“WAVERLY HILLS” เป็นหนึ่งในอาคารร้างขนาดใหญ่ ที่มีเสียงเล่าลือว่ามีปรากฏการณ์เรื่องผีหลอกวิญญาณหลอน “มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก” อีกทั้งยังมีข่าวลือแปลกๆว่า ภายในกำแพงที่ผุพังของโรงพยาบาลแห่งนี้ ถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมบูชาซาตาน แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นใดก็ตาม WAVERLY HILLS ก็ยังคงถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่สุดเฮี้ยน ที่มีประวัติศาสตร์อันน่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ในช่วงทศวรรษที่ 1800 ถึง ต้นปี 1900 ประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกคุกคามด้วย “ความตายสีขาว” หรือ “วัณโรค” ที่แพร่ระบาดไปทั่วทวีป ซึ่งช่วงเวลานั้น โรคนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ จนทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว
เมือง ลุยวิลล์ รัฐเคนตั๊กกี๊ เป็นหนึ่งสถานที่แห่งหนึ่ง ที่มียอดผู้เสียชีวิตจากวัณโรคมากที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา จนถึงขนาดต้องก่อตั้งโรงพยาบาลเฉพาะทางขึ้นมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์เสี่ยงนี้โดยเฉพาะ ตั้งอยู่บนเนินเขาที่มีลมพัดแรงทางตอนใต้ของเมือง ในเวลาอันรวดเร็ว โรงพยาบาลแห่งนี้แออัดไปด้วยเหล่าคนป่วย เนื่องจากแผนเดิมนั้น ได้ออกแบบให้สามารถรองรับคนป่วยได้เพียง 40 คน เท่านั้น
หลังจากทางโรงพยาบาลได้รับเงิน และที่ดินจำนวนมากจากการบริจาค ทำให้มีการก่อตั้งโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับวัณโรคที่ใหญ่ขึ้น จนสามารถรองรับผู้ป่วยได้มากถึง 500คน พร้อมกับเครื่องมือที่ทันสมัยในการรักษาวัณโรคมากขึ้น โรงพยาบาลขนาดยักษ์นี้ เป็นรู้จักกันในชื่อว่า “WAVERLY HILLS” กับแนวทางการรักษาที่คิดว่าได้ผลมากที่สุดในสมัยนั้น คือ การให้ผู้ป่วยได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ และโภชนาการอาหารที่มีประโยชน์
นอกจากการรักษาผู้ป่วยวัณโรค ตามแนวทางการแพทย์สมัยนั้นแล้ว โรงพยาบาลแห่งนี้ ยังการทดลองหาวิธีการรักษาใหม่ๆ เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่หลายวิธีดูเหมือนจะโหดร้ายป่าเถื่อนอย่างมาก อาทิเช่น การปล่อยให้ผู้ป่วยอาบแดดใน “ห้องพักแสงอาทิตย์” ที่หลังคาเปิดปิดได้ โดยหวังว่าแสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อวัณโรค การจัดเตียงผู้ป่วยไว้ข้างหน้าต่างๆบานใหญ่ ในขณะที่ภายนอกปกคลุมไปด้วยหิมะกลางฤดูหนาว เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับอากาศบริสุทธิ์ รวมไปถึงการผ่าตัดฝังลูกโป่งเข้าไปในปอด เพื่อให้ปอดสามารถขยายตัวรับออกซิเจนได้เต็มที่ วิธีนี้ก็ส่งผลร้ายแรงต่อกล้ามเนื้อ จนต้องเลาะเอากระดูกซี่โครงออกจากหน้าอกบางส่วน เพื่อให้ปอดสามารถขยายตัวได้อย่างเต็มที่ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นวิธีสุดท้ายในการรักษาผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม ตามรายงานพบว่า มีผู้ป่วยบางรายรอดชีวิตจากการรักษานี้
ในขณะที่ผู้ป่วยและคนอื่นๆ เดินทางเข้าออกโรงพยาบาลผ่านทางประตูหน้า แต่เหล่าศพของผู้เสียชีวิตทั้งหมดที่มีจำนวนมาก ทางโรงพยาบาลได้สร้างช่องทางลับ ที่รู้จักกันในนามของ “อุโมงค์ทิ้งศพ” หรือ “อุโมงค์แห่งความตาย” ที่ยาวกว่า 500 ฟุต เชื่อมต่อกับรางรถไฟที่อยู่ด้านล่างของเนินเขา ที่มีรถรางขนาดเล็กรออยู่ เพื่อป้องกันให้ผู้ป่วยไม่ต้องเห็นการลำเลียงศพออกจากโรงพยาบาล เพราะแพทย์เชื่อว่า สุขภาพจิตของเหล่าผู้ป่วย เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อการต่อสู้กับโรคร้ายในร่างกายของพวกเขา เชื่อว่ามีผู้ป่วยเพียง 5% เท่านั้นที่รอดชีวิต จากการรักษา ณ โรงพยาบาลแห่งนี้ ส่วนคนเสียชีวิต มีมากกว่า 8000 ราย
ปี 1943 วิธีการรักษาแบบใหม่ด้วยยาปฏิชีวนะทำให้วิกฤตวัณโรคส่วนใหญ่ในสหรัฐคลี่คลายลง ในปี 1961 WAVERLY HILLS จึงได้ปิดตัวลง และถูกเปิดขึ้นอีกครั้งในปีถัดมา โดยเปลี่ยนชื่อเป็น โรงพยาบาลผู้สูงอายุ “Wood Haven” แต่หลายคนบอกว่าที่จริงมันคือ “โรงพยาบาลบ้า” พร้อมกับข่าวลือการรักษาที่โหดร้ายกับผู้ป่วย ถึงแม้ว่าบางข่าวลือทางโรงพยาบาลสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่เป็นความจริง แต่น่าเสียดายที่อีกหลายข่าวลือกลับเกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะการรักษาด้วยวิธี “ช็อตไฟฟ้า” ที่เชื่อกันว่าสามารถช่วยขจัดโรคภัยได้แบบรวมมิตร
หลังจากนั้นไม่นาน ทางโรงพยาบาลได้ถูกตัดงบประมาณลง กลับยิ่งทำให้การดูแลผู้ป่วยเลวร้ายมากขึ้นตามไปด้วย จนกระทั่งโรงพยาบาลต้องปิดตัวลงในปี 1982 ตามคำสั่งของรัฐ กว่าที่โรงพยาบาลแห่งนี้จะปิดตัวลง เชื่อกันว่ามีผู้ที่เสียชีวิต ณ สถานที่แห่งนี้มากกว่า 6,300 ราย จากโรคร้าย หรือ วิธีการรักษาที่ “ผิดปกติ”
ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของอดีตโรงพยาบาล WAVERLY HILLS ถูกนำมาเปิดประมูล และเปลี่ยนมือผู้ครอบครองหลายต่อหลายครั้งในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา จนกระทั่ง ในปี 2001 อาคารที่ถูกทิ้งให้รกร้างแห่งนี้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อตามวันเวลาที่ผ่านมาอย่างยาวนาน แต่ในเวลาเดียวกัน ชาวอเมริกันที่มองหาเรื่องตื่นเต้นท้าทาย ก็ได้เดินทางมาเยือนสถานที่แห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ตามข่าวลือเรื่องความเฮี้ยนที่ได้ยินมา
WAVERLY HILLS กลายมาเป็นตำนาน “โรงพยาบาลผีสิง” ชื่อนี้เสมือนเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้คนที่ชื่นชอบการล่าท้าผี และเหล่าคนจรจัดที่มองหาที่หลบแดดหลบฝน มีคนมาเยือนสถานที่แห่งนี้มากมาย พร้อมกับเรื่องราวเกี่ยวกับการพบวิญญาณมากขึ้นเรื่อยๆ โดยตำนานที่น่าขนลุกของ WAVERLY HILLS สามารถแยกย่อยออกเป็นเรื่องเล่าตามส่วนต่างๆของโรงพยาบาล ดังต่อไปนี้
นอกตัวอาคาร
คนจำนวนมากพบเห็นเงาดำคล้ายมนุษย์บ่อยครั้งอยู่รอบๆตัวอาคารของโรงพยาบาล รวมไปถึงเรื่องเล่าถึงหญิงชราคนหนึ่งที่วิ่งร้องไห้ออกมาทางประตูหน้า พร้อมกับชูข้อมือที่เปื้อนเลือด เธอกรีดร้อง “ช่วยฉัน ใครสักคนช่วยฉันด้วย!” ก่อนที่เธอจะค่อยๆ เลือนหายไปราวกับหมอกควัน
ห้องผู้ป่วย
ยามที่เคยทำหน้าที่ดูแลตึกแห่งนี้ เล่าว่าเขาเคยเห็น “หัว” ลอยอยู่ในห้องผู้ป่วยห้องหนึ่งกลางดึก เขากรีดร้อง แล้ววิ่งหนีออกไป และไม่เคยกลับมายังสถานที่แห่งนี้อีกเลย นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวของรอยเท้าประหลาดในห้องที่ไม่มีใครอีกด้วย
ห้องโถง
มีคนพบเห็นวิญญาณของบรรดาคนไข้ เดินเตร็ดเตร่ไปอย่างไร้จุดหมายบริเวณห้องโถง และมีรายงานว่า มีคนจำนวนมากที่บันทึกภาพเงาสีดำได้ รวมไปถึงได้ยินเสียงกรีดร้องบ่อยๆ สะท้อนก้องไปมาในห้องโถงที่ผุพัง
ดาดฟ้า
บางคนเคยได้ยินเสียงเด็กคล้ายกำลังสวดมนต์อยู่บนหลังคา โดยฟังดูเหมือนกับบทสวด “Ring around the Rosy..”
ห้องครัว
ในห้องครัว มีเรื่องราวของคนที่สวมชุดสีขาว กางเกงขายาว ที่มักปรากฏกายเดินอยู่ในห้องครัว ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในพนักงานเก่าแก่ของโรงพยาบาล ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อวัณโรค และกลิ่นของการปรุงอาหารสดๆใหม่ๆ ลอยออกมาจากห้องครัวที่กลายเป็นซากปรักหักพัง ทั้งที่ห้องครัวแห่งนี้ไม่มีคนใช้มาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่โรงพยาบาลปิดตัวลง เมื่อหลายสิบปีก่อน
อุโมงค์แห่งความตาย
มีเรื่องเล่าถึง เงาดำที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ เฝ้าคอยหลอกหลอนผู้คนอยู่ภายในอุโมงค์แห่งความตาย และวิญานของหมอ ที่คอยเดินผ่าร่างคนตายเพื่อกินเนื้อ รวมไปถึงเสียงมอเตอร์ที่ใช้ลากรถรางทิ้งศพ ที่ดังก้องไปมาอย่างน่าขนลุกในความมืด
ชั้น 3
มีคนพบเห็น “สาวน้อยที่ไร้ลูกตา” นามว่า “แมรี่” ที่คอยเล่นซ่อนแอบกับคนที่มาเยือน หรือบางคนก็เห็นว่าเธอกำลังเล่นอย่างสนุกสนานอยู่กับลูกบอล วิญญาณของเด็กชาย ที่รู้จักกันในชื่อว่า “บ็อบบี้” ที่มักพูดว่าอยากจะเล่น “ลูกบอลกระเด้ง” ทำให้หลายคนมักได้ยินเสียงลูกบอลกระเด้งกับพื้น หรือกระทบกับบันได นอกจากนี้ มีคนเคยเห็นเด็กผู้ชายกำลังยืนฉี่ออกมาจากหน้าต่าง และยังมีคนเคยได้ยินเสียงเปิด และปิดโลงศพ ดังก้องไปทั่วอีกด้วย
ชั้น 4
เป็นบริเวณที่มีเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับเรื่องสยองขวัญมากที่สุด มีคนได้ยินเสียงเดิน และประตูที่ปิดเอง พร้อมกับการปรากฏตัวของเงาวิญญาณที่น่ากลัว เดินเตร็ดเตร่อยู่ตามทางเดิน
ชั้น 5
บริเวณชั้น 5 ของโรงพยาบาลเองก็มีเรื่องเล่าลือสุดสยองมากมายเช่นกัน เชื่อกันว่าแต่เดิมชั้นนี้ มีไว้สำหรับผู้ป่วยวัณโรคที่จิตไม่ปกติ เพราะส่วนนี้อยู่ห่างไกลจากส่วนอื่นๆมากที่สุด ทำให้ชั้นนี้ มีสภาพดูคล้ายกับห้องขัง โดยเฉพาะในห้อง “502” ที่เป็นต้นกำเนิดของข่าวลือมากมาย เกี่ยวกับลูกพลังงานที่เคลื่อนไหวผ่านหน้าต่าง เสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของผู้หญิงที่ทางเดินหน้าห้อง เสียงปริศนาที่สั่งให้พวกเขา “ออกไป” จากห้องนี้ และวิญญาณของนางพยาบาลในเครื่องแบบเต็มยศ
ตำนานของชั้น 5 เริ่มต้นจากเรื่องราวในปี 1928 เมื่อหัวหน้าพยาบาลถูกพบเป็นศพถูกในห้อง 502 ด้วยการแขวนคอตาย ในขณะที่มีอายุได้เพียง 29 ปี เชื่อว่าสาเหตุน่าจะมาจากการที่เธอตั้งครรภ์ โดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน ลือกันว่าพ่อของเด็กคือแพทย์คนหนึ่งในโรงพยาบาลแห่งนี้ จนทำให้เธอมีสภาวะซึมเศร้า จนอาจนำไปสู่การเกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้น หลังจากนั้นในปี 1932 พยาบาลที่ทำงานในห้อง 502 ได้กระโดดลงจากดาดฟ้า โดยไม่มีใครรู้ว่าทำไม
ในปัจจุบัน WAVERLY HILLS กลายมาเป็นหนึ่งในสถานที่โด่งดัง ที่มีคนการเข้ามาทดสอบความกล้า ล่าท้าผี และจัดทัวร์อาถรรพ์ หลังจากที่มีการพยายามพิสูจน์ตำนานเรื่องผีใน WAVERLY HILLS มีสมาชิกของกลุ่มล้าท้าผีจำนวนมาก ได้พบกับเหตุการณ์ประหลาดๆ เช่น เห็นแสงไฟในอาคารที่ไม่ควรจะมีใคร เสียงกระแทกของประตู และมีวัตถุบางอย่างถูกโยนมาหาพวกเขา รวมไปถึงการถูกคุกคามจากมือที่มือที่มองไม่เห็น
ถึงแม้จะยังไม่มีข้อสรุปว่า จำนวนของดวงวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ ณ โรงพยาบาลร้าง WAVERLY HILLS มีจำนวนมากมายเพียงใด แต่ถ้าหากคุณผู้อ่านได้มีโอกาสได้ไปเยือนสถานที่ ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันดำมืดแห่งนี้ ขอให้คุณเริ่มต้นตั้งจิตอธิษฐานเพื่อขอให้ตัวเองปลอดภัย และเพื่อขอให้ดวงวิญญาณที่ยึดติดอยู่กับที่แห่งนั้น ได้ไปสู่สุคติหลังจากที่ต้องทนทรมานยึดติดวนเวียนอยู่กับซากปรักหักพัง มาอย่างยาวนานเสียที...