ซาตาน ปีศาจและเหล่าสาวก

คนทั่วไปมักมีความเชื่อฝังหัวว่าปีศาจ คือ สิ่งมีชีวิตลึกลับเหนือธรรมชาติ ที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย จากอิทธิพลจากงานเขียนของคัมภีร์ไบเบิลฉบับพันธสัญญาใหม่ในศาสนาคริสต์อย่างไรก็ตาม ในหลายครั้ง จากบันทึกหลายชิ้นพบว่า ปีศาจทุกตนไม่ได้มีพฤติกรรมที่เลวร้ายเสมอไป
ความเชื่อเกี่ยวกับปีศาจ

ความเชื่อของปีศาจสามารถย้อนกลับไปได้ไกลถึงสมัยโฮเมอร์ ในสมัยโบราณ ปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่จิตใจดี หรือเป็นตัวแทนระหว่างผู้ชายกับพระเจ้า ตามความเชื่อของโซโรอัสเตอร์ สอนว่าในโลกนี้มีปีศาจทั้งหมด 3,333 ตัว บางตัวรับผิดชอบเรื่องด้านมืดโดยเฉพาะ อย่างเช่น สงคราม ความอดอยาก โรคภัยไข้เจ็บ เป็นต้น ในยุคบาบิโลนโบราณ ปีศาจ มีอิทธิพลต่อองค์ประกอบทางโลกมากที่สุด และชาวยิว เชื่อกันว่าปีศาจมีจำนวนทั้งสิ้น 7,405,926 โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 72 จำพวก
ในศาสนาคริสต์เชื่อกันว่าปีศาจ เป็นคู่ปรับของเทวดา เป็นจิตมุ่งร้ายที่ไม่ได้ถือกำเนิดจากวิญญาณของมนุษย์ และพยายามนำมนุษย์ไปสู่การล่มสลาย โดยใช้กลอุบายต่างๆ ตามที่ปรากฏในหนังสือวิวรณ์ (Rev 12 :9) ปีศาจ คือ เทวดาตกจากสวรรค์พร้อมกับซาตานด้วยการก่อกบฏต่อพระเจ้า หลังจากการพยายามค้นหาจำนวนของปีศาจทั้งหมดอย่างยาวนาน ในศตวรรษที่ 15 Alfonso de Spina ชาวสเปน ได้ทำการคำนวณ แล้วพบว่า ปีศาจในศาสนาคริสต์มีทั้งสิ้น 133,316,666 ตัว และในศตวรรษที่ 16 Johann Weyer คำนวนว่ามีจำนวน 44,435,622 ตัว แบ่งออกได้เป็น 666 กองทัพ บางตำราเชื่อว่า ปีศาจมีจำนวนทั้งหมด 6,660,668 ตน รับคำสั่งจากเจ้าชาย 66 คน นักบวชบางคนอ้างว่า ปีศาจทั้งหมด จำนวนเท่ากับครึ่งหนึ่งของคนทั้งโลก
ความเชื่อในเรื่องของปีศาจ ส่วนใหญ่ยังคงได้รับอิทธิพลมาจากคริสต์ศาสนาจากยุคกลาง โดยมีความเชื่อพื้นฐานว่า “ผี” สามารถเข้าถึงผู้คนได้ง่ายด้วยการรับรู้ หรือการแสดงตน ในบางครั้งผี สามารถเข้าครอบงำร่างกายของคนเหล่านั้นได้ “ปีศาจ” เองก็สามารถเข้าสิงมนุษย์ได้ แถมยังสิงได้อย่างสมบูรณ์ถาวร แล้วนำร่างกายไปแปดเปื้อนบาป จนกระทั่งนำดวงวิญญาณของเจ้าของไปสู่หายนะ การกระทำดังกล่าวของปีศาจ เป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นบ่อยๆ ผ่านทางภาพยนตร์ฮอลลีวูดในปัจจุบัน
ประเพณีของชาวคริสเตียน เชื่อว่าการกำจัดปีศาจออกจากร่างกาย สามารถทำได้ด้วยการทำพิธีกรรม “ขับไล่” โดยนักบวชคาทอลิก นิกายโรมันคาทอลิก และละติน บางครั้งการให้พรอย่างถูกต้องของนักบวชเหล่านี้ ก็สามารถยับยั้งการปรากฏตัวของปีศาจ และผี ได้เช่นกัน
การอัญเชิญปีศาจ กับ 5 รายชื่อต้องห้าม ที่ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับพวกมันอย่างเด็ดขาด...
ระดับชั้นของปีศาจ

ปีศาจ มีระดับชั้น คล้ายกับสายบังคับบัญชาของกองทหาร เชื่อว่าผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สูงสุดของเหล่าปีศาจ คือ “ซาตาน” ที่มีพลังอำนาจมากมายมหาศาล บางตำนานเชื่อว่า ซาตาน มีพลังเทียบเท่ากับพระเจ้าเลยทีเดียว ในหัวข้อนี้ ผู้เขียนขอทำการแบ่งระดับชั้น กองทัพของปีศาจ อย่างคร่าวๆ เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ ดังต่อไปนี้ครับ
ซาตาน (Satanism) และลัทธิบูชาซาตาน

ซาตาน เป็นหนึ่งในความเชื่อฝังหัวของชาวคริสเตียน เป็นเรื่องราวความลึกลับเกี่ยวกับปีศาจ พิธีกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ เวทมนตร์ “เส้นทางด้านซ้าย” หรือมนต์ดำ ลัทธิบูชาซาตานเชื่อว่า ซาตาน คือพระเจ้าที่ทรงพลังอำนาจอันแท้จริง ควรค่าแก่การทำความเคารพบูชา บางครั้ง ลัทธิซาตานถูกเรียกว่า “Reverse Christians” หรือ การย้อนกลับของคริสเตียน
รูปกายของซาตาน ตามความเชื่อของคนทั่วโลกไม่เหมือนกันเสียทีเดียว บางมุมมองเชื่อว่า ซาตาน มีรูปกายเหมือนกับมนุษย์ ในขณะที่อีกหลายคนยอมรับว่ารูปกายของซาตาน เหมือนกับที่ปรากฏตัวในฐานะเทพของกรีกโบราณ แต่มีคนจำนวนมาก ไม่ยอมรับว่าภาพวาดของซาตานที่ปรากฏในศาสนาคริสต์นั้นเป็นรูปกายของซาตานที่แท้จริง
ในคัมภีร์ไบเบิ้ล ชาวเฮบรูว์ (Hebrew) เชื่อว่า ภูต ผี ปีศาจ ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นมาบนโลก เมื่อลูซิเฟอร์ (Lucifer) หนึ่งในทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้ตั้งตัวเป็นกบฏ แล้วถูกพระเจ้าเนรเทศออกจากสวรรค์ ลูซิเฟอร์ได้ทำการรวบรวมเหล่าเทวดาตกสวรรค์ ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ใต้พื้นโลก แล้วตั้งตนขึ้นเป็นใหญ่ และถูกเรียกขานว่า “ซาตาน” ที่มีความหมายว่า “คู่ปรปักษ์ ของพระเจ้า” สำหรับลัทธินิยมซาตาน สามารถแบ่งแนวคิด และข้อปฎิบัติออกได้ เป็นสามเส้นทางหลัก ดังต่อไปนี้
1.Public mind with demonology การศึกษาโดยเชื่อในเรื่องของปีศาจ และสิ่งมีชีวิตที่มุ่งร้ายอื่นๆ
2.Black Magic หรือ “มนตร์ดำ” รูปแบบของเวทมนตร์ที่สามารถดึงพลังจากสิ่งชั่วร้าย เพื่อจุดประสงค์ด้านความมืด หรือมุ่งร้าย จงใจให้เกิดอันตรายในทางใดทางหนึ่ง
3.Black Mass เป็นการล้อเลียนพิธีกรรมของศาสนาคริสต์ การล่วงละเมิดข้อปฎิบัติต่างๆ รวมไปถึงการใช้สัญลักษณ์ต่างๆ ที่แสดงถึงการไม่ยอมรับศาสนาคริสต์ เช่น การสมสู่หมู่ การบูชายันต์ หรือการใช้สัญลักษณ์กางเขนกลับหัว เป็นต้น
สัญลักษณ์ของซาตาน
![]()
คนในยุคกลางเชื่อกันว่า “แพะ” เป็นสัญลักษณ์ของปีศาจ เป็นตัวแทนของบาป บางครั้งมันถูกเรียกว่า “เจ้าชายแห่งความสกปรก” หรือ “เจ้าชายแห่งความชั่วร้าย” เนื่องจากแพะนั้นเป็นสัตว์ที่ไม่สะอาด นิยมความสกปรก ตามตำนานเชื่อกันว่า ปีศาจเป็นผู้สร้างแพะขึ้นมา ทำให้มันมีอุปนิสัยชอบทำลายพืชผักของชาวบ้าน แพะจึงกลายมาเป็นสัตว์อ้างอิงรูปลักษณ์ของปีศาจ นอกจากนี้ ในสมัยโบราณ มักนิยมบูชายันต์ถวายแพะสองตัว ตัวหนึ่ง เป็นเครื่องบรรณาต่อพระผู้เป็นเจ้า ส่วนอีกตัวหนึ่งให้กับอซาเซล เทวดาฝ่ายกบฏที่ต่อต้านพระเจ้า โดยเรียกแพะที่ทำการถวายให้กับเทวดาฝ่ายกบฏว่า “แพะรับบาป”
7 เจ้าชายแห่งนรก ตัวแทนบาปทั้ง 7 ของมนุษย์

“ซาตาน” ถูกมองว่าเป็นราชาของเหล่าปีศาจทั้งมวล แต่การควบคุมกองทัพปีศาจที่มีจำนวนมหาศาล ต้องอาศัยปีศาจในระดับชั้นรองลงมา เพื่อดูแลปีศาจเองที่มีหลายประเภทแตกต่างกัน ตำราหนังสือเกี่ยวกับปีศาจ อาทิเช่น The Great Book of Saint Cyprian, Le Dragon Rouge และ The Lesser Key of Solomon เป็นต้น ได้จารึกนามระดับหัวหน้าใหญ่ของปีศาจ ที่มักปรากฏตัวบ่ยอครั้ง ดังต่อไปนี้
1.Beelzebub
![]()
เบลเซบับ เป็นหนึ่งในจอมปีศาจของศาสนาคริสต์ ในคัมภีร์ไบเบิ้ลระบุว่า มันเป็นอีกนามหนึ่งของซาตาน แต่ทั่วไปเชื่อว่าเป็นชื่อของเจ้าชายแห่ง “ความเท็จ” ของนรก เป็นตัวแทนของ “ความตละกละตะกลาม” ในบาปทั้งเจ็ดอันร้ายแรงของมนุษย์ เบลเซบับ มีรูปกายเป็นแมลงวันขนาดยักษ์ จนถูกเรียกขานว่าเป็น “พระเจ้าของแมลงวัน” แม่มด มากมายที่ถูกจับกุม สารภาพว่า ได้ขอยืมพลังจากปีศาจตนนี้ โดยเฉพาะในเหตุการณ์ล่าแม่มดในเมืองซาเลม สหรัฐอเมริกา และในอีกหลายพื้นที่ของยุโรป
2.Mammon
![]()
ปีศาจ แห่งความรักในทรัพย์สินเงินทอง มีฐานะเป็นหนึ่งใน 7 เจ้าชายของนรก ตัวแทนของ “ความโลภ” อันเป็นบาปทั้ง 7 ของมนุษย์ ชื่อที่มีความหมายว่า “ความร่ำรวย” ของปีศาจตนนี้ มักถูกนำไปเปรียบเปรย หรือตั้งเป็นสมญานาให้กับคนที่ร่ำรวยในยุคกลาง
3.Asmodeus

ปีศาจแห่ง “ความต้องการทางเพศ” หนึ่งในตัวแทนบาปทั้งเจ็ดของมนุษย์ ที่ทำหน้าค่อยบิดเบือนความต้องการทางเพศของมนุษย์ เชื่อกันว่าปีศาจตนนี้จะขึ้นมาบนโลก หลังจากที่อยู่ในนรกครบหนึ่งล้านปี ตามตำนานกล่าวว่า กษัตริย์โซโลมอน ได้ทำการอัญเชิญปีศาจตนนี้มาช่วยในการสร้างวิหาร อย่างไรก็ตาม ปีศาจตัวนี้ เคยถูกไล่ล่าจากอัครเทวดาราฟาเอล และถูกขัดขวางจากปลาฉลามในน้ำแห่งอัสซีเรีย มันยังยอมรับอีกหน้าตาเฉยว่าตัวเองเกลียดน้ำ สำหรับรูปลักษณ์ของมันก็ค่อนข้างพิกล มันมีสามหัว ได้แก่ แกะ วัว และผู้ชาย มีห่างเป็นงูเห่า เท้าเป็นแพะ พลางพ่นลมหายใจเป็นเปลวเพลิง สวมมงกุฎ ขี่มังกร และมีหอกเป็นอาวุธ ในนรก ปีศาจตนนี้ ยังทำหน้าที่บัญชาการกองทัพปีศาจที่ 72 อีกด้วย
4.Leviathan

ในภาษาฮิบรูโบราณ ชื่อของปีศาจตนนี้มีความหมายว่า “ปลาวาฬ” เป็นสัตว์ขนาดยักษ์ ที่ปรากฏตัวขึ้นในตำนานทั่วโลก โดยเฉพาะในคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับพันธสัญญาเก่า ศาสนายูดาย และเรื่องเล่าขานในแถบสแกนดิเนเวีย ที่ครอบครองมหาสมุทรด้วยการทำลายล้าง รูปร่างของปีศาจตนนี้ เปลี่ยนไปตามคำบอกเล่าของแต่ละศาสนา ส่วนใหญ่เชื่อว่ามันมีรูปร่างคล้ายงู บางคนบอกว่ามันดูคล้ายกับปลาวาฬที่มีลำตัวหนา และมีครีบ ศิลปินบางคน ได้วาดมันออกมาเป็นภาพของสิ่งมีชีวิตที่ดูคล้ายกับมังกร มีเกร็ด กรงเล็บแหลมคม และหายใจเข้าออกเป็นไฟ ยามเมื่อมันว่ายน้ำผ่านน่านน้ำใด บริเวณนั้นก็จะกลายเป็นน้ำเดือดพล่าน
5.Belphegor

ตัวแทนของบาป “ความเกียจคร้าน” หนึ่งในเจ้าชายทั้ง 7 ของนรก มันมักปรากฏตัวเป็นเด็กสาว ชักชวนช่วยให้มนุษย์ค้นพบเส้นทางที่ร่ำรวย จากนั้นมันจะเกลี้ยกล่อมให้มนุษย์ชั่วร้ายขึ้นจากการหวังครอบครองส่วนแบ่งจากทรัพย์สินเหล่านั้น
ส่วนปีศาจในระดับเจ้าชายแห่งนรกอีกสองตนที่ไม่ได้กล่าวถึงคือ ลูซิเฟอร์ ตัวแทนของบาป “ความภาคภูมิใจ” และ ซาตาน “โทสะ” ที่ถือว่าเป็นหัวหน้าระดับสูงขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งนั่นเองครับ
หัวหน้าของเหล่าปีศาจ

รองจากระดับเจ้าชายทั้ง 7 ของมนุษย์ ยังมีปีศาจอีกมากมายหลายร้อยตน ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำบัญชาการกองทัพของนรก ผู้เขียนขอยกตัวอย่างปีศาจที่น่าสนใจ และมักปรากฏตัวขึ้นบ่อยๆ ให้คุณผู้อ่านได้รู้จักกันพอสังเขป ดังต่อไปนี้
1.หัวหน้าของปีศาจ : Belial

เบลิอาล เป็นปีศาจ ที่ปรากฏตัวในคัมภีร์ของชาวยิว และคริสเตียน โดยชื่อของมันมีความหมายว่า “ไร้ค่า” หรือ “ไร้ยางอาย” ในคัมภีร์เดธซี บันทึกเอาไว้ว่า มันเป็น “บุตรชายแห่งความมืด” มีฐานะเป็นปีศาจตัวที่สองที่เกิดขึ้นหลังลูซิเฟอร์ เป็นตัวแทนของบาปแห่งความ “เกลียดชัง” เชื่อกันว่า ยิ่งผิดประเวณีมากเท่าไหร่ มนุษย์ก็จะยิ่งเข้าใกล้ปีศาจตนนี้มากเท่านั้น ในตำราบางเล่มระบุว่า เบลิอาล เคยเป็นทูตของสวรรค์แห่งความชั่วช้า ที่เฉลียวฉลาดกว่าอัคระเทวดาทั้งปวง เป็นผู้ปกครองโลกใบนี้ ในตำนานของกษัตริย์โซโลมอน เบลิอาล เป็นหนึ่งในปีศาจขุนศึกของพระองค์
2.หัวหน้าของปีศาจ: Berith

ผู้ปกครองกองทัพปีศาจที่ 26 มีรูปกายเป็นอัศวินผู้ทรงเกียรติ สวมชุดสีแดง ขี่ม้าสีเลือด และสวมมงกุฎบนศีรษะ ที่ครอบครองพลังในการหยั่งรู้เหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน อนาคต และมักบอกเล่าสิ่งเหล่านั้นให้กับคนที่กล้าถามด้วยเสียงแผ่วเบาเหมือนกระซิบทว่าชัดเจน ปีศาจตนนี้ ยังเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของ “ปีศาจแห่งนักเล่นแร่แปรธาตุ” ที่ถูกเคารพบูชา ในความสามารถเปลี่ยนเหล็กให้กลายเป็นทองคำ ตามตำนานเชื่อว่า มีเพียงแหวนเวทมนตร์ magicke เท่านั้น ที่ทำให้มันยอมสยบรับใช้ได้
3.หัวหน้าของปีศาจ: Astaroth
![]()
ปีศาจผู้ปกครองกองทัพนรกที่ 70 เดิมมันที่เป็นทูตสวรรค์ที่ถูกพระเจ้าลงโทษ ทำให้มันมักปรากฏตัวด้วยรูปร่างของทูตสวรรค์ที่น่าเกลียด ขี่ม้านรกที่ดูเหมือนมังกร และถืองูพิษเอาไว้ในมือซ้าย มีฐานะเป็นเหรัญญิกแห่งนรก และหนึ่งในเจ้าชายทั้ง 7 ของนรก ได้รับยอมรับว่าเป็นปีศาจที่รอบรู้ในอดีต อนาคต และความลี้ลับต่างๆของโลก หากต้องการอัญเชิญปีศาจตนนี้สามารถทำได้ในวันพุธ อย่างไรก็ตามกลิ่นเหม็นเน่าที่ถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของมัน อาจทำให้เกิดความวุ่นวายได้ ดังนั้น แม่มด ที่ทำการเรียกใช้งานปีศาจตนนี้ มักเตรียมแหวนเงินลงอาคมไว้ใกล้ใบหน้า เพื่อช่วยปกป้องกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่เสมอ
4.หัวหน้าของปีศาจ: Sonneillon

ปีศาจ แห่งความไม่สะอาด และมลทิน
5.หัวหน้าของปีศาจ: Lilith

ราชินี แห่งความมืด มารดาของปีศาจทุกตัวบนโลกใบนี้ เดิมที่ลิลิธ เป็นผู้หญิงคนแรกที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเพื่อให้ครองคู่กับอดัม แต่ด้วยความโหดเหี้ยม ฝักใฝ่ความชั่วร้าย พระเจ้าจึงได้ขับนางลงไปอยู่ในนรก จนกลายมาเป็นหนึ่งในจอมปีศาจแห่งความมืด
6.หัวหน้าของปีศาจ: Abaddon

ปีศาจแห่งหลุมลึก ที่เชื่อกันว่าเคยเป็นหนึ่งในทูตสวรรค์ของพระเจ้ามาก่อน
7.หัวหน้าของปีศาจ: Azezel
![]()
ทูตสวรรค์ที่ร่วงหล่นจากสวรรค์ เมื่อปฎิเสธไม่ยอมแสดงความเคารพต่ออดัม หลังจากเปลี่ยนเป็นปีศาจ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “Eblis” มีความหมายว่า “ความสิ้นหวัง”
ในศาสนาอิสลาม ปีศาจ ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อของ “Genues” หรือ “จินน์” เป็นสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ที่ถูกสร้างขึ้นจากไฟ มีลักษณะรูปร่างเหมือนกับมนุษย์ ในขณะที่มนุษย์ถูกสร้างขึ้นจากพื้นดิน เทวดา ถูกสร้างจากแสงสว่าง และ จินน์ ทุกตน ไม่ได้ชั่วร้าย
จินน์ ที่มีนามว่า “อิบลิส” (Iblis) ถูกเรียกว่าเป็นจอมปีศาจของศาสนาอิสลาม หรือ มีศักดิ์เทียบเท่ากับซาตานในศาสนาคริสต์เป็นจินน์เพียงตนเดียวที่ปฎิเสธการคุกเข่าทำความเคารพต่ออัลเลาะห์ ในศาสนาพุทธเอง ก็มีการปรากฏตัวของจอมมาร “Mara” ที่ทำหน้าที่ลงโทษคนบาป พยายามขัดขวางการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ส่วนในศาสนาฮินดู ก็มีตำนานเกี่ยวกับการต่อสู้ของเหล่าเทพ กับจอมปีศาจต่างๆ เช่น “Vritra” เป็นต้น
จอมเวทหลายคนพยายามที่จะ “กำจัด” หรือ “ควบคุม” ให้ปีศาจเชื่อฟังคำสั่งของตัวเอง โดยใช้พิธีด้านเวทมนตร์ที่ลึกลับต่างๆ โดยขั้นตอนเหล่านี้ มักถูกระบุเอาไว้ในตำราเวทมนตร์เก่าแก่ อาทิเช่น “กุญแจแห่งโลมอน” หรือ “หนังสือของ Abramelin” เป็นต้น จอมเวทย์ที่ครอบครองหนังสือเหล่านี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องบูชาปีศาจ แต่เป็นการพยายามปรับนำมาใช้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของพวกตัวเอง บรรดาจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ที่หลงเหลือนามเอาไว้ในประวัตติศาสตร์ ส่วนใหญ่อ้างว่าตัวเองมีความสามารถในการเรียกปีศาจให้มารับใช้ทั้งสิ้น
ปีศาจรับใช้ของแม่มด

นอกจากปีศาจที่สังกัดเป็นกำลังรบอยู่ในกองทัพแล้ว เชื่อกันว่าซาตานได้ส่งปีศาจอีกจำนวนหนึ่งลงมาอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของเหล่าแม่มด และคอยล่อลวงมนุษย์ไปสู่เส้นทางเสื่อม ปีศาจเหล่านี้ มักปรากฏกายในรูปแบบของสัตว์เลี้ยง อย่างเช่น อีกา สุนัข แมว นกฮูก เป็นต้น พวกมันถูกเรียกรวมๆกันว่า “Familiars” สัตว์เลี้ยงเหล่านี้เอง เป็นหนึ่งในหลักฐานชั้นเยี่ยม ที่เหล่านักล่าแม่มดใช้ปรักปรำคนจำนวนมากว่าเป็นแม่มด จนกระทั่งถึงแก่ความตาย
นอกจากนี้ ยังมีภูติปีศาจรับใช้ที่น่าสนใจอีกประเภทหนึ่ง นั่นคือ “อิมป์” (Imp) ตามตำนานกล่าวว่า มันเป็นอมนุษย์ที่รูปกายออกอาจไม่ค่อยน่ารักนัก บินไม่ได้ และมีนิสัยที่ค่อนข้างซุกซน ชอบแกล้งผู้คนด้วยการสลับตัวทารก หลอกล่อให้คนหลงทางตามไปในป่าลึก แถมยังชอบใช้ไฟแกล้งคนอีกต่างหาก แม่มดสามารถพาอิมป์ไปไหนต่อไหนได้สะดวก ด้วยการเก็บพวกมันไว้ในวัตถุต่างๆ เช่น ขวดแก้ว เป็นต้น บางตำนานยังเล่าว่า อิมป์ บางตนสามารถให้พรกับผู้ที่เป็นเจ้าของได้อีกด้วย
อิมป์ เป็นอมตะแต่สามารถถูกสังหารได้ด้วยอาวุธทั่วไป และการใช้เวทมนตร์คาถา แม่มด มักใช้มันทำหน้าที่ในการรับใช้ สอดแนม ทำให้ศัตรูหลงเสน่ห์ หรือล้วงข้อมูลต่างๆ ด้วยการแลกเปลี่ยนด้วยการสังเวยด้วยเลือดจากสัตว์บูชายัญหรือจากดูดเลือดจากจุกนมของแม่มด คนทั่วไปเชื่อว่า อิมป์ มักแปรงร่างเป็นสัตว์เลี้ยงใกล้ตัวของแม่มด
รูปแบบของปีศาจรับใช้ของแม่มด ที่คนทั่วไปในยุคกลางมักคุ้นเคยกันดีอีกประเภทหนึ่ง คือ “Incubus” ปีศาจเพศชาย ทีรับใช้แม่มด และ “Succubus” ปีศาจเพศหญิงที่รับใช้พ่อมด ปีศาจเหล่านี้จะเข้าไปในความฝันของคนที่เป็นเป้าหมายทำการยั่วยวน พร้อมกับมีเพศสัมพันธ์กับเป้าหมาย ดูดพลังชีวิตไปเรื่อยๆ หลายๆครั้ง จนกระทั่งเป้าหมายเกิดความอ่อนล้า และอาจถึงแก่ชีวิตในที่สุด...

