เรือนจำบอดมิน (Bodmin Gaol) ตำนานวิญญาณวนเวียนไม่ยอมไปผุดไปเกิดแห่งประเทศอังกฤษ

เรือนจำบอดมิน (Bodmin Gaol) ตั้งอยู่ที่คอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ อาคารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1779 โดยวิศวกรทหารและถูกนำมาใช้เป็นสถานที่คุมขังทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก ในตอนแรกจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำบอดมินถือว่าค่อนข้างน้อย แต่เมื่อถึงปี 1820 ก็ต้องประสบกับปัญหาจำนวนของผู้ต้องขังที่มีมากจนเกินไปถึงกับต้องทำการขยายพื้นที่อย่างเร่งด่วนจนกระทั่งถึงปี 1850 นำไปสู่ระบบการแยกนักโทษภายในคุกออกเป็นส่วน ๆ
เรือนจำแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ของการประหารชีวิตนักโทษกว่า 55 ครั้ง ตั้งแต่การโจรกรรมเล็กน้อยไปจนถึงอาชญากรรมที่รุนแรงด้วยการแขวนคอต่อหน้าสาธารณชนกลายมาเป็นสิ่งดึงดูดผู้คนที่กระหายความรุนแรง ในช่วงแรกเรือนจำได้ทำการแขวนคอนักโทษที่สนามด้านนอกของเรือนจำก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นการแขวนคอแบบมาตรฐาน หรือการแขวนคอแบบสั้นที่ประตูหลัก
เมื่อถึงปี 1868 วิธีการประหารชีวิตได้มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยมีการนำเอาการแขวนคอแบบยาวมาใช้ ซึ่งการประหารชีวิตครั้งสุดท้ายของเรือนจำบอดมินเกิดขึ้นในปี 1909 ก่อนที่ตัวเรือนจำเองจะหยุดดำเนินการปิดตัวเองไปในปี 1927
เรื่องราวผีสาง ณ เรือนจำบอดมิน
มีข่าวลือว่าภายในเรือนจำบอดมินยังคงปรากฏร่างของ “แมทธิว วีคส์” (Matthew Weeks) เดินเตร่ไปตามโถงทางเดิน เขาเป็นคนงานที่มีการอธิบายลักษณะเอาไว้ว่าตัวเตี้ย ใบหน้าเป็นสิว ฟันหลุดและต้องพบเผชิญหน้ากับชะตากรรมการแขวนคอจากการถูกกล่าวหาว่าทำการฆาตกรรม “ชาร์ล็อตต์ ไดมอนด์” วัย 18 ปี ในตอนที่เขาถูกประหารชีวิตมีผู้คนมารวมตัวกันกว่าพันคนเพื่อเฝ้าดูจุดจบ ในขณะที่เขายังคงยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์
ว่ากันว่าเหตุจูงใจในการก่อเหตุของเขาคือความอิจฉาริษยาต่อหลานชายของเจ้าของไร่และเจ้าของที่ดิน ข่าวลือกล่าวว่าเขาหลงรักชาร์ล็อต ซึ่งวิญญาณของเธอเองก็มีข่าวลือว่าได้ปรากฏตัวในทุ่งหญ้าใกล้ ๆ ในช่วงครบรอบวันเสียชีวิตของตัวเองพร้อมกับสวมชุดเดรสลายทางสีเขียว ผ้าคลุมไหล่สีแดงเหมือนกับที่ได้สวมในตอนที่เสียชีวิต ส่วนวิญญาณของแมทธิวที่ยังคงโผล่มาให้เห็นเชื่อว่าเป็นเพราะต้องการที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเอง
บริเวณชั้น 3 และ 4 ของเรือนจำมีการพูดถึงการปรากฏตัวของ “เซลินา แวดจ์” (Selina Wadge) หญิงสาววัย 28 ปี ผู้ต้องหาฆาตกรรมลูกชายวัยสองขวบของตัวเอง หลังจากที่ถูกประหารชีวิตเธอได้ปรากฏตัวมาให้ผู้คนเห็นโดยสวมชุดสีขาวพลิ้วไหวพร้อมกับน้ำตาไหล ตามตำนานเล่าว่าเธอมักจะเข้าหาเด็ก ๆ และปลูกสำนึกผิด โดยเฉพาะกับแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ที่มักจะสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเธอ
นอกจากนี้ ยังมีผู้พบเห็นวิญญาณที่เชื่อว่าเป็นของพี่น้องตระกูลไลท์ (Lightfoot ) ฟุตเคลื่อนไหวไปมาอยู่รอบ ๆ ห้องขังชั้นล่าง รวมไปถึงทางเดินภายในกำแพงของเรือนจำ พี่ชายน้องชายคู่นี้ถูกตัดสินว่ามีความผิดในโทษฐานการฆาตกรรม ซึ่งการประหารชีวิตของพวกเขาดึงดูดฝูงชนมารับชมมากถึง 25,000 คน และรถไฟที่มีผู้โดยสารกว่า 1,100 คน ถึงกับหยุดขบวนเพื่อรับชมการประหารดังกล่าว
เหตุการณ์เหนือธรรมชาติยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเรือนจำราวกับเป็นเรื่องธรรมดา พนักงานและเหล่าผู้เยี่ยมชมมักที่จะรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมายังพวกเขา ลูกทรงกลมลึกลับที่ปรากฏตัวขึ้นและหายไป เสียงของฝีเท้าและเสียงกระซิบในทางเดินที่ว่างเปล่า เสียงของกุญแจที่กระทบกัน เสียงดังปัง! ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน บางคนรู้สึกเหมือนกับมีคนดึงเสื้อผ้าหรือขว้างก้อนหิน
เรื่องราวที่ไม่สามารถอธิบายได้เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ช่วยตอกย้ำชื่อเสียงของเรือนจำบอดมินให้กลายมาเป็นแหล่งรวมกิจกรรมเหนือธรรมชาติต่าง ๆ มากมายทึ่งดูดให้คนที่สนใจเรื่องราวเหนือธรรมชาติอยากที่จะก้าวเข้าไปในข้างใน
ซึ่งในปัจจุบันเรือนจำบอดมินได้รับการแปลงโฉมใหม่ให้กลายมาเป็นโรงแรมที่จะช่วยให้คนที่เข้าพักได้พบกับห้องพักที่ถูกแปลงโฉมมาจากคุก และหากโชคดี (หรือโชคร้าย) ก็อาจจะได้พบเห็นดวงวิญญาณของเหล่านักโทษปรากฎตัวออกมาให้เห็นในยามราตรีก็เป็นได้...
ไดอาน่า ซาเมนูฮา (Diana Semenuha) แม่มดแวมไพร์จอมดูดเลือดเด็ก ๆ แห่งประเทศยูเครน

