนึ่งร่างกายของพวกเขาฟกช้ำ แขนและหูหายไป ส่วนอีกสองคนถูกตัดร่างกายบางส่วนออกไปอย่างน่ากลัว แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือพวกเขายังมีชีวิตอยู่
พวกเขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างรวดเร็วพร้อมกับรอดชีวิตมาได้ สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือไม่มีใครจดจำช่วงเวลา 12 วัน ก่อนหน้านี้ได้เลย?
ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เด็กหนุ่มสองในสามคนเสียชีวิต ร่างของพวกเขาถูกพบว่าแขวนคออยู่ในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาล พบข้อความอยู่ในศพหนึ่งว่า
“ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายของเกาะต้องคำสาปจะต้องตายในไม่ช้า จากนั้นความลับของเกาะก็จะปลอดภัย”
ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายถูกควบคุมตัว เขาพยายามที่จะปลิดชีวิตตัวเองแต่พยาบาลก็หยุดเอาไว้ได้เสียก่อน พบโน้ตอยู่ในชุดของขาที่มีข้อความว่า
“จากนี้ไป ใครก็ตามที่เหยียบเกาะจะต้องสาป จะกลายเป็นเถ้าถ่าน”
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เรื่องราวของเกาะต้องคำสาปก็ได้ถูกรัฐบาลปิดบังเอาไว้เป็นอย่างดีที่สุด มันได้ถูกเปลี่ยนชื่อและถูกลบออกจากแผนที่ รวมไปถึงหนังสือนำเที่ยว เรียกได้ว่ามันถูกลบออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศมาเลเซียอย่างสิ้นเชิงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หลังจากนั้นไม่กี่ปี ผู้รอดชีวิตรายสุดท้ายเสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย ในศพของเขามีข้อความถูกเขียนเอาไว้อย่างเร่งรีบว่า
“คนสุดท้าย... ฉันตายแล้ว คำสาปสัมฤทธิ์ผลแล้ว อย่ามองหาเกาะต้องสาป ไม่อย่างนั้นคุณจะพบเพียงความบ้าคลั่งและความตาย”
“นักโบกรถที่หายไป” ตำนานเมืองสยองขวัญจากประเทศอเมริกา