ปราสาทกลามิส (Glamis Castle) กับปริศนาลับของเหล่าภูต ผี ปีศาจมากมายที่ซ่อนอยู่หลังกำแพง ประเทศสกอตแลนด์
ปราสาทกลามิส (Glamis Castle) ตั้งอยู่ห่างจากเมืองฟอร์ฟาร์ไปทางใต้ประมาณ 8 กม. เป็นหนึ่งในปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ เดิมทีเคยทำหน้าที่เป็นป้อมปราการในช่วงศตวรรษที่ 14 ก่อนที่จะได้รับการต่อเติมให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น ด้วยประวัติศาสตร์และระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างยาวนานจึงไม่น่าแปลกใจนักที่ปราสาทแห่งนี้จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับภูตผีปรากฏขึ้นอย่างมากมาย
เรื่องราวของเหล่าภูตผีแห่งปราสาทกลามิส
ตลอดระยะเวลาหลายศตวรรษที่ผ่านมา ผู้คนที่อาศัยอยู่ในปราสาทกลามิสอ้างว่าได้พบเห็นผีมากมายไปทั่วปราสาท รวมไปถึงสัตว์ประหลาด แวมไพร์และผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดผู้ถูกเผาทั้งเป็นบนเสา รวมไปถึงเรื่องราวนองเลือดของการสังหารราชาเพื่อชิงบัลลังก์อีกด้วย
ปราสาทกลามิสเป็นของครอบครัวตระกูลไลออน แต่ก็ในปี 1537 เจเน็ต ดักลาส (Janet Douglas) หรือเลดี้กลามิส (Lady Glamis) ถูกกล่าวหาว่ามีการใช้เวทมนตร์เพื่อพยายามสังหารกษัตริย์เจมส์ที่ 5 ทำให้ถูกเผาเธอที่เสาในเอดินบะระและเชื่อกันว่าวิญญาณของเธอได้กลายมาเป็น “สุภาพสตรีสีขาว” ที่คอยหลอกหลอนรอบ ๆ ปราสาทโดยเฉพาะบริเวณหอนาฬิกา นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่า "เอิร์ลเบียร์ดี" (Earl Beardie) เอิร์ลแห่งครอว์ฟอร์ดคนที่ 4 เคยทำการเล่นไพ่กับซาตานในห้องที่มีกำแพงล้อมรอบทุกด้านอีกด้วย
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่พักค้างคืน ณ ปราสาทกลามิส เขาตื่นขึ้นมากลางดึกและได้เห็นชุดเกราะอัศวินยืนอยู่เหนือตัวเอง ภายในชุดเกราะนั่นมีใบหน้าของโครงกระดูกจ้องมองมาอย่างน่าสะพรึงกลัว
ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ “ผู้หญิงสีเทา” ที่มีผู้อ้างว่าได้เห็นเธอเดินเตร่ไปมาทั่วบริเวณด้านนอกของปราสาทกลามิส ตัวตนของเธอจะยังคงเป็นปริศนา แต่ก็มีคนพบเห็นเธอเดินไปมานานหลายปีแล้ว
ตำนานที่น่าสนใจอีกเรื่องเกี่ยวกับแวมไพร์ ว่ากันว่าตัวตนที่แท้จริงคือหญิงรับใช้ที่ถูกขังเอาไว้ในห้องลับ ซึ่งตำนานเกี่ยวกับห้องลับของปราสาทกลามิสยังมีเรื่องเล่าวเกี่ยวกับห้องลับที่ทำการซ่อนครึ่งคนครึ่งสัตว์ประหลาดที่โง่เขลาที่หากสัมผัสกับแสงแดดมันก็จะเจ็บปวด กลิ้งไปมาพร้อมกับรองครวญครางอย่างเจ็บปวด เรื่องราวดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากเหล่าคนรับใช้ที่ทำงานในปราสาทกลามิสมาหลายชั่วอายุคนที่สาบานว่าได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงร้องที่น่ากลัวของครึ่งมนุษย์ยามที่มันออกมาหากินในยามราตรี ตามคำบอกเล่าของผู้มีตำแหน่งสูงศักดิ์ในอดีตได้มีการกล่าวถึงห้องลับนี้เอาไว้ว่าผู้ที่รู้ตำแหน่งของห้องลับมีเพียงเจ้าของปราสาทเท่านั้นและเมื่อทายาทบรรลุนิติภาวะแล้วเขาก็ต้องเก็บซ่อนตำแหน่งของห้องลับเอาไว้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของสัตว์ประหลาดแห่งกลามิสได้กลายมาเป็นหนึ่งในนิทานพื้นบ้านที่น่าสนใจตั้งแต่ปี 1821 มีพื้นฐานมาจากข่าวลือของลูกชายคนแรกของเอิร์ลแห่งสตราธมอร์ ตามตำนานเล่าว่าเด็กชายคนนี้เกิดที่กลามิสแต่พิการอย่างรุนแรง เด็กชายคนนี้ไม่มีคอ แขนและขาเล็ก และมีลักษณะโดยรวมเหมือนไข่ขนาดใหญ่ บ้างก็ว่ามีเส้นขนปกคลุมอยู่ทั่วทั้งร่าง
ครอบครัวเชื่อว่าเด็กคนนี้จะต้องเสียชีวิตตั้งแต่เป็นทารก แต่ปรากฏว่าเขากลับไม่ตายจึงได้ซ่อนเขาเอาไว้ในห้องลับของปราสาทแล้วประกาศว่าเขาได้เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่แรกเกิด ในขณะที่เขาก็ค่อย ๆ เติบโตขึ้นภายในห้องลับของปราสาท เมื่อทายาทของปราสาทบรรลุนิติภาวะในวัย 21 ปี พวกเขาก็ได้เห็นพี่ชายแท้ ๆ ที่น่าสะพรึงกลัวในห้องลับที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อีกเลย เชื่อกันว่าสัตว์ประหลาดดังกล่าวมีชีวิตอยู่กว่า 100 ปี ก่อนที่จะเสียชีวิตไปในช่วงทศวรรษที่ 1920 ซึ่งเป็นเวลาหลายศตวรรษแล้วที่จะมีการคัดเลือกทายาทสามคนให้ทำหน้าที่ปกป้องความลับของห้องดังกล่าว...
ผีห่า เรื่องจริงหรือเพียงแค่บทภาพยนตร์!? มาฟังเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์แห่งความลี้ลับที่น่าสนใจกัน